"สิงห์บลูส์" เชลซี โอกาสยิงถึง 21 ครั้ง แต่ยังไม่สามารถเจาะตาข่าย อาร์เซน่อล ที่วันนี้เล่นได้เหนียวแน่นบุกมายันเสมอ 0-0 ต้องไปลุ้นกันต่อในเกมที่สองที่รังของไอ้ปืนใหญ่ในอีกสองวีกข้างหน้า ใน "ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์" ฉบับ คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อคืนวันพุธที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา

คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก
วันพุธที่ 10 มกราคม 2561
เชลซี (พรีเมียร์ลีก) 0 - อาร์เซน่อล (พรีเมียร์ลีก) 0

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์ (ลอนดอน)

    ศึก คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก "สิงห์บลูส์" เชลซี เปิด "ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์" รับมืออริร่วมเมือง "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ซึ่งทั้งคู่เพิ่งจะเจอกันในพรีเมียร์ลีกเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาก่อนจะเป็น ไอ้ปืนใหญ่ ที่มาไล่ตีช่วงทดเจ็บเสมอกันไป 2-2

    โดยเกมนี้ยังได้นำเทคโนโลยี VAR วีดีโอช่วยในการตัดสิน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในฟุตบอลถ้วยรายการนี้ และเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ใช้ในฟุตบอลถ้วยของเกาะอังกฤษ ต่อจากเกม เอฟเอ คัพ รอบ 3 คู่ระหว่าง ไบรท์ตัน กับ คริสตัล พาเลซ

    โดยเกมวันนี้ อันโตนิโอ คอนเต้ ส่ง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า รับบทกัปตันทีมคุมเกมรับ ส่วนแนวรุกวาง อัลบาโร่ โมราต้า เป็นหน้าเป้า โดยมี เชส ฟาเบรกาส และ เอแด็น อาซาร์ สนับสนุนเกมรุกข้างหลัง ขณะที่ฝั่ง อาร์แซน เวนเกอร์ ไร้ เมซุต โอซิลขณะที่ อเล็กซิส ซานเชซ มีชื่อเป็นสำรองในเกม ซึ่งแนวรุกฝากความหวังไว้ที่ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ โดยมี อเล็กซ์ อิโวบี ,แดนนี่ เวลเบ็ค และแจ็ค วิลเชียร์ ที่วันนี้รับบทบาทกัปตันทีมคอยปั้นเกมอยู่ข้างหลัง

    เปิดฉากมา 3 นาที เจ้าถิ่นได้ลุ้นจากจังหวะที่ อัลบาโร่ โมราต้า หลุดไปถึงเส้นหลังก่อนตัดสินใจซัดมุมแคบแต่บอลเข้าข้างตาข่าย

    เกมค่อนข้างจะเล่นกันรัดกุม โอกาสยิงเข้ากรอบยังไม่มี นาที 21 ไอ้ปืนใหญ่ โต้ขึ้นมาและได้จบหนแรก "กัปตันแจ็ค" วิลเชียร์ ชิพบอลตัดแนวหลังให้ ลากาแซตต์ หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาบอลเหินคานไปแบบไม่มีลุ้น

    นาที 24 "สิงห์บลูส์" เกือบได้เฮขึ้นนำก่อน เมื่อ วิคเตอร์ โมเสส เลี้ยงตัดเข้ากลางก่อนตะบันด้วยซ้ายเต็มข้อบอลพุ่งแรงตรง ออสปิน่า ที่แม้จะรับไม่อยู่แต่ตามมาตะครุบติดมือไว้ได้

    ถัดมาอีกแค่ 4 นาที โมเสส คนเดิมเก็บบอลได้ในกรอบก่อนอัดด้วยซ้ายอีกครั้ง บอลเลียดชนเสาอย่างจัง แม้ โมราต้า จะตามไปซ้ำแต่แข้งอาร์เซน่อลก็ช่วยกันเคลียร์ออกมาได้

    นาที 37 เชลซี ได้ฟรีคิกระยะเกือบ 25 หลา ฟาเบรกาส ไหลสั้นๆให้ ก็องเต้ ที่ยืนโล่งๆ วิ่งมาอัดด้วยขวาเต็มแรงแต่บอลเหินข้ามคานไป   

    นาที 39 ลูกทีมของ เวนเกอร์ ได้ลุ้นยิงเข้ากรอบเป็นหนแรก จากจังหวะที่ รือดิเกอร์ แนวรับเจ้าถิ่นเคลียร์บอลไม่ดี อเล็กซ์ อิโวบี เบียดแย่งได้ก่อนแปยัดด้วยขวาบอลพุ่งเสาแรกแต่ดีที่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ พุ่งปัดออกไป บอลไปเข้าทาง เมทแลนด์-ไนล์ส แตะหลบ โมเสส ล้มไปในเขตโทษ มาร์ติน แอ็ตกินสัน ไม่ว่าอะไรแถมตัดสินใจไม่เรียกใช้ VAR

    ช่วงนาทีสุดท้ายก่อนทดเวลา ฟาเบรกาส ได้โขกเหน่งๆ แต่บอลยังไม่พ้นตัว ออสปิน่า รับไว้ได้ จบครึ่งแรก เชลซี ยังเสมอกับ อาร์เซน่อล 0-0

    กลับมาสู้ในครึ่งหลังกันต่อ สิงห์บลูส์ โหมรุกตั้งแต่นาทีแรก และได้ลุ้นจากจังหวะที่ โมเสส เปิดเข้ามาให้ อลอนโซ่ โหม่งชงไปเสาสองให้ คริสเตนเซ่น ที่สอดมาโขกบอลเหินคานไป

    นาที 56 ฟาเบรกาส ไหลบอลต่อให้ โมราต้า อัดด้วยขวานอกกรอบสุดแรงบอลพุ่งแรงแต่ยังไม่พ้นมือ ออสปิน่า พุ่งปัดออกไปได้

    นาทีเดียวต่อมา อาร์เซน่อล จำต้องเปลี่ยนเอา แจ็ค วิลเชียร์ กัปตันทีมออกหลังมีอาการเจ็บเล่นต่อไม่ไหวแล้วส่ง โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ลงมาเล่นแทน

    ก่อนที่ นาที 65 อาร์แซน เวนเกอร์ จะส่ง อเล็กซิส ซานเชซ ลงมาเล่นแทน อเล็กซองด์ ลากาแซตต์

    นาทีต่อมา เชลซี น่าจะได้ประตูขึ้นนำ โมเสส ที่วันนี้เล่นได้โดดเด่น ได้ยิงเน้นๆอีกครั้งบอลพุ่งจะเสียบเสาสองอยู่แล้วแต่ มุสตาฟี่ ยังไวมาสกัดออกไป และจากจังหวะเตะมุมต่อมา อันเดรียส คริสเตนเซ่น ได้ขึ้นโขกโล่งๆแต่โหม่งกดพื้นหลุดเสาไปแบบน่าเสียดาย

    นานๆ ไอ้ปืนใหญ่จะยิงตรงกรอบ นาที 85 กรานิต ชาคา ลองตั้งป้อมซัดไกลบ้างแต่บอลก็เบาไปเข้ามือ ติโบต์ กูร์กตัวส์

    นาทีสุดท้าย ฟาเบรกาส ล้มลงไปเขตโทษ ผู้ตัดสินเรียกใช้ วีเออาร์ ก่อนตัดสินใจไม่ให้จุดโทษเนื่องจาก แดนนี่ เวลเบ็ค เสียบโดนที่ลูกบอลพอดี

    จบเกม เชลซี ไม่สามารถเจาะตาข่าย อาร์เซน่อล ได้เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0 ทำให้ต้องไปลุ้นเข้ารอบกันในเกมที่สอง ที่ เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ในวันพุธที่ 24 มกราคม นี้

    11ผู้เล่นที่ลงสนาม
   
    เชลซี (3-4-2-1) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (กัปตันทีม), อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์  - วิคเตอร์ โมเสส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ , มาร์กอส อลอนโซ่ - เชส ฟาเบรกาส, เอแด็น อาซาร์ - อัลบาโร่ โมราต้า

    ผู้จัดการทีม : อันโตนิโอ คอนเต้

    อาร์เซน่อล (3-4-2-1) : ดาวิด ออสปิน่า - คาลั่ม แชมเบอร์ส, ชโคดราน มุสตาฟี่, ร็อบ โฮลดิ้ง - เอคตอร์ เบเยริน, กรานิต ชาคา, แจ็ค วิลเชียร์, เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส - อเล็กซ์ อิโวบี, แดนนี่ เวลเบ็ค - อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ 

    ผู้จัดการทีม : อาร์แซน เวนเกอร์   
 
    ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน