ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » โดนชิงไปนาน! ลิเวอร์พูล คืนบัลลังก์แล้วหรือยัง ?

โดนชิงไปนาน! ลิเวอร์พูล คืนบัลลังก์แล้วหรือยัง ?

Posted 26/09/2019 by siamsport

"ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมน่ะไม่ใช่สิ่งต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้หรอก ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมคือการที่ผมจะต้องเขี่ย ลิเวอร์พูล ร่วงจากบัลลังก์บ้าบอนั่นให้ได้ คุณเอาคำพูดผมไปตีพิมพ์ได้ตามสบายเลย"

    นั่นคือคำพูดในช่วงเดือนกันยายน ปี 2002 ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยมันเกิดขึ้นหลังจากที่ อลัน แฮนเซ่น กูรูชื่อดัง และอดีตนักเตะของ ลิเวอร์พูล บอกว่า เฟอร์กูสัน กำลังเจอกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต จากการที่ต้องตามหลัง อาร์เซน่อล 6 แต้มหลังจากเริ่มฤดูกาลใหม่ได้เพียงไม่นาน ขณะที่ในฤดูกาลก่อนทีมของ เฟอร์กูสัน ก็เพิ่งเป็นรองแชมป์โดยที่มีแต้มน้อยกว่า อาร์เซน่อล 10 คะแนน

คำพูดของ เฟอร์กูสัน ในครั้งนั้นไม่ได้เป็นเพียงการตอบโต้ แฮนเซ่น เพียงอย่างเดียว แต่มันคือการแสดงออกอย่างแรงกล้าด้วยว่าเขาต้องการลบล้างความคิดที่ว่า ลิเวอร์พูล เป็นเบอร์ 1 ของเกาะอังกฤษให้ได้ หลังจากความคิดแบบนั้นอยู่ในใจของหลายคนมาเป็นเวลานาน แม้กระทั่งกับแฟนบอลของทีมอื่นเอง

    ดูเผินๆ แล้วมันเป็นภารกิจที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะต่อให้ตอนนั้น ลิเวอร์พูล จะห่างเหินแชมป์ลีกมาตั้งแต่ฤดูกาล 1989-90 แต่พวกเขาก็ยังมีดีกรีเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศมากที่สุด ที่จำนวน 18 สมัย อย่างไรก็ตาม เฟอร์กูสัน ก็สามารถทำให้มันเป็นจริงได้ เพราะสุดท้ายแล้วการได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ร่วมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด 13 สมัย มันก็ทำให้ยอดรวมแชมป์ลีกสูงสุดของ "ปีศาจแดง" อยู่ที่ 20 หน

อย่างไรก็ตาม ภารกิจ "เขี่ยลงจากบัลลังก์" ของ เฟอร์กูสัน มันไม่ได้สื่อถึงจำนวนแชมป์เพียงอย่างเดียว มันยังรวมถึงภาพลักษณ์จากด้านอื่นๆ ด้วย อย่างเช่นธุรกิจนอกสนาม, แรงดึงดูดนักเตะชื่อดัง เป็นต้น เรียกได้ว่าอย่างน้อยช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา แฟนบอลเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ในอังกฤษก็เปลี่ยนมุมมองไปแล้วว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมเบอร์ 1 ของอังกฤษเจ้าใหม่

    ด้วยเหตุนี้ การที่ ปีเตอร์ มัวร์ ประธานบริหาร ลิเวอร์พูล พูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจเต็มเปี่ยมว่า "เรากลับมาอยู่ในบัลลังก์ของเราแล้ว" จึงถือเป็นคำพูดที่สื่ออังกฤษให้ความสนใจพอตัว จนเกิดการตั้งข้อสงสัยว่า "หงส์แดง" ได้กลับมานั่งบัลลังก์ทองของพวกเขาแล้วจริงๆ หรือไม่

    - ผลงานในสนาม
    นับตั้งแต่ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียน ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2015 ยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ ก็มีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมมาโดยตลอด ถ้าดูเฉพาะในลีกแล้วล่ะก็ พวกเขาก็ไม่เคยมีอันดับที่เลวร้ายพอถึงซีซั่นถัดไปเลย อย่างในซีซั่น 2015-16 ทีมของ คล็อปป์ ได้ที่ 8, ตามด้วยอันดับ 4 ในฤดูกาล 2016-17, ได้ที่ 4 อีกครั้งในซีซั่น 2017-18 ตามด้วยฤดูกาลก่อนที่เป็นอันดับ 2 ส่วนในฤดูกาลปัจจุบันก็กำลังเป็นจ่าฝูง

 

ส่วนในฟุตบอลถ้วย พวกเขาก็เคยไปถึงรอบชิงชนะเลิศของ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก กับ อีเอฟแอล คัพ ในฤดูกาล 2015-16 โดยถึงแม้ซีซั่น 2016-17 ผลงานที่ดีที่สุดในบอลถ้วยจะเป็นรอบรองชนะเลิศของ ลีก คัพ แต่พอในฤดูกาลต่อมาทีมของ คล็อปป์ ก็ไปถึงรอบชิงดำของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนที่จะได้ถ้วย "บิ๊กเอียร์" ในซีซั่น 2018-19 ส่วนซีซั่นนี้ก็มีแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ติดมือไปแล้ว

    - ผลงานนอกสนาม
    เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) เข้ามาเทคโอเวอร์ ลิเวอร์พูล แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ปี 2010 หลังจากที่ก่อนหน้านั้นเหล่า "เดอะ ค็อป" ต้องภาวนาแทบทุกวันว่าขอให้ จอร์จ ยิลเล็ตต์ และ ทอม ฮิคส์ 2 นักธุรกิจชาวอเมริกันรีบไสหัวออกไปจากสโมสรสักที เพราะในสายตาของแฟนบอล ลิเวอร์พูล แล้วนั้น ทั้งคู่เป็นเหมือนปลิงที่ดูดเลือดทีมมากกว่า

แน่นอน การบริหารงานในช่วงแรกๆ ของ เอฟเอสจี อาจจะไม่ถูกใจแฟนบอล ลิเวอร์พูล อยู่บ้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตอนนี้ ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นก็มาจากการดำเนินแผนบริหารได้ยอดเยี่ยมของพวกเขา และหลักฐานที่ยืนยันถึงเรื่องนันได้เป็นอย่างดีคือสิ่งที่เรียกว่า "รายได้"

    ผลประกอบการในฤดูกาล 2010-11 ของ ลิเวอร์พูล ระบุว่าพวกเขาทำรายได้ไป 203.3 ล้านปอนด์ และตัวเลขด้านนั้นก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างในซีซั่น 2017-18 พวกเขาก็ทำรายได้ไป 513.7 ล้านปอนด์ ขณะที่ 1 ฤดูกาลก่อนหน้านั้นทำได้ 424.2 ล้านปอนด์

    สรุปรายได้ของ ลิเวอร์พูล ตามผลประกอบการในฤดูกาลต่างๆ ตั้งแต่ซีซั่น 2010-11 เป็นต้นมา
    2010-11  203.3 ล้านปอนด์
    2011-12  233.2 ล้านปอนด์
    2012-13  240.6 ล้านปอนด์
    2013-14  305.9 ล้านปอนด์
    2014-15  391.8 ล้านปอนด์
    2015-16  403.8 ล้านปอนด์
    2016-17  424.2 ล้านปอนด์
    2017-18  513.7 ล้านปอนด์

    นอกจากนี้ ขนาดแบรนด์ผลิตภัณฑ์กีฬายักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง ไนกี้ ก็ยังพยายามที่จะเจรจาทำสัญญาเป็นสปอนเซอร์ด้านชุดแข่งให้กับ ลิเวอร์พูล ด้วย โดยสื่อบางเจ้าบอกว่า ไนกี้ ถึงขนาดพร้อมที่จะให้ข้อเสนอระดับที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีสัญญาด้านสปอนเซอร์ชุดแข่งที่มีมูลค่าสูงที่สุดของอังกฤษเลย หลังจากเจ้าของสถิติในตอนนี้คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้เงินจาก อาดิดาส ฤดูกาลละ 75 ล้านปอนด์

 

ยิ่งไปกว่านั้น นิว บาลานซ์ บริษัทผลิตภัณฑ์กีฬาสัญชาติสหรัฐฯ ที่เป็นคนทำชุดแข่งเจ้าปัจจุบันให้กับ ลิเวอร์พูล ก็พร้อมที่จะทุ่มเงินก้อนโตเพื่อที่จะได้ไม่เสียสิทธิ์ให้ ไนกี้ เหมือนกัน เรียกได้ว่าไม่ว่าทางไหน ลิเวอร์พูล ก็จะได้เงินจำนวนมากจากสัญญาด้านสปอนเซอร์ชุดแข่งอยู่ดี

    สรุป : จริงอยู่ว่าการได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อซีซั่นก่อน กับ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ในซีซั่นนี้มาครอง มันอาจจะยังดูเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่า ลิเวอร์พูล กลับมาอยู่บนบัลลังก์ของพวกเขาแล้วจริงๆ เพราะมันควรจะมีแชมป์มาประดับสโมสรมากกว่านี้เพื่อที่จะพูดถึงเรื่องนั้นได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แต่แนวโน้มโดยรวมก็พอจะมองได้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในทิศทางที่ดีที่จะกลับไปเป็นเบอร์ 1 ของเกาะอังกฤษอีกครั้งจริงๆ และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พวกเขาก็อาจจะคืนบัลลังก์ได้ในเร็วๆ นี้ด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »