สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงสำหรับ "เดอะ เร้ดส์" ก็คือการไม่มี ซาดิโอ มาเน่ ลงสนาม เพราะตอนนี้ ดาวเตะชาวเซเนกัล เป็นแข่งสำคัญอย่างยิ่ง กระนั้นพวกเขาน่าจะพอสบายใจได้บ้าง เนื่องจาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จะได้ลงสนาม เพราะ "บ็อบบี้" มีสถิติที่ดีเยี่ยมในการเล่นเกมเยือน

ที่สำคัญแมตช์นี้ ลิเวอร์พูล คงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเพราะนอกจากทีมจะลุ้นทำสถิติไร้พ่ายต่อไป พวกเขายังมีโอกาสทำแต้มทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 19 แต้มเลยทีเดียว

1. ใครจะแทน มาเน่
เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกมายืนยันชัดเจนว่า ซาดิโอ มาเน่ มีอาการกล้ามเนื้อฉีกเล็กน้อยในเกมชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ เมื่อสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้เขาหมดสิทธิ์ลงสนามช่วยทัพ "เดอะ เร้ดส์" จนกระทั่งถึงช่วงพักเบรกหนีหนาวเกมลูกหนังเมืองผู้ดี

ในแมตช์ล่าสุดที่ "หงส์แดง" เสมอ ชูร์วสบิวรี่ ทาวน์ 2-2 ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มาเน่ ไม่ได้ลงช่วยทีม นั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูล จะไม่มีเขาช่วยทีมในแมตช์เยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในเกมลีกนัดตกค้าง วันพุธที่ 29 ม.ค.นี้แน่นอน แถมยังอาจจะลามไปถึงเกม เซาธ์แฮมป์ตัน ด้วย

ฉะนั้น คล็อปป์ ต้องคิดแผนสำรองในการให้นักเตะที่จะลงสนามแทนที่ มาเน่ โดยในเวลานี้ชื่อของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เป็นเบอร์ 1 ที่จะได้ลงสนามในแมตช์นี้ ขณะเดียวกัน ทาคูมิ มินามิโนะ จอมทัพชาวญี่ปุ่น ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ กุนซือชาวเยอรมัน อาจจะเลือกส่งลงสนามตัวจริง

ส่วนในรายของ ดิว็อค โอริกี้ ปกติมักจะได้รับโอกาสลงตัวจริงในเกมฟุตบอลถ้วย แต่การที่ คล็อปป์ ไม่มี มาเน่ เขาก็เหมาะจะลงทำหน้าที่นี้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา นายใหญ่เครางาม มักจะเปลี่ยนตัว ดาวเตะชาวเบลเยียม ลงสนามแทน มาเน่ เป็นประจำ

กระนั้นหากถามสาวก "เดอะ ค็อป" อยากให้ใครลงตัวจริง แน่นอนว่าคงไม่มีชื่อ มหาเทพโอริกี้ เพราะเขาเหมาะจะเป็นซูเปอร์ซับมากกว่าเป็น 11 ตัวจริง
 
2. โอกาสฉีกหนีแมนฯ ซิตี้
สำหรับเกมนี้เป็นแมตช์ตกค้างตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพราะทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นต้องเดินทางไปแข่งทัวร์นาเมนต์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ หรือฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ที่นครโดฮา ประเทศกาตาร์ และได้แชมป์กลับมาประดับตู้โชว์ซะด้วย

โดยสถานการณ์ ณ ตอนนี้ "เดอะ เร้ดส์" มีคะแนนทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 16 คะแนน และ เลสเตอร์ ซิตี้ ถึง 19 คะแนน นั่นหมายความว่าหาก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สามารถบุกไปปราบ "ขุนค้อน" ถึงสนามลอนดอน สเตเดี้ยม ได้ นั่นหมายความพวกเขาจะมีแต้มทิ้งห่างไปถึง 19 และ 22 แต้มตามลำดับ

ฉะนั้นในเกมนี้ คล็อปป์ ต้องกระตุ้นลูกทีมให้มีสมาธิในการเล่น เพื่อไม่ให้พวกเขาคิดเตลิดเกี่ยวกับการทำแต้มทิ้งห่าง เนื่องจากหากทีมขาดสมาธิและมัวแต่คิดการณ์ใหญ่โดยไม่จำเป็น ลิเวอร์พูล อาจจะโดนทีเด็ดของ เวสต์แฮม จนต้องน้ำตาตกก็ได้

3. เฮนโด้, ฟาบินโญ่, ไวนัลดุม 3 พลังขับเคลื่อนที่ขาดไม่ได้
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม "หงส์แดง" กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ คล็อปป์ ไม่สามารถขาดหายได้แล้ว โดยช่วงที่ผ่านมา "เฮนโด้" คอยทำหน้าที่ขับเคลื่อนแดนกลางให้กับทีม และยังสามารถช่วยเกมรับได้ด้วย แน่นอนว่านี่คือนักเตะที่เป็นตัวขับเคลื่อนสโมสรอย่างแท้จริง   

แน่นอนว่า มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ ทำผลงานได้ดีเพราะมีคู่หูอย่าง จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม ที่สวมบทโฮลดิ้งมิดฟิลด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามการที่ ฟาบินโญ่ หายเจ็บแล้ว แม้จะทำผลงานไม่ค่อยดีนักในเกมเอฟเอ คัพ ที่ผ่านมา แต่เชื่อว่า คล็อปป์ คงจับ ดาวเตะชาวบราซิเลียน ทำหน้าที่แทน ไวนัลดุม 

ในขณะเดียวกัน คล็อปป์ คงจะจับ มิดฟิลด์ทีมชาติฮอลแลนด์ ขยับไปเล่นเป็นกองกลางตัวรับ ฉะนั้นในแผงมิดฟิลด์ของ กุนซือชาวเยอรมัน ในเกมนี้น่าจะเป็น เฮนเดอร์สัน, ไวนัลดุม และ  ฟาบินโญ่ แน่นอนว่าหากเป็นไปตามที่คาดการณ์จริงๆ ก็ถือว่าแน่นปึ้กเลยทีเดียว

4.  ทีเด็ด ฟีร์มีโน่
เกมนี้จะเป็นโอกาสอีกครั้งสำหรับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่จะได้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพชั้นยอดของเขาในการเล่นเกมเยือน แม้ว่าสาวก "เดอะ ค็อป" อาจจะผิดหวังผลงานของเขาเจ้าตัวในการเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ แต่สำหรับฟอร์มเกมเยือนต้องบอกว่าโดดเด่นเป็นสง่าเหลือเกิน เพราะเขามีส่วนสำคัญในการช่วยทีมในการโกยแต้มเป็นกอบเป็นกำ

"บ็อบบี้" แสดงให้เห็นแล้วในเกมลีกนัดล่าสุด เมื่อเขาจัดการยิงประตูชัยช่วยให้ "เดอะ เร้ดส์" บุกคว่ำ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ ซึ่งในเกมนั้น ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก และเล่นไม่ค่อยดีนัก แต่พวกเขาก็ยังสามารถคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการได้สำเร็จ

แน่นอนว่านี่คือสัญญาณสำหรับทีมที่จะคว้าแชมป์ลีก และทัศนคติของ หัวหอกชาวบราซิเลียน เป็นกุญแจสำคัญในชัยชนะของทีม นอกจากนี้ ดาวเตะวัย 28 ปี ซัดไปแล้ว 4 ประตูจาก 3 เกมหลังสุดที่ออกไปเล่นนอกบ้านในพรีเมียร์ลีก ฉะนั้นการเยือน เวสต์แฮม เชื่อว่า ฟีร์มีโน่ คงจะปั่นป่วนแนวรับของเจ้าบ้านได้ตลอดเวลา

แม้ว่าเกมนี้ คล็อปป์ จะไม่มี 3 ประสาน "หินเหล็กไฟ" เนื่องจาก มาเน่ กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย แต่ก็มี ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ผสมกับแดนกลางที่แน่นปึ้ก แน่นอนว่าพวกเขาคงสามารถครองเกม และสร้างโอกาสได้อย่างที่ต้องการ ฉะนั้นทั้งหมดทั้งมวลก็คือเรื่องความเด็ดขาดในการจบสกอร์เท่านั้น

5.  วาทะกุนซือ
เจอร์เก้น คล็อปป์ : "เวสต์แฮม คงจะสู้อย่างเต็มที่เพื่อความอยู่รอดในลีก มันคงเป็นการต่อสู้ที่สำคัญ พวกเขาจะสู้ด้วยทุกอย่างที่พวกเขามี แน่นอนว่าตัวจริงคงเน้นเกมรับ (จาก เวสต์แฮม) การใช้กองหลัง 4 คน หรือ 5 คน ผมไม่รู้นะ แต่เราต้องพร้อมที่จะสู้ในเกมแบบนี้ พวกเขาต้องการคืนฟอร์มกลับมา พวกเขามีโปรแกรมที่ยากลำบากมากๆ ในช่วงที่จะถึงนี้ ทุกๆ คนรู้เรื่องนั้น พวกเขาไม่มีอะไรจะเสีย และไม่มีเวลาจะเสียด้วย เราต้องสู้อย่างเต็มที่ ถ้าหากเราต้องเล่นในฟอร์มระดับสูง และต้องทำหลายๆ อย่างรวมไปถึงการครองบอลด้วยความฉลาก แน่นอนว่านี่คือการท้าทายที่สำคัญมาก"

เดวิด มอยส์ : "มันเป็นเรื่องท้าทายเรามากๆ ที่เราต้องพยายามเล่นให้เต็มที่ พยายามจัดทีมชุดใหญ่ในการสู้กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องพยายามทำผลงานให้ดีที่สุด แน่นอนว่านี่คือทีมเจ้าของแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งแทบจะไม่มีจุดอ่อนเลยด้วยซ้ำ"