"ไก่เดือยทอง" ทำสถิติไร้พ่ายในรังซีซั่นนี้หลังลงสนามอำลา ไวท์ ฮาร์ท เลน ที่ใช้มา 118 ปี เป็นเกมสุดท้ายด้วยการไล่หวดเอาชนะ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอย่างเด็ดขาด 2-1 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมการันตีจบรองแชมป์ลีกปีนี้ ซึ่งฤดูกาลหน้า สเปอร์ส จะย้ายสนามไปเล่นที่ เวมบลี่ย์ ก่อนจะไปใช้สนามใหม่ที่อยู่ใกล้ๆ กันเมื่อสร้างเสร็จแล้ว

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2560
สเปอร์ส 2 - แมนฯ ยูไนเต็ด 1

        สนาม : ไวท์ ฮาร์ท เลน

         ''ไก่เดือยทอง'' ลงสนามนัดอำลา ไวท์ ฮาร์ท เลน ด้วยการวางให้ ซน ฮึง-มิน แข้งยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกเดือนเมษายนลงเล่นในแนวรุกกับ เดเล่ อัลลี่ และ คริสเตียน เอริคเซ่น หน้าเป้าส่ง แฮร์รี่ เคน ล่าสกอร์แรกในเกมกับยูไนเต็ด

         ฝั่ง ''ปีศาจแดง'' เปลี่ยนทีมถึง 8 ตำแหน่งจากเกมยูโรปา ลีก กับ เซลต้า บีโก้ โดยมีดาวรุ่งอย่าง อักเซล ตวนเซเบ้ ออกสตาร์ตในแดนกลาง เช่นเดียวกับ เวย์น รูนี่ย์ กัปตันทีม และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่วันนี้ได้ยืนกองหน้าเป้าเลย

         ออกสตาร์ตไปได้เพียง 6 นาที สเปอร์ส ออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็วจากจังหวะเตะมุมสั้นด้านซ้าย คริสเตียน เอริคเซ่น จ่ายออกมาให้ เบน เดวิส เปิดโค้งเข้าไปเข้าหัว วิคเตอร์ วานยาม่า โขกจากทางเสาสองย้อนบอลไปเสียบตาข่ายทางเสาแรกเข้าประตูไปอย่างเด็ดขาด ไวท์ ฮาร์ท เลน สั่นเหมือนแผ่นดินไหวเลย

         หลังจากนั้นนาทีที่ 12 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลุ้นบ้าง ดาเล่ย์ บลินด์ เปิดเตะมุมจากทางซ้ายเข้ามาที่เสาแรกให้ เวย์น รูนี่ย์ ขึ้นโขก แต่โดนไม่ดีนักบอลหลุดกรอบออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

         อีก 5 นาทีต่อมายังเป็นผู้มาเยือนที่ได้ลุยต่อเนื่อง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ได้บอลทางซ้ายลากจี้กองหลังหนึ่งจังหวะแล้วล็อกมาเข้าเท้าขวาปั่นโค้งให้บอลหนีมือ โยริส แต่บอลแรงเกินไปหลุดเสาไกลออกหลัง

         ผ่านมาถึงนาทีที่ 18 เจ้าบ้านเกือบจะได้เพิ่ม ซน ฮึง-มิน พาบอลกระชากแหวกแนวรับทีมเยือนหลุดเดี่ยวเข้ามาในเขตโทษแล้วหวดด้วยซ้าย แต่บอลดันไปตรงตัว เด เคอา ทุบทิ้งออกมา สมอลลิ่ง เคลียร์ออกไปเข้าทาง เอริคเซ่น หวดด้วยขวาสวนเข้าไปทันที แต่คราวนี้บอลหลุดกรอบหวุดหวิด

         เลย 20 นาทีแรก สเปอร์ส ยังได้ลุ้นต่อเนื่อง คริสเตียน เอริคเซ่น ได้บอลทางขวา เปิดผ่านบล็อก ดาเล่ย์ บลินด์ ลอยโด่งจะข้ามเส้นประตู เด เคอา ต้องออกแรงปัดออกมา อัลลี่ ปรี่ไปจะซ้ำ แต่ ไบยี่ ยังไวตามมาเคลียร์ออกจากเขตโทษได้

         นาทีที่ 41 วานยาม่า จ่ายบอลพลาดที่กลางสนาม ลินการ์ด ตวัดเร็วขึ้นหน้าให้ มาร์กซิยาล ใช้ความเร็วสปีดพาบอลหลุดเข้าเขตโทษ แต่จังหวะสุดท้ายแตะบอลผิดเหลี่ยมไปเข้าทาง แฟร์ต็องเก้น เก็บเคลียร์ออกมาได้

         ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก สเปอร์ส พลาดได้ประตูที่สองอย่างน่าเสียดาย เอริคเซ่น จ่ายบอลตามช่องให้ แฮร์รี่ เคน หลุดกับดักล้ำหน้าขึ้นไปทางขวาของเขตโทษแล้วหวดด้วยขวา แต่ เด เคอา ยังออกมาบีบมุมเซฟเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ครบ 45 นาทีแรก สเปอร์ส ออกนำ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0
 
         ครึ่งหลังเล่นไปแค่สามนาทีเท่านั้นเอง สเปอร์สได้ลูกฟรีคิกทางซ้ายใกล้เส้นข้าง คริสเตียน เอริคเซ่น เปิดโค้งไปหน้าประตู แฮร์รี่ เคน ดีดด้วยเท้าขวาเข้าไปให้สเปอร์สนำ 2-0 และสเปอร์สยังเล่นดีอย่างต่อเนื่อง

         หลังจากนั้นแมนฯ ยูไนเต็ดสวนขึ้นไปทางขวาโดย เอริก ไบยี่ แต่สเปอร์สก็กลับมาได้แล้ว เอริคเซ่นจ่ายบอลให้ ซน ฮึง-มิน จ่ายทะลุต่อไปให้เคน ก่อนจะแตะเข้าซ้ายยิงแต่หลุดออกหลังไป

         แมนฯ ยูไนเต็ดมีโอกาสช่วงนาทีที่ 59 เมื่อ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล จ่ายบอลให้ เจสซี่ ลินการ์ด ยิงด้วยเท้าขวาในเขตโทษแต่หลุดออกทางขวา จากนั้นนาทีที่ 61 แมนฯ ยูไนเต็ดเปลี่ยนเอา อันเดร์ เอร์เรร่า ลงไปแทน อักเซล ตวนเซเบ้ และ เฮนริค มคิทาร์ยาน ลงไปแทน เจสซี่ ลินการ์ด

         นาทีที่ 63 เวย์น รูนี่ย์ จ่ายบอลให้กับมาร์กซิยาล กระชากบอลเข้าไปทางซ้ายใกล้เขตโทษก่อนจะยิงโด้งด้วยเท้าขวา แต่หลุดกรอบออกไป ถัดมาสเปอร์สได้โต้กลับไป โดยที่ เดเล่ อัลลี่ จ่ายบอลให้ ซน ฮึง-มิน โหม่งจากกลางเขตโทษแต่หลุดออกทางขวา

         แต่ความพยายามของแมนฯ ยูไนเต็ดก็มาประสบความสำเร็จนาทีที่ 68 เมื่อ ฆวน มาตา เปิดบอลจากลางสนามออกไปให้มาร์กซิยาลทางซ้ายกระชากเข้าไปในเขตโทษก่อนจะเปิดหน้าประตู รูนี่ย์ยิงระยะ 6 หลา บอลแฉลบเท้าของแฟร์ต็องเก้น เข้าประตูให้แมนฯ ยูไนเต็ดไล่มา 1-2

         หลังจากนั้นทางสเปอร์สเปลี่ยนเอา มูซ่า เดมเบเล่ ลงไปแทน ซน ฮึง-มิน และมีโอกาสบุกขึ้นไปสร้างความกดดันต่อแนวรับของแมนฯ ยูไนเต็ด แต่ก็ไม่มีทีมไหนทำประตูได้ก่อนจะจบลงสเปอร์สชนะไป 2-1 เก็บชัยชนะสั่งลา ไวท์ ฮาร์ท เลน สุดยิ่งใหญ่ ทั้งสร้างสถิติไร้พ่ายในรังซีซั่นนี้ พร้อมการันตีรองแชมป์ลีกแน่นอนแล้ว

        รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

         สเปอร์ส : อูโก้ โยริส (กัปตันทัม) - คีแรน ทริปเปียร์ (ไคล์ วอล์คเกอร์ น.83), โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, แยน แฟร์ต็องเก้น, เบน เดวิส - วิคเตอร์ วานยามา, เอริก ดายเออร์ - คริสเตียน เอริคเซ่น (จอร์จส์-เควิน เอ็นคูดู น.90+2), เดเล่ อัลลี่, ซน ฮึง-มิน (มูซ่า เดมเบเล่ น.72) - แฮร์รี่ เคน

         สำรองไม่ได้ใช้ : วินเซนต์ ยานส์เซ่น, มิเชล ฟอร์ม, มุสซ่า ซิสโซโก้, เควิน วิมเมอร์

         แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา - เอริก ไบยี่, ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง, ดาเล่ย์ บลินด์  - อักเซล ตวนเซเบ้ (อันเดร์ เอร์เรร่า น.61), ไมเคิ่ล คาร์ริค -  ฆวน มาต้า (มาร์คัส แรชฟอร์ด น.79), เวย์น รูนี่ย์ (กัปตันทีม), เจสซี่ ลินการ์ด (เฮนริค มคิทาร์ยาน น.61) - อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล

         สำรองไม่ได้ใช้ : เดเมตรี มิตเชลล์, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, มัตเตโอ ดาร์เมียน, เซร์คิโอ โรเมโร่

         ผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์