บางคนอาจจะคิดว่าในช่วงซัมเมอร์นี้ ลิเวอร์พูล ไม่จำเป็นต้องเสริมทัพอะไร หลังจากขุมกำลังของพวกเขาก็แข็งแกร่งมากพอตัวอยู่แล้ว โดยที่มีแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับตำแหน่งรองแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาล 2018-19 เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม ที่จริงแล้วมันยังมีจุดที่ "หงส์แดง" สามารถเสริมทัพเพื่อทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นได้อยู่ เพียงแต่พวกเขาอาจจะไม่จำเป็นถึงขนาดต้องดึงแข้งระดับโลกมาร่วมทัพก็เท่านั้น

    ลิเวอร์พูล เพิ่งจัดการเซ็นสัญญาคว้าตัว เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก กองหลังดาวรุ่งของ พีอีซี ซโวลล์ สโมสรในศึกเอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์ มาร่วมทีมอย่างเป็นทางการ หลังตกเป็นข่าวอย่างหนักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

    ถ้ายังจำกันได้ในฤดูกาลก่อนมีช่วงหนึ่งที่เซนเตอร์แบ็กของ ลิเวอร์พูล มีเพียง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่ร่างกายแข็งแรงจนลงเล่นอย่างต่อเนื่องหลายนัดได้คนเดียว ส่วน โจ โกเมซ, เดยัน ลอฟเรน และ โฌแอล มาติป ต่างก็เคยถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานจนไม่พร้อมช่วยทีมในบางนัด ด้วยเหตุนี้ การมีตัวเลือกในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กเพิ่มจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และวันนี้เราก็จะมาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขา เพื่อที่หลายคนจะได้รู้จักหนุ่มน้อยคนนี้มากขึ้น

    - ประวัติส่วนตัว
    ฟาน เดน เบิร์ก เป็นคนเมือง ซโวลล์ โดยกำเนิด ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะเข้าอะคาเดมี่ของ พีอีซี ซโวลล์ ในปี 2012 โดยที่จริง ราฟ น้องชายของเขาก็เป็นนักฟุตบอลเหมือนกัน และตอนนี้ก็อยู่กับอะคาเดมี่ของ ซโวลล์ ด้วย

ทั้งนี้ ครอบครัวของ ฟาน เดน เบิร์ก ถือเป็นครอบครัวนักกีฬาอย่างแท้จริง เพราะนอกจากน้องชายจะเล่นฟุตบอลเหมือนกันแล้วนั้น คุณพ่อของเขาเองก็เคยเป็นนักเทนนิสมาก่อน ส่วนคุณแม่ยังเคยเล่นวอลเล่ย์บอลเก่งถึงขนาดเคยติดทีมเยาวชนของทีมชาติฮอลแลนด์ด้วย ขณะที่พี่สาวของเขาก็เล่นฮอกกี้อยู่

    - อาชีพการค้าแข้ง
    ก่อนจะเข้าอะคาเดมี่ของ พีอีซี ซโวลล์ ฟาน เดน เบิร์ก เคยฝึกฝีเท้ากับ ซีเอสวี 28 มาก่อน ขณะที่พอได้เข้าไปอยู่ในทีมเยาวชนของ พีอีซี ซโวลล์ เขาก็พัฒนาฝีเท้าได้น่าประทับใจอยู่เรื่อยๆ จนถึงขนาดเคยได้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของทีมประจำเดือนธันวาคม ปี 2017 ด้วย

พัฒนาการที่ยอดเยี่ยมของ ฟาน เดน เบิร์ก ทำให้ พีอีซี ซโวลล์ มอบสัญญานักเตะอาชีพให้เขาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 โดยที่ตอนนั้น เจราร์ด ไนจ์แคมป์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของทีมบอกว่าจะค่อยๆ พัฒนาและใช้งานเขาไปแบบขั้นต่อขั้น เพื่อที่เจ้าตัวจะได้พัฒนาได้อย่างต่อเนื่องมากขึ้น

    ถึงกระนั้น ฟาน เดน เบิร์ก ก็ไม่ต้องรอนานในการได้ประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ เพราะเขาได้รับโอกาสนั้นในเกมกับ โกรนิงเก้น ในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2018 และหลังจากนั้นเขาก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงถึง 5 เกมจาก 7 นัดสุดท้ายของซีซั่น 2017-18

 พอเข้าฤดูกาล 2018-19 ฟาน เดน เบิร์ก ก็ยังได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่องจนทำให้พอถึงเดือนกันยายนที่ผ่านมาเขาก็กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในเกมระดับ เอเรดิวิซี่ อย่างน้อย 10 เกม ทำลายสถิติเดิมของ คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ ไปได้

    - คุณภาพ
    ฟาน เดน เบิร์ก ขึ้นชื่อลือชาเรื่องมีความเร็วที่ยอดเยี่ยม เขาสามารถวิ่งตามไปสกัดบอลได้ถึงแม้ว่าในตอนแรกจะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดี ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาวิ่งได้เร็วแบบนั้นมันเป็นเพราะสมัยก่อนเขาเป็นปีก ก่อนที่จะโยกมาเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็กในภายหลัง

นอกจากนี้ เขายังเป็นเซนเตอร์แบ็กที่ผ่านบอลได้ดีในระดับหนึ่งด้วย เพราะทั้งที่เขาได้ลงเล่นน้อยลงหลังจากที่ ยาป สตัม เข้ามาเป็นเทรนเนอร์ของทีมเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่เจ้าตัวก็ยังเป็นนักเตะของ พีอีซี ซโวลล์ ที่ผ่านบอลเข้าเป้าสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของทีม ด้วยอัตรา 88.4 เปอร์เซ็นต์

- ฉายาเก๋ไก๋
    เพื่อนร่วมทีมของ ฟาน เดน เบิร์ก ตั้งชื่อเล่นให้เขาว่า "เอ็ด ชีแรน" นักร้องหนุ่มคนดังชาวอังกฤษ ซึ่งสาเหตุไม่ใช่อะไรอื่น แต่เป็นเพราะเขามีผมสีแดงเหมือนกับ ชีแรน เป๊ะนั่นเอง