แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคิวดวลกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในเกม ยูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่สนาม เฟรนด์ส อารีน่า กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน วันพุธที่ 24 พฤษภาคม โดยมีตั๋วลุยศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าเป็นเดิมพัน ขณะที่ สปอร์ตบีทีดอตคอม เว็บไซต์ลูกหนังดัง วิเคราะห์ 5 จุดสำคัญที่จะเป็นตัวตัดสินผู้ชนะ ดังต่อไปนี้

1.) กุนซือ - โชเซ่ มูรินโญ่ ดวล ปีเตอร์ บอสซ์

มูรินโญ่ ตั้งเป้าคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยสโมสรยุโรปรายการที่ 4 ในอาชีพ แต่เขาจะต้องเผชิญหน้ากับ ปีเตอร์ บอสซ์ หนึ่งกุนซือหนุ่มที่น่าจับตามองแห่งยุคนี้ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติฮอลแลนด์ ย้ายมาคุม อาแจ็กซ์ ช่วงเริ่มต้นซีซั่นนี้ หลังจากประสบความสำเร็จกับ มัคคาบี้ เทลอาวีฟ ในลีกอิสราเอล โดยเขาเน้นให้ลูกทีมเข้าบีบกดดันเร็วและแย่งบอลกลับมาให้ได้ภายใน 5 วินาที ด้วยการเล่นสมัยใหม่ในสไตล์ "โททัล ฟุตบอล"

ด้าน มูรินโญ่ ได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในกุนซือที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งเขามุ่งมั่นที่จะซิวแชมป์ ยูโรปา ลีก ให้ได้ หลังจากผลงานในลีกย่ำแย่จบเป็นอันดับ 6 ของตารางเท่านั้น

 2.) ดาวรุ่งพุ่งแรง - มาร์คัส แรชฟอร์ด ดวล ดาวินซอน ซานเชซ

การยิง 2 ประตูของ แรชฟอร์ด ในเกมประเดิมสนามในรายการนี้เมื่อซีซั่นที่แล้ว เป็นจุดเริ่มต้นอาชีพที่สดใสของแข้งวัย 19 ปี ก่อนที่เจ้าตัวจะกลายเป็นตัวจริงขาประจำตั้งแต่นั้น ด้วยความเร็วราวจรวด, ทักษะการกระชากบอลและการจบสกอร์สุดเฉียบคม และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถลงเล่นในเกมสำคัญโดยที่แข้งขาไม่สั่น ด้วยการยิงฟรีคิกสุดเฉียบคมเป็นประตูชัยในเกมรอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่บุกชนะ เซลต้า บีโก้ 1-0

อย่างไรก็ตาม หัวหอกทีมชาติอังกฤษ จะต้องเผชิญหน้ากับ ซานเชซ ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในปราการหลังดาวรุ่งที่น่าจับตามองในเวลานี้ แข้งวัย 20 ปีเปี่ยมไปด้วยทักษาะในการครองบอลและไม่กลัวในการพุ่งเข้าเสียบสกัด และสามารถรับมือกับความเร็วของ แรชฟอร์ด ได้อย่างไร้ปัญหา เขาเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับนักเตะในวัยเดียวกัน และด้วยฟอร์มที่โดดเด่นที่มีกับ อาแจ็กซ์ ส่งผลให้ตกเป็นข่าวได้รับความสนใจจาก เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และ เชลซี

 3.) อดีตนักเตะ กับ นิว ซลาตัน - ดาเล่ย์ บลินด์ ดวล แคสเปอร์ โดลเบิร์ก

บลินด์ จะเผชิญหน้ากับอดีตต้นสังกัดเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ย้ายเข้าสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อปี 2014 และจะต้องระวังอันตรายจาก โดลเบิร์ก ทุกเสี้ยววินาทีไม่ว่าจะถูกส่งลงเล่นเป็นแบ็กซ้ายหรือปราการหลังตัวกลาง กองหน้าชาวเดนมาร์ก ระเบิดฟอร์มยิง 22 ประตูรวมทุกรายการในซีซั่นนี้ โดยเป็นการยิงถึง 10 ประตู จาก 12 นัดหลัง ซึ่งด้วยความเฉียบคมในการยิงประตู บวกกับความสูง 6 ฟุต 2 นิ้ว ส่งผลให้เขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ยอดดาวยิงชาวสวีเดนของ แมนฯ ยูไนเต็ด

 4.) นักเตะแพงสุดในโลก กับ นักเตะหนึ่งเดียวคนนี้ - ปอล ป็อกบา ดวล ดาวี่ คลาสเซ่น

ป็อกบา ประสบปัญหาในการโชว์ฟอร์มเก่งตั้งแต่ย้ายมาจาก ยูเวนตุส ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก 89 ล้านปอนด์ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่เกมนี้อาจเป็นตัวตัดสินว่าเขาทำผลงานได้คุ้มค่าตัวหรือไม่ ไม่มีข้อสงสัยในศักยภาพของกองกลางทีมชาติฝรั่งเศส และมันจะป็นดวลกันที่น่าสนใจระหว่างเขากับ คลาสเซ่น เพื่อดูว่าใครจะบัญชาการแดนกลางให้ต้นสังกัดตัวเองได้โดดเด่นกว่ากัน กัปตันทีม อาแจ็กซ์ ทะลุขึ้นมาจากศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสร และแม้จะลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง แต่แข้งดัตช์ยิงได้ถึง 18 ประตูรวมทุกรายการในซีซั่นนี้ รวมถึงยิง 2 ประตูให้ทัพ "อัศวินสีส้ม" ด้วย

 5.) ผู้รักษาประตู - เซร์คิโอ โรเมโร่ ดวล อองเดร โอนาน่า

โรเมโร่ กลายเป็นเพียงมือ 2 ถัดจาก ดาบิด เด เคอา ตั้งแต่ย้ายซบ "ปีศาจแดง" เมื่อปี 2015 แต่ โชเซ่ มูรินโญ่ ส่งนายทวารทีมชาติอาร์เจนตินา ลงเฝ้าเสาในเกมบอลถ้วยฤดูกาลนี้ ด้าน โอนาน่า ลงสนามไปแล้ว 45 นัดรวมทุกรายการ ตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นมาจากทีมสำรองของ อาแจ็กซ์ ช่วงเริ่มต้นซีซั่นนี้ และสามารถรักษาคลีนชีตได้ถึง 23 นัด ขณะที่ยังเล่นลูกด้วยเท้าได้อย่างโดดเด่นและเป็นหัวใจสำคัญในการตั้งเกมจากแดนหลังอีกด้วย