เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่เด็กหงส์คงรู้สึกแก่ขึ้นเป็นกองจากการติดตามเชียร์ทีมรัก แม้สุดท้ายจะจบลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งเหมือนหนังเกาหลีด้วยการติดท็อปโฟร์ แต่ระหว่างทางล้วนมีสตอรี่น่าสนใจและเก็บไปเป็นการบ้าน ผมสรุปมา 6 ข้อดังนี้....

1. เกินคาดแต่ตามเป้า
         ถ้าเด็กหงส์คนไหนไม่พอใจกับการคว้าอันดับสี่ พร้อมโควตาไปเล่นชปล. สมควรย้อนกลับไปถามตัวเองก่อนเปิดฤดูกาลว่าตั้งเป้าไว้สูงหรืออย่างไร
 การมาของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า, โชเซ่ มูรินโญ่ และอันโตนิโอ คอนเต้ ยังไม่นับอาร์แซน เวนเกอร์ และเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ทำให้ซีซั่น 2016/17 ถูกยกเป็นปีที่การลุ้นบนหัวตารางมองออกยากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
 ลิเวอร์พูล ดูเป็นรองคู่แข่งทั้งห้าทีมเมื่อวัดจากขุมกำลัง, ผลงานปีหลังๆ และการใช้เงินเสริมทัพ แต่เจอร์เก้น คล็อปป์ เค้นทีมให้ออกสตาร์ตร้อนแรงด้วยการแพ้แค่นัดเดียวใน 13 เกมแรก จนกระทั่งขึ้นนำจ่าฝูงอยู่ช่วงหนึ่งสั้นๆ
 จริงอยู่ว่าการถดถอยจากตำแหน่งจ่าฝูงลงมาป้วนเปี้ยนแถวอันดับ 3-4-5 ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง อาจเป็นความน่าผิดหวัง แต่โดยภาพรวม ย้ำว่าภาพรวม คล็อปป์ ทำสำเร็จตามเป้าของตัวเองกับการติดหนึ่งในสี่ และในมิติหนึ่ง การจบเหนือเวนเกอร์ กับมูรินโญ่ ได้ ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา
 

 2. ปัญหาบาดเจ็บ
         ว่ากันว่าหนึ่งในคุณสมบัติของทีมที่จะเป็นแชมป์ ต้องดูตัวอย่างเลสเตอร์ ฤดูกาลก่อน กับเชลซี ในซีซั่นนี้ ที่แทบไม่โดนปัญหาบาดเจ็บมารบกวน
 แต่ลิเวอร์พูล กลับไม่มีโชคในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก และที่สำคัญคือโรคเดี้ยงมักมาเกิดกับผู้เล่นคีย์แมนในแต่ละขุมกำลัง ไล่จากโจแอล มาติป, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, อดัม ลัลลาน่า, แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ไปจนถึงซาดิโอ มาเน่
 บางนัด นักเตะทั้งหมดที่ว่า ลงเล่นไม่ได้เลยแม้แต่คน และด้วยขนาดทีมที่ยังมีความแตกต่างกว้างเป็นมหาสมุทรระหว่างตัวจริงกับสำรอง ปัญหาบาดเจ็บขนาดนี้ย่อมสะเทือนถึงผลงานในสนาม
 ทางออกประการหนึ่งคือการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ให้ทัดเทียมกันในแง่คุณภาพ ไม่ใช่แต่ปริมาณ

 3. พึ่งพามาเน่
         ตอนทุ่มเงิน 30 ล้านปอนด์ เป็นค่าตัวซาดิโอ มาเน่ ในช่วงซัมเมอร์ ยังไม่มีใครระแคะระคายว่านักเตะรายนี้จะเป็นหัวใจสำคัญในฟุตบอลของคล็อปป์
 ดาวเตะเซเนกัล จุดติดทันทีตั้งแต่ระฆังยกแรกกับอาร์เซน่อล และทำไป 9 ประตู ก่อนถูกลักพาตัวหายไปเล่นศึกเนชั่นส์ คัพ นานเกือบเดือนเต็ม
 ในห้วงนั้นเอง ผลงานของหงส์แดงก็ดำดิ่งตอร์ปิโด ไม่ชนะในลีก แถมตกรอบเกลี้ยงในสองบอลถ้วย
 มาเน่ กลับมาถึงยังตกใจ กูไปแป้บเดียว เหลือพรีเมียร์ลีก ให้ลุ้นแค่รายการเดียวซะงั้น
 หลังคัมแบ็ก มาเน่ เร่งยิงอีก 4 ลูก รวมถึงสองประตูที่อัดสเปอร์ส 2-0  ก่อนปิดเทอมยาวในศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ ต้นเดือนเมษายน พร้อมกับฟอร์มของทีมหายเข้ากลีบเมฆอีกครั้ง
 

 4. ปล้นแต้มทีมใหญ่ เอาไปแจกทีมเล็ก
         ความพ่ายแพ้ทั้ง  6 นัดในลีก เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของเบิร์นลี่ย์ (16), บอร์นมัธ (9), สวอนซี (15), ฮัลล์ (18), เลสเตอร์ (12) และคริสตัล พาเลซ (14)
 ในวงเล็บคืออันดับของทีมนั้นตอนจบฤดูกาล โดยมีเพียงบอร์นมัธ ที่เร่งสปีดในช่วง 5 นัดสุดท้ายจนกระทั่งมาจบครึ่งบนตารางได้สำเร็จ
 มิหนำยังทำประตูเซาธ์แฮมป์ตัน ไม่ได้ทั้ง 4 นัดที่เจอกันในลีกและบอลถ้วย แถมเสมอเวสต์แฮม, ซันเดอร์แลนด์ และบอร์นมัธ ทิ้งแต้มอีลุ่ยฉุยแฉก
 แต่ในขณะเดียวกัน ผลงานเจอทีมท็อป-7 เขียนว่าชนะ 7 เสมอ 5 แพ้ 0 ไม่เพลี่ยงพล้ำสักครั้งเดียวในการเจอกับเชลซี, สเปอร์ส, แมนฯ ซิตี้, อาร์เซน่อล, แมนฯ ยูไนเต็ด และเอฟเวอร์ตัน
 นี่คือปัญหาที่คล็อปป์ ต้องเก็บไปเป็นการบ้าน หาทางปรับปรุงก่อนกลับมาสู้ใหม่ในฤดูกาลหน้า
 

 5. หมากเตะไม่ยืดหยุ่น
         บางคนอาจสงสัยว่าถ้าคล็อปป์ ไม่ผ่าทางตันในสองเกมสุดท้ายโดยหันมาใช้ระบบ 4-4-2 ไดม่อนด์ แทนหมากเดิมที่ยึด 4-3-3 เหนียวเป็นกาวตราช้างมาจวนจบฤดูกาล ผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ?
 ผมตอบได้เลยว่าบรรลัยสถานเดียว และถ้าคล็อปป์ ตัดสินใจปรับแผนเร็วกว่านี้อีกสัก 1-2 นัด ไม่แน่ว่าหงส์แดงอาจติดปีกโบยบินถึงอันดับสามก็เป็นได้
 สองนัดสุดท้ายภายใต้หมากหน้าคู่ ทีมบุกถล่มเวสต์แฮม 4-0 และอัดโบโร่ 3-0 ทั้งที่ 18 เกมก่อนหน้าในลีก ลิเวอร์พูล ยิงคู่แข่งมากกว่าสองลูกได้ทั้งสิ้น เอ่อ 2 นัดเท่ากัน
 นี้ไม่ได้หมายความว่าคล็อปป์ จะต้องเปลี่ยนใจมาใช้หมาก 4-4-2 ไดม่อนด์ เพราะจุดบอดของระบบนี้ก็มีไม่น้อย แต่ความสามารถในการโรเตชั่น ไม่เพียงตัวผู้เล่น แต่ยังรวมถึงระบบ จะช่วยให้ทีมมีความหลากหลายเพื่อเอาชนะคู่แข่ง
 

 6. เกมรับยังอ่อนหัด
         ผลงานโดนยิง 42 ประตู อาจดีที่สุดนับตั้งแต่ทีมของเคนนี่ ดัลกลิช ที่เสียไป 40 ลูกในฤดูกาล 2011/12 (จากนั้นเสีย 43, 50, 48 และ 50 ตลอดสี่ปีหลัง)
 แต่ความจริงคือซิมง มิโญเล่ต์ จัดการเซฟคลีนชีตได้ทั้ง 4 นัดในเดือนพฤษภาคม  หาไม่แล้ว ตัวเลขคงขยับเพิ่มกว่านี้
 นายทวารเบลเยี่ยม พัฒนาฝีมือดีขึ้นชัดเจนหลังโดนดร็อปในช่วงต้นฤดูกาล และสามารถเก็บคลีนชี้ตได้ 9 นัดจาก 28 เกม
 แต่เมื่อเทียบกับนายประตูทีมใหญ่ด้วยกัน ธีโบต์ กูร์กตัวส์ คลีนชีต 16, อูโก้ โยริส 15 , ดาบิด เด เคอา 14 ตามด้วยปีเตอร์ เช็ก 12 ถือว่าโกลหงส์ยังห่างไกล
 อย่างไรก็ตาม ปัญหาไม่ได้อยู่แค่มิโญเล่ต์ แล้วจบ แต่แบ็กโฟร์ก็ต้องปรับปรุง แบ็กซ้ายต้องหาใหม่ เช่นเดียวกับเซนเตอร์ฮาล์ฟ และทีมยังเสียประตูบ่อยจากลูกตั้งเตะ รวมไปถึงจังหวะโดนสวนกลับเร็ว