ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » เครื่องจักรทำงาน! ทำไม ลิเวอร์พูล ถึงอาจประสบความสำเร็จต่อเนื่อง

เครื่องจักรทำงาน! ทำไม ลิเวอร์พูล ถึงอาจประสบความสำเร็จต่อเนื่อง

Posted 10/02/2020 by siamsport

การลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2019-20 ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไป เพราะว่าตอนนี้ ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมสุดๆ จนถึงขนาดที่ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นอันดับ 2 ห่างถึง 22 คะแนนเข้าไปแล้ว ทำให้มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นว่าพวกเขาจะได้แชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีในวันไหน
    ประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจในตอนนี้ก็คือ ลิเวอร์พูล จะสามารถครองความหยิ่งใหญ่เป็นเวลาหลายปีได้รึเปล่า เพราะเดิมทีพวกเขาก็ไปถึงรอบชิงชนะเลิศของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาได้ทั้ง 2 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ แถมซีซั่นที่แล้วก็ได้ถ้วย "บิ๊กเอียร์" มาครองด้วย

    ทั้งนี้ กูรูบางส่วนมองว่า ลิเวอร์พูล กำลังเข้าสู่ยุคที่จะกลับไปเป็นทีมเบอร์ 1 ของเกาะอังกฤษแบบต่อเนื่องได้ ซึ่งถ้าดูจากปัจจัยต่างๆ แล้วนั้น มันก็มีโอกาสสูงที่ ลิเวอร์พูล จะครองความยิ่งใหญ่ในอังกฤษได้อย่างต่อเนื่องจริงๆ ลองมาดูกันดีกว่าว่าทำไมถึงอาจจะเป็นอย่างนั้น

    - ขุมกำลังยังไม่แก่
    27.9 คือค่าเฉลี่ยอายุของขุมกำลัง ลิเวอร์พูล ชุดนี้ โดยคนที่แก่ที่สุดของทีมคือ แอนดี้ โลเนอร์แกน ผู้รักษาประตูวัย 36 ปี ที่พวกเขาแค่เซ็นสัญญาเข้ามาแบบไร้ค่าตัวเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในตอนที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น

 


 

    นอกเหนือจาก โลเนอร์แกน มันก็มีเพียงอีก 4 คน ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ประกอบด้วย เจมส์ มิลเนอร์, อาเดรียน, อดัม ลัลลาน่า และ เดยัน ลอฟเรน ซึ่ง ลัลลาน่า ก็ส่อแววหมดอนาคตกับทีมอยู่แล้ว ขณะที่ ลอฟเรน แม้ว่าบางนัดจะโชว์ฟอร์มได้ดี แต่เขาก็ไม่ได้เป็นกำลังหลักของทีมแบบรับประกันว่าจะได้ลงเล่นแน่นอนอีกต่อไป ส่วน อาเดรียน ก็เป็นเพียงมือ 2 ของทีม และถ้าว่ากันตามตรงตำแหน่งผู้รักษาประตูถึงแก่ก็ไม่ได้มีผลอะไรมากนัก

    มิลเนอร์ แม้จะเป็นพี่ใหญ่ของทีม แต่เขาก็เป็นเพียงอะไหล่ของทีมมาพักหนึ่งแล้ว เพราะแม้ว่าจะได้ลงเล่นในลีกประจำซีซั่นนี้ไป 16 เกม แต่มันก็เป็นในฐานะตัวจริงแค่ 6 นัดเท่านั้น

 


 

    ขุมกำลังตัวหลักหลายคนของ ลิเวอร์พูล ชุดนี้ เป็นพวกที่ยังพอจะเล่นด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมได้อีกอย่างน้อย 3 ปี อย่างเช่น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่อายุ 29 ปี, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ซึ่งอายุเท่ากับ เฮนเดอร์สัน, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่อายุ 28 ปี, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ซึ่งอายุ 28 ปี รวมถึง ซาดิโอ มาเน่, อลีสซง เบ็คเกอร์ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่อายุ 27 ปีเท่ากัน เป็นต้น ขนาด เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน 2 ฟูลแบ็กตัวหลักของทีมยังอายุเพียง 21 ปี กับ 25 ปีตามลำดับเลย

    - คนใหญ่คนโตส่อแววอยู่กับทีมอีกนาน
    เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ตัดสินใจขยายสัญญากับทีมออกไปจนถึงช่วงซัมเมอร์ ปี 2024 ซึ่งแค่นั้นก็พอจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสครองความยิ่งใหญ่ได้อย่างต่อเนื่องแล้ว หลังจากที่ผ่านมา คล็อปป์ พัฒนาทีมได้อย่างยอดเยี่ยม

 


 

    นอกจากนี้ เหล่าผู้บริหารระดับสูงของทีมชุดปัจจุบันยังไม่มีวี่แวว่าจะบอกลาทีมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการกีฬาสมองเพชรที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในฟันเฟืองหลักร่วมกับ คล็อปป์ ที่ทำให้ ลิเวอร์พูล มาถึงจุดนี้ได้ นั่นหมายความว่าแม้ว่า คล็อปป์ จะบอกลาทีมไป แล้วมีคนอื่นเข้ามารับงานต่อ อย่างเช่น สตีเว่น เจอร์ราร์ด แต่แนวทางการทำทีมหลักๆ ของ ลิเวอร์พูล ก็น่าจะยังเหมือนเดิม

    - ดาวรุ่งเก่งๆ
    นอกจากขุมกำลังตัวหลักหลายคนจะฝีเท้าดีแล้วนั้น ดาวรุ่งหลายรายก็ยังมีแววว่าจะเป็นนักเตะชั้นยอดได้ในอนาคตด้วย อย่างเช่น เคอร์ติส โจนส์ กองกลางวัย 19 ปี และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ดาวเตะวัย 16 ปี เป็นต้น

 


 

    ยิ่งไปกว่านั้น ในทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล ยังมีกองหน้าฟอร์มโหดอีกคนหนึ่งด้วย นั่นคือ พอล กลาตเซล เจ้าหนูวัย 18 ปีที่ทำประตูในเกมระดับเยาวชนรวมทุกรายการประจำฤดูกาลนี้ไปถึง 23 ลูก โดยที่ กลาตเซล ไม่ได้โผล่มาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ เป็นเพราะเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บอยู่ ทำให้ดูแล้วแม้ว่าจะต้องมีช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่ ลิเวอร์พูล ก็อาจจะยังมีขุมกำลังที่สานต่อความสำเร็จได้

    - สถานการณ์ดีกว่าทุกทีมเยอะ
    นอกจาก ลิเวอร์พูล จะแข็งแกร่งจนเหมือนจะไร้คู่ต่อกรแล้วนั้น ในตอนนี้มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีทีมไหนที่ดีพอที่จะต่อกรกับพวกเขาได้ในช่วงเวลา 2-3 ปีต่อจากนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยังตามหาแนวทางของตัวเองไม่เจอ, อาร์เซน่อล ที่ต้องสร้างทีมกันใหม่ภายใต้ฝีมือของ มิเกล อาร์เตต้า, เชลซี ที่ยังต้องใช้เวลาพัฒนาทีมอีกพักหนึ่ง, เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ยังต้องมีตัวสำรองแกร่งๆ กว่านี้, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ขุมกำลังโดยรวมยังไม่ถึงขั้นพอจะลุ้นแชมป์ลีกได้ หรือแม้กระทั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งพอจะต่อกรกับ ลิเวอร์พูล ได้นั้น ก็กำลังมีอนาคตที่ไม่แน่นอน

 


 

    โจเซป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ อาจจะบอกว่าเขาจะอยู่กับทีมไปจนหมดสัญญา หรือก็คือถึงช่วงซัมเมอร์ ปี 2021 แต่มันก็ยังไม่มีทีท่าว่าเขาจะต่อสัญญากับทีมเหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าไม่มี กวาร์ดิโอล่า แล้วนั้น มันก็มีโอกาสสูงที่ "เรือใบสีฟ้า" จะมีผลงานดร็อปลง

    ยิ่งไปกว่านั้น พวกกำลังสำคัญที่เคยช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ ได้แชมป์ลีกในซีซั่นก่อนๆ ก็ย้ายออกจากทีมไปแล้วหลายคน ไม่ว่าจะเป็น แว็งซ็องต์ ก็องปานี, โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลต้า ฯลฯ ส่วนพวกที่ยังอยู่กับทีมก็อายุเยอะแล้ว อย่างเช่น เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่อายุ 31 ปี และ แฟร์นันดินโญ่ ที่อายุปาเข้าไป 34 ปี ขณะที่ ดาบิด ซิลบา ก็เตรียมจะอำลาทีมหลังจบฤดูกาลนี้อยู่แล้ว

 


 

    ราฮีม สเตอร์ลิง กับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่อายุ 25 ปี และ เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งอายุ 28 ปี คือคนที่ยังจะเป็นตัวแบกของทีมในระยะยาวได้ แต่มันยังไม่มากพอเมื่อเทียบกับของ ลิเวอร์พูล ขณะที่ กาเบรียล เชซุส ยังไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้ดีพอ ขณะที่ ฟิล โฟเด้น ก็ยังไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะยังโชว์ฟอร์มได้ดีเหมือนตอนที่เล่นได้เตะตาหลายคนในช่วงแรกๆ รึเปล่า หลังจากที่ผ่านมาได้ลงเล่นน้อยพอตัวเมื่อเทียบกับการที่หลายคนยกให้เขาเป็นหนึ่งในอนาคตของวงการฟุตบอลอังกฤษ

    เรียกได้ว่านอกจาก ลิเวอร์พูล จะแข็งแกร่งเองแล้วนั้น บรรดาคู่แข่งของพวกเขาก็ยังไม่มีทีท่าเลยว่าจะต่อกรกับยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ ได้เช่นกั

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »