ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » 3 ประสานคืนชีพ! เจาะ 5 ประเด็น ก่อมเกม ลิเวอร์พูล รับมือ พาเลซ

3 ประสานคืนชีพ! เจาะ 5 ประเด็น ก่อมเกม ลิเวอร์พูล รับมือ พาเลซ

Posted 24/06/2020 by siamsport

    ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ต้องการอีก 5 คะแนนก็จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ โดยเกมนี้พวกเขาต้องรับมือ คริสตัล พาเลซ ในวันพุธที่ 24 มิถุนายนนี้ ที่สนามแอนฟิลด์ ซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก เพราะหากทีมคว้าชัยชนะได้ จะทำให้พวกเขาผ่อนคลายอย่างมากก่อนเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในสัปดาห์หน้า
    ข่าวดีของ "หงส์แดง" คงหนีไม่พ้นการที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ฟิตสมบูรณ์และลงซ้อมกับทีมได้แล้ว ทำให้พวกเขามีลุ้นที่จะได้ใช้งานทั้ง 2 คนในเกมรับมือ "ดิ อีเกิ้ลส์" แต่ข่าวร้ายก็คือ เจมส์ มิลเนอร์ กับ โฌแอล มาติป หมดสิทธิ์ลงสนามเนื่องจากบาดเจ็บจากเกมที่เสมอ เอฟเวอร์ตัน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

    สำหรับแมตช์นี้แม้จะเล่นในแอนฟิลด์ ที่การที่ไม่มีกองเชียร์ในสนาม อาจจะไม่ได้ทำให้ "หงส์แดง" ได้เปรียบมากนัก เพราะพวกเขาจะขาดเสียงกระตุ้นที่เป็นเอกลักษณ์ และช่วยสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับนักเตะเสมอ แต่เชื่อว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม คงกำชับนักเตะให้ทุ่มสุดตัวเพื่อ 3 คะแนน เพราะหากทำได้พวกเขาผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

 

1.  แอนดี้ โรเบิร์ตสัน พร้อมกลับมาช่วยทีมแล้ว
    ต้องยอมรับว่าการขาด แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ส่งผลกระทบต่อเกมรุกทางฝั่งซ้ายของ ลิเวอร์พูล มาก ทำให้ทีมขาดความเฉียบคมในการเปิดบอลทางริมเส้นเพื่อกดดันเกมรับของ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งทำให้ "หงส์แดง" ไม่สามารถสร้างความอันตรายทางด้านซ้ายได้เลย

    เจมส์ มิลเนอร์ ที่ลงเล่นตัวจริง ทำหน้าที่ได้ดีในการเล่นเกมรับ และรุก แต่ยังเปิดบอลไม่ค่อยแม่นยำ หลังจากที่บาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออก และส่ง โจ โกเมซ ลงมาแทน นักเตะก็ไม่ได้ช่วยให้เกมบุกทางริมเส้นฝั่งซ้ายน่ากลัวมากนัก แม้จะดูดีขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้อันตรายจนทำให้เอฟเวอร์ตันต้องระส่ำ

    ฉะนั้นการที่ โรเบิร์ตสัน กลับมาฟิตทำให้ คล็อปป์ คงรู้สึกโล่งใจมากๆ ยิ่งขึ้นกับศักยภาพทางฝั่งซ้าย แต่กระนั้นสิ่งที่น่ากังวลก็คือความคุ้นเคยกับการเล่นของ ดาวเตะเลือดสกอตต์ เพราะเจ้าตัวเพิ่งจะฟิตสมบูรณ์ ฉะนั้นอาจจะมีฟอร์มตะกุกตะกักอยู่บ้าง

    ดังนั้นคงต้องมาดูว่า โรเบิร์ตสัน จะเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้เร็วที่สุดอย่างที่ คล็อปป์ ต้องการได้หรือไม่

2. เซนเตอร์แบ็กคู่ ฟาน ไดค์
    สำหรับข่าวร้ายของ "หงส์แดง" นอกจาก มิลเนอร์ ที่ไม่สามารถลงสนามในเกมพบ "ดิ อีเกิ้ลส์" แล้ว โฌแอล มาติป ก็ต้องพลาดลงสนามด้วยเช่นกัน เพราะได้รับบาดเจ็บนิ้วหัวแม่แท้า ฉะนั้นตอนนี้ ลิเวอร์พูล จำเป็นอย่างยิ่งต้องหาเซนเตอร์แบ็กที่ไว้วางใจได้ยืนคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

    หากในกรณีที่ โรเบิร์ตสัน ฟิตสมบูรณ์ สามารถลงสนามได้ แน่นอนว่า โจ โกเมซ คงได้รับความไว้วางใจจาก คล็อปป์ ให้ลงยืนคู่กับ ฟาน ไดค์ ในการคุมเกมรับของทีม ซึ่งหากเป็นกรณีนี้สาวก "เดอะ ค็อป" คงอุ่นใจพอสมควร เพราะทั้งคู่เล่นร่วมกันได้ดี และเข้าขากันมากๆ

    กระนั้นถ้าเป็นกรณีที่ โรเบิร์ตสัน ไม่ฟิต นั่นหมายความว่า โกเมซ คงจะโดนจับไปยืนเป็นแบ็กซ้าย แล้วใครจะมาจับคู่กับ ปราการหลังชาวดัตช์ ละ?.....ใช่เลย เดยัน ลอฟเรน คงถูกส่งมาทำหน้าที่สำคัญในแมตช์นี้ และมันคงเป็นเรื่องที่อกสั่นขวัญหายของสาวก "เดอะ ค็อป" หลังนักเตะเพิ่งโชว์ของ (สุดห่วย) ในเกมเสมอ เอฟเวอร์ตัน


   
3. สามประสาน "หินเหล็กไฟ" คืนทัพ
    สิ่งที่แฟนบอลลิเวอร์พูล อยากเห็นมากๆ คงหนีไม่พ้นการลงสนามของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ เพราะในเกมรีสตาร์ทที่ กูดิสัน พาร์ค สาวก "เดอะ ค็อป" รู้ซึ้งทันทีว่าการที่ 3 ประตู "เอสเอ็มเอฟ" ไม่ได้ลงเล่นร่วมกัน แนวรุกของทีมดูฝืดๆ ไปเลยทีเดียว

    จริงๆ แล้ว "บังโม" แสดงให้เห็นว่าร่างกายฟิตเปรี๊ยะ เพราะเจ้าตัวโชว์คลิปออกกำลังกายผ่านสื่อสังคมออนไลน์อยู่บ่อยๆ แต่พอถึงเวลาที่จะต้องลงสนามจริงๆ กลายเป็นว่า "คิง ออฟ อียิปต์" ดันไมสมบูรณ์ ทำให้ คล็อปป์ ไม่อยากเสี่ยงส่งลงสนาม และเลือกที่จะดร็อปในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์

    การที่ กุนซือชาวเยอรมัน ออกมาแสดงยืนยันว่า ซาลาห์ กลับมาลงซ้อมได้แล้ว ทำให้แฟนบอลเชื่อมั่นว่า "บอส" จะส่งนักเตะลงสนามเพื่อประสานงานกับ ฟีร์มีโน่ และ มาเน่ ฉะนั้นการได้ทั้งสามคนยืนเป็นแนวรุก คงทำให้กองหลังของ พาเลซ ต้องอกสั่นขวัญหาพอสมควร

    ที่สำคัญ โม ซาลาห์ จะช่วยสร้างความแตกต่างในเกมรุกให้กับทีม และเพิ่มความหลากหลายในการโจมตีกองหลังของ "ดิ อีเกิลส์"

4. ระวังความเร็วสามประสาน พาเลซ
    คริสตัล พาเลซ ถือเป็นทีมอันตรายที่ ลิเวอร์พูล หากประมาทอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะ วิลฟรีด ซาฮา แข้งสำคัญของทีมเยือน เพราะความเร็ว และเทคนิคของเขาสามารถปั่นป่วนเกมรับของเจ้าบ้านได้แน่นอน โดยในเกมแรกของซีซั่น และผลงานเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เจ้าตัวก็แสดงให้เห็นมาแล้ว

     ต้องยอมรับว่าความเร็วของ ซาฮา สร้างปัญหาให้กับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อย่างมาก และมีหลายครั้งที่ "เจ้าหนูเทรนต์" ต้องเสียท่าให้กับเขา ดังนั้นในเกมนี้ คล็อปป์ คงจะต้องกำชับ แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษ ให้มีสมาธิ และต้องตามประกบ อดีตแข้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบห้ามกะพริบตาเลยทีเดียว

    นอกจากนี้ พาเลซ ยังมีอาวุธหนักที่เต็มไปด้วยความเร็ว และเทคนิคอย่าง แอนดรอส ทาวน์เซนด์ กับ จอร์แดน อายิว ฉะนั้นเกมรับของ ลิเวอร์พูล ต้องเล่นให้รัดกุม หากเกิดทำผิดพลาดเพียงแค่เสี้ยววินาที มีสิทธิที่จะโดนสามประสาน "ดิ อีเกิลส์" กระซวกประตูเอาได้ง่ายๆ

5. พยายามเก็บชัยชนะเพื่อโยนความกดดันให้แมนฯ ซิตี้
    การเปิดรังแอนฟิลด์ ในยุค "นิว นอร์มอล" อาจจะไม่สามารถกดดัน พาเลซ ได้มากนัก เนื่องจากไม่มีเสียงของแฟนบอล "เดอะ เร้ดส์" ที่ตะโกนเชียร์ จนทำให้ทีมเยือนถึงกับขาสั่น แต่กระนั้น "หงส์แดง" จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีสมาธิในแมตช์นี้ เพราะ 3 คะแนนมีความสำคัญมากๆ

 

    หากพวกเขาสามารถปราบ พาเลซ ได้นั่นจะทำให้ทีมเก็บเพิ่มเป็น 86 คะแนน ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกไปอีก 23 แต้ม ซึ่ง "เรือใบสีฟ้า" คงรู้สึกกดดันเพราะพวกเขามีคิวเยือน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ อีก 1 วันถัดมา

    แม้การลุ้นแชมป์อาจจะห่างไกลไปบ้าง แต่แน่นอนว่าสาวก "เดอะ ค็อป" ต้องการเห็นทีมคว้าแชมป์ลีกให้เร็วที่สุด เพราะจะได้รู้สึกผ่อนคลาย อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้สูงที่แมตช์ชี้ชะตาแชมป์จะเกิดขึ้นที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม ในสัปดาห์หน้า ฉะนั้นหากทีมมีขวัญกำลังใจที่ฮึกเหิม ย่อมทำให้มั่นใจในการบุกเมืองแมนเชสเตอร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »