ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก กลับมาเตะกันอีกครั้งหลังหลีกทางให้กับเกมทีมชาติ นัดที่ 13 มีคู่บิ๊กแมตช์ ที่น่าจับตานั่นคือคู่ระหว่าง "แมนฯ ซิตี้ ปะทะ เชลซี" ส่วนคู่อื่นๆ มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เราไปติดตามชมกันได้เลย

ประเดิมเฮียมู

    งานแรกของ โชเซ่ มูรินโญ่ กับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ คือต้องหยุดสถิติไร้ชัยนอกบ้านของทีม 12 นัดติดต่อกันใน พรีเมียร์ลีก ให้ได้ ขณะที่ เจ้าถิ่น เวสต์แฮม ก็ต้องพยายามเก็บชัยให้ได้ในรอบ 7 เกม

    "ไก่เดือยทอง" เอาชนะ "ขุนค้อน" ได้ทั้งหมด 5 จาก 6 เกมที่เจอกันในทุกรายการ และถ้าชนะได้ในนัดนี้จะเป็นครั้งแรกที่ สเปอร์ส บุกเอาชนะ เวสต์แฮม ถึงบ้าน 3 เกมติดต่อกัน

    หลังจากเป็นทีมแรกที่บุกชนะ สเปอร์ส ที่ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม มาเกมนี้ เวสต์แฮม หวังเป็นอย่างยิ่งจะชนะคู่แข่งทีมนี้ได้สองเกมติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ซีซั่น 2013/14 ที่ตอนนั้นเอาชนะได้ทั้งไป-กลับ

    เป็นเกมที่ 83 เข้าให้แล้วที่ สเปอร์ส ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ซึ่งเป็นตัวเลขยาวนานที่สุดรองจาก แมนฯ ยูไนเต็ด (114 นัด ระหว่างเดือนพฤษภาคม 1999 ถึง เดือนพฤษภาคม 2002) และ อิปสวิช ทาวน์ (87 นัด ระหว่างเดือนสิงหาคม 1994 ถึง เดือนกันยายน 2001)

    เกมลอนดอน ดาร์บี้ เป็นสิ่งที่ แฮร์รี่ เคน ชื่นชอบเหลือเกิน เพราะกัปตันทีมชาติอังกฤษ ซัดไปแล้ว 28 ประตู จากการลงเล่นศึกดาร์บี้ 45 นัด มีเพียง เธียร์รี่ อองรี (43 ประตู), เท็ดดี้ เชอริงแฮม (32 ประตู) และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด (32 ประตู) เท่านั้นที่ทำได้มากกว่าเขา

แย่ ปะทะ แย่

    อาร์เซน่อล ต้องควานหาชัยชนะเกมแรกในรอบ 5 นัด ซึ่งตอนนี้พวกเขาหลุดพื้นที่ท็อปโฟร์ หล่นไปที่ 8 ด้าน เซาธ์แฮมป์ตัน มีแต้มเหนือทีมบ๊วยแค่แต้มเดียว และแพ้มาแล้ว 3 เกมติด

    สถิติการเจอกันของคู่นี้ เป็นฝั่ง "ไอ้ปืนใหญ่" ที่ทำได้ดีกว่า นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 1987 พวกเขาไม่แพ้ในบ้านต่อ "นักบุญ" มาแล้ว 24 นัด แบ่งเป็น ชนะ 18 เสมอ 6

    นอกจากนี้ เดอะ กันเนอร์ส เอาชนะได้ถึง 32 นัดในการเจอกับทีมที่อยู่ในโซนตกชั้น ซึ่งครั้งสุดท้ายที่พวกเขาแพ้ต่อทีมเหล่านั้นคือการแพ้ เวสต์แฮม เมื่อเดือนเมษายน ปี 2007

    อย่างไรก็ตาม 7 จาก 8 แต้มที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้มากในซีซั่นนี้ หรือ คิดเป็น 88% มาจากเกมนอกบ้าน แต่ถึงกระนั้น ยามใดที่ แดนนี่ อิงส์ ทำประตูได้ในฤดูกาลนี้ ทีมไม่เคยชนะได้เลย (เสมอ1 แพ้4)

นกนางนวล ปะทะ สุนัขจิ้งจอก

    ไบรท์ตัน เล่นในบ้านแพ้ต่อ เลสเตอร์ ซิตี้ แค่เกมเดียวเท่านั้น จากการเจอกัน 6 เกม โดยชนะได้ 3 นัด เสมอ 2 นัด

    เดอะ ซีกัลล์ส ชนะเกมในบ้านมาแล้ว 3 เกมติดต่อกัน และหากชนะได้อีกในเกมนี้ จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาคว้าชัยติดต่อกันในถิ่นเป็นครั้งแรกบนลีกสูงสุด

    ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีกแค่ 8 ประตู ขณะที่เรื่องการยิงประตูมีเพียง แมนฯ ซิตี้ เท่านั้นที่ทำได้มากกว่าพวกเขา โดย เลสเตอร์ ยิงได้ 29 ประตู ส่วน เรือใบสีฟ้า ยิงได้ 35 ประตู

    เจมี่ วาร์ดี้ ยิงประตูในลีกติดต่อกันมาแล้ว 4 นัด ซัดไป 6 ประตู ซึ่งเขาเคยยิงได้ 11 นัดติดต่อกันมาแล้ว ตอนช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม ถึง พฤศจิกายน ปี 2015

หงส์ลุ้นมาเน่ยิงปราสาทเรือนแก้วต่อเนื่อง

    คริสตัล พาเลซ แพ้ ลิเวอร์พูล มาแล้ว 4 เกมติดต่อกัน ซึ่งหากแพ้เกมนี้จะทำให้พวกเขาพ่ายต่อ "หงส์แดง" 5 เกมติดเป็นครั้งแรกบนเวที พรีเมียร์ลีก

    ดิ อีเกิลส์ ไม่เคยแพ้ในบ้านตัวเอง 3 เกมติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2018 แต่ในตอนนี้ทีมที่บุกมาชนะเขาก็คือ ลิเวอร์พูล

    หงส์แดง เป็นทีมที่มีผู้เล่นทำประตูได้หลายคน ซึ่งมากสุดในพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ โดยมีคนที่ทำประตูได้ถึง 13 ราย หมายความว่า 18 ผู้เล่นตำแหน่งเอาท์ฟิลด์ มีคนที่ยิงประตูได้คิดเป็น 72% จากจำนวนทั้งหมด ขณะที่ พาเลซ มีน้อยที่สุดในลีก แค่ 4 คนเท่านั้น

    หากทำประตูได้ในเกมนี้ ซาดิโอ มาเน่ จะเป็นผู้เล่นคนที่ 3 ของ ลิเวอร์พูล ที่ทำประตูได้ 5 นัดติดต่อกันในการเจอทีมทีมเดียว เหมือนกับที่ ไมเคิล โอเว่น ทำไว้ตอนเจอกับ นิวคาสเซิล และ หลุยส์ ซัวเรซ ทำได้กับ นอริช ซิตี้

ความมันส์ ทีมยิงเยอะ

    เกมบิ๊กแมตช์ ประจำสัปดาห์ แมนฯ ซิตี้ ตกเป็นอยู่อันดับ 4 หลังความพ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล นัดที่แล้ว ส่วน เชลซี มีแต้มเท่ากับรองจ่าฝูง เลสเตอร์ ซิตี้ รั้งอยู่อันดับที่สาม

    เป็นการเจอกันของสองทีมที่ทำประตูได้ในแต่ละโหมดของตัวเอง แมนฯ ซิตี้ คือทีมที่ยิงประตูในบ้านมากที่สุด(19 ประตู) ส่วน เชลซี ทำประตูเกมเยือนมากที่สุดที่ 18 ประตู

    เซร์คิโอ อเกวโร่ ยิงใส่ สิงห์บลูส์ ไปแล้ว 10 ลูก ซึ่งมากที่สุดเหนือกว่าใครใครที่ทำได้ โดยดาวยิงอาร์เจนไตน์ พังตาข่าย ไป 8 ประตู จาก 6 เกม รวมถึงเคยซัดแฮตทริกได้ในเกมที่ชนะเหนือ เชลซี 6-0 ส่วน แทมมี่ อบราแฮม ทำประตูเกมเยือนได้ 7 ประตู มากสุดในลีกตอนนี้

    คริสเตียน พูลิซิช ทำได้ 5 ประตู จาก 3 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก และจะเป็นผู้เล่นอเมริกันคนแรกที่ทำประตูได้ 4 เกมติดหากยิงได้อีกในเกมนี้

ศึกชิงอันดับสี่!

    เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด สร้างเซอร์ไพรส์ รั้งอันดับ 5 ของตาราง ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด มีแต้มตามหลัง "ดาบคู่" หนึ่งคะแนน

    นับตั้งแต่ ไบรอัน ดีน อดีตกองหน้า เชฟยู ทำประตูใส่ แมนยู ได้ในวันที่ 15 สิงหาคม 1992 ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะ 2-1 ของเดอะ เบลดส์ นับตั้งแต่นั้นมา เชฟฯ ยูไนเต็ด ก็แต่ต่อ แมนยู ตลอด 5 เกมบนลีกสูงสุด

    จอห์น ลุนด์สแตรม ทำได้ 3 ประตูจาก 12 เดิม เทียบเท่ากับ 55 นัดก่อนหน้านี้ในลีก โดยเขายังทำสถิติเทียบเท่าสถิติของตัวเองในการเล่นหนึ่งซีซั่น โดยเขาเคยทำได้ 3 ประตู ตอนซีซั่น 2015/16 และ 2017/18

    ประตูที่ ปีศาจแดง ทำได้ในพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ มาจากผู้เล่นที่อายุไม่เกิน 23 ปี โดยเป็น อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่แก่ที่สุด คือ 23 ปี 326 วัน

    มาร์คัส แรชฟอร์ด สอยตาข่ายได้ 5 ประตูจาก 5 เกมหลังสุดในทุกรายการ และกำลังมองหาสกอร์สามเกมติดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2017