ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » คนไร้บ้านตกถังข้าวสาร, ดีใจได้ออกจากโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ! ครบรอบ 10 ปี เบเบ้ เซ็นซบ แมนยู

คนไร้บ้านตกถังข้าวสาร, ดีใจได้ออกจากโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ! ครบรอบ 10 ปี เบเบ้ เซ็นซบ แมนยู

Posted 15/08/2020 by siamsport

เด็กๆ ทุกคนคาดหวังที่จะได้เซ็นสัญญากับสโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สำหรับ ติอาโก้ มานูเอล ดิอาส คอร์เรร่า หรือ "เบเบ้" ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มันเต็มไปด้วยฝันร้าย เพราะชีวิตที่ไม่มีโอกาสได้โลดแล่นในสนาม และเหมือนเป็นแค่ส่วนเกินของทัพ "ปีศาจแดง" เท่านั้น

    ช่วงสัปดาห์นี้ก็ถือเป็นการครบรอบ 10 ปีที่ ดาวเตะชาวโปรตุกีส ได้ย้ายมาสวมชุด "เร้ด เดวิลส์" โดยย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่รู้ว่าไปเกิดติดตาต้องใจอะไรในผลงานของ ดาวเตะที่เคยผ่านการฟุตบอลโลกของคนไร้บ้าน ถึงได้สะกิดบอร์ดบริหารให้ควักกระเป๋า 7.4 ล้านปอนด์ (ราว 281 ล้านบาท) กระชากนักเตะรายนี้มาร่วมทัพ

     จริงๆ แล้วเรื่องนี้เริ่มมาจาก คาร์ลอส เคยรอซ มือขวาของ "ป๋า" ที่ประทับใจฟอร์มการเล่นของ เบเบ้ และใช้วาจาราวกับสาลิกาลิ้นทองจน "เซอร์เฟอร์กี้" ต้องเข้าไปพบกับบอร์ดบริหารเพื่อให้ยอมจ่ายค่าฉีกสัญญาให้กับ วิคตอเรีย กีมาไรส์  ต้นสังกัดของนักเตะทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเห็นผลงานของเขาเลยด้วยซ้ำ

 

     เรื่องราวของ เบเบ้ มันช่างเหมือนกับเทพนิยายที่ยาจกได้กลายเป็นเศรษฐีเพียงชั่วข้ามคืน แต่สุดท้าย เบเบ้ ก็ได้พบกับโลกแห่งความเป็นจริงว่าการย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ใช่สิ่งที่สวยงามสำหรับชีวิตเขาเลย ขณะที่ "ผีแดง" ก็ได้รับบทเรียนเพราะนี่คือหนึ่งในดีลที่น่าผิดหวังที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เลยทีเดียว

     เบเบ้ ต้องระเห็จ ออกจาก "โรงละครแห่งความฝัน" ในปี 2014 พร้อมกับสถิติที่แสนเลิศเลอนั่นก็คือการลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่เพียงแค่ 7 เกมในทุกรายการตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ได้เป็น "เด็กผี" โดยในวันที่ก้าวเท้าออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด นักเตะเคยให้สัมภาษณ์ว่าคนได้พบกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต เมื่อได้ทราบว่าถูกขายให้กับ เบนฟิก้า !!!
 


ช่วงแรกเริ่มของชีวิต

     หลังจากที่โดนทอดทิ้งจากพ่อแม่บังเกิดเกล้า เบเบ้ ได้ใช้ช่วงเวลาในชีวิตเกือบ 10 ปีจากการอาศัยอยู่ในที่พักพิงของคนไร้บ้าน ซึ่งที่นี่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้การร่ำเรียนเขียนอ่าน และศาสตร์ลูกหนัง ที่จะใช้เอาไว้หาเลี้ยงชีพในอนาคตของเขา

         "ผมอาศัยอยู่ในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าถึง 8 ปี ที่นั่นผมไม่ได้ชื่นชอบฟุตบอลเลย แต่เพื่อนๆ ของผมอยากเล่นฟุตบอลกันตลอด และผมไม่มีทางเลือกก็เลยต้องจำใจเข้าร่วมเล่นด้วย" เบเบ้ กล่าว โดยหารู้ไม่ว่า นี่คือจุดกำเนิดที่ทำให้เขามีโอกาสได้ย้ายไปสู่สโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด

 

 

ฟุตบอลโลกคนไร้บ้าน

     เบเบ้ ได้พบกับช่วงเวลาที่สุดเหลือเชื่อ หลังจากที่เขาได้รับการเลือกตัวให้เป็นตัวแทนทีมชาติโปรตุเกส ลงแข่งขันในศึกฟุตบอลโลกคนไร้บ้าน โดยในเวลานั้นเจ้าตัวยอมรับว่ารู้สึกขำมากๆ ที่ได้ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ที่ไม่เคยรู้จักเลยด้วยซ้ำ

         "พวกเขาขอให้ผมเดินทางไปเล่นฟุตบอลโลกคนไร้บ้าน และผมก็ตอบตกลง ผมไปที่นั่นเพราะมันเป็นอะไรที่ตลกดี แต่ก็ยิงได้ 40 ประตูจากการเล่น 6 แมตช์"

         สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นก็คือ เบเบ้ ยอมรับว่าอยากที่จะใช้ชีวิตแบบคนไร้บ้าน มากกว่าที่จะย้ายไปเล่นให้กับสโมสรฟุตบอล โดยเจ้าตัวได้อธิบายในเรื่องนี้ว่า "ผมไม่อยากเซ็นสัญญากับทีมไหนทั้งนั้น เพราะผมไม่ได้อยากย้ายออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มันยากจะทำใจที่ต้องย้ายออกไป ที่นั่นเวลาที่ผมกลับไปสามารถนอนเมื่อไหร่ก็ได้ที่ผมต้องการ"
    


ดั่งเทพนิยายได้ย้ายมาอยู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชื่อนี่คอลูกหนังทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดีว่ามันคือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ มีแฟนบอลมากที่สุดในโลก ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เบเบ้ ซึ่งไม่มีประสบการณ์ลูกหนังระดับสูงเลย เชื่อว่าหากเขาพูดเรื่องที่ "ปีศาจแดง" สนใจอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม คงมีแต่คนหัวเราะเยาะใส่

         เรื่องราวดั่งเทพนิยายเกิดขึ้นเพียงแค่ 5 สัปดาห์หลังจากที่เขาย้ายจาก เอสเตรลล่า อามาโดร่า ทีมในดิวิชั่น 3 ของโปรตุเกส มาเล่นกับ วิคตอเรีย กีมาไรส์ สโมสรในลีกสูงสุดแดนฝอยทอง "ผมแทบไม่อยากเชื่อตัวเองจริงๆ ผมรู้ว่าชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ และก็คิดว่าคงมีใครซักคนที่คิดเหมือนกับผม"

 

         "ถ้าคุณได้เล่นให้กับทีมในระดับดิวิชั่น 3 หรือ 4 ในโปรตุเกส และทันใดนั้นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลกโทรมาหคุณ ผมคิดว่าทุกๆ คนคงคิดแบบว่า -นี่มันเรื่องจริงหรือเปล่า ?- ในช่วงหนึ่งหรือสองสัปดาห์ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันอาจจะเป็นแค่การเล่นตลกของพวกเขา ตอนที่ผมเซ็นสัญญา ผมไม่ได้เดินทางไปอังกฤษ แต่ใช้เวลา 4 วันในโปรตุเกส และผมยังคงคิดว่าพวกเขาอำเล่นหรือเปล่า"

 

         "ผมเดินทางไปที่ แคร์ริงตัน (สนามซ้อมแมนฯ ยูไนเต็ด) ผมได้พบกับเพื่อนร่วมทีมครั้งแรก แต่ผมยังคงคิดว่านี่มันเรื่องโกหกใช่ไหม ! แต่ในช่วงเวลานั้นผมได้พูดคุยกับ เฟอร์กูสัน ซึ่งตอนนั้นผมคิดว่า -ในที่สุดผมก็ได้มาอยู่ที่นี่จริงๆ- ในหัวของผมเริ่มเชื่อแล้วว่านี่คือเรื่องจริง มันต้องใช้อะไรเยอะมากถึงจะเชื่อเรื่องนี้ !"

 

สวรรค์ล่ม ! 4 ปีกับชีวิตในฐานะนักเตะ "เร้ด เดวิลส์"

     เบเบ้ สามารถซัดประตูได้ติดต่อกันในเกมพบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส และ บูร์ซาสปอร์ ซึ่งเป็นเกมเปิดตัวในการเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของเขา จากนั้นนักเตะได้รับความไว้วางใจให้ลงเล่นตัวจริง 3 เกมให้กับทีมชุดใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ทั้งหมดนี้เป็นการแข่งขันในเกมฟุตบอลถ้วยเท่านั้น

 

     สำหรับเกมพรีเมียร์ลีก นักเตะแทบไม่มีโอกาสสอดแทรกเข้ามาสู่ทีมเลย และได้สัมผัสเกมลีกสูงสุดในเมืองผู้ดีแค่ 2 นัดซึ่งลงสนามในฐานะตัวสำรองเมื่อฤดูกาล 2010/11 ผลงานแบบนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เบเบ้ โดนสาวก "เร้ด อาร์มี่" ต้องข้อสงสัยเรื่องศักยภาพ

     เบเบ้ ต้องพบกับชีวิตที่แสนยากลำบากเมื่อเขาแทบไม่ได้มีชื่อในทัพ "ปีศาจแดง" สำหรับลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีก และที่ย่ำแย่ก็คือยิงได้แค่ 2 ประตูเท่านั้นภายใต้ชุดสีแดงเพลิง ก่อนที่จะโดนปล่อยให้ เบซิคตัส, ริโอ อาฟ และปากอส เดอ แฟร์ไรร่า ยืมตัวไปใช้งาน


 
สิ้นสุดกันทีกับชีวิตลำเค็ญใน "เธียเตอร์ ออฟ ดรีม"

     เวลาแห่งเทพนิยายของ เบเบ้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มาถึงทางตันเรียบร้อยแล้ว โดย "ปีศาจแดง" ยอมตัดใจขายแบบขาดทุนให้กับ เบนฟิก้า ด้วยสนนราคาประมาณ 2.4 ล้านปอนด์ (ราว 91.2 ล้านบาท)  ซึ่งพวกเขาขาดทุนไปถึง 5 ล้านปอนด์ (ราว 190 ล้านบาท)

      การย้ายออกจาก "โรงละครแห่งความฝัน" สำหรับนักเตะคนอื่นๆ คงเสียใจเพราะต้องโบกมือลาสโมสรที่ยิ่งใหญ่ แต่กับ เบเบ้ นี่คือความสุขที่สุดเพราะเขาจะได้มีโอกาสได้โชว์ศักยภาพที่แท้จริงกับสโมสรอื่นที่มีความเชื่อมั่นในความสามารถของเขา

 

         "ทุกๆ วันผมโทรคุยกับเอเจนต์ของผมเพื่อสอบถามเขาว่าผมจะได้ย้ายออกไปไหม มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายจริงๆ เมื่อคุณไม่ได้ลงเล่น แม้ว่าคุณจะอยู่กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ แต่คุณไม่มีความสุข ดังนั้นจะอยู่ต่อไปทำไมละ ? ผมจำได้ว่าผมมักจะได้ลงเล่นให้ ยูไนเต็ด ร่วมกับทีมเยาวชน และเอเจนต์ของผมโทรมาหาผม พร้อมกับบอกว่าผมจะถูกขายไปให้กับ เบนฟิก้า"

         "บอกเลยว่านั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม ! ผมเป็นแฟนบอลเบนฟิก้า มันเป็นความฝันมาตลอดที่จะได้ไปเล่นที่นี่ เพราะผมมีเพื่อนๆ และครอบครัวที่เชียร์เบนฟิก้า ผมนอนไม่หลับเลยในวันนั้น ! ผมบอกเลยว่าผมตื่นตลอดทั้งคืนจริงๆ"

 

 

เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ?

     การเล่นให้ เบนฟิก้า ก็ไม่ต่างอะไรกับช่วงเวลาที่อยู่กับ "ปีศาจแดง" เบเบ้ ได้ลงสนามให้กับ "เหยี่ยวลิสบอน" แค่ 6 เกมจากทุกรายการ และยิงได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น ที่สำคัญนักเตะลงเล่นในเกมลีกแดนฝอยทองเพียงแค่ 1 แมตช์เท่านั้นซึ่งถือว่าย่ำแย่สุดๆ

     จากนั้นนักเตะโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ  กอร์โดบา ทีมในลีกสเปน ซึ่งนักเตะควานหาประตูไม่ได้เลย 18 เกม และได้ย้ายไปอยู่กับ ราโย่ บาเยกาโน่ แบบยืมตัวเขายิงได้ 3 ประตูจากการลงสนามในเกมลีกแดนกระทิงดุ 34 แมตช์ ต่อมาในปี 2016 เออิบาร์ ที่ยื่นข้อเสนอให้กับเขาได้ย้ายมาเล่นในสเปนแบบถาวร

 

     ช่วงเวลา 18 เดือนที่ได้เล่นให้กับ เออิบาร์ นักเตะสามารถซัดไป 3 ประตู และ 4 แอสซิสต์ จากการเล่นเกมลีก 29 แมตช์ ในเดือนมกราคม 2018 เขาได้ย้ายมาเล่นแบบยืมตัวกับ ราโย่ บาเยกาโน่ อีกครั้ง โดยในครั้งนี้สโมสรต้องลงไปเล่นในเซกุนด้า ดิวิชั่น หรือ ระดับดิวิชั่น 2 และเขายิงได้ 3 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ ตลอด 17 เกมซึ่งนักเตะพอจะมีความดีความชอบเมื่อช่วยให้ทีมหวนคืนสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ

      เบเบ้ ได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จด้วยการเซ็นสัญญาถาวรกับ บาเยกาโน่ ในเดือนสิงหาคม เมื่อ 2 ปีก่อน อย่างไรก็ตามการย้ายมาเล่นกับ บาเยกาโน่ ไม่ได้โสภาสถาพร เพราะสุดท้ายแล้วทีมจบซีซั่น 2018/19ในอันดับบ๊วย ส่งผลให้ต้องหล่นไปเล่นในระดับเซกุนด้า ดิวิชั่น อีกครั้ง โดยในฤดูกาล 2019/2020 พวกเขาจบอันดับ 7 ของตารางลีก

 

     ในส่วนผลงานของ อดีตกองหน้าทีมชาติโปรตุเกส รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ก็เป็นไปตามสภาพเมื่อลงสนาม 95 แมตช์ และยิงได้ 10 ประตู กับ 12 แอสซิสต์ ถือว่าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ก็ไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟกต์ จนทำให้หลายๆ สโมสรอยากได้ตัวเขาไปร่วมทัพ
 


ย้อนความหลังกับชีวิตนักเตะอาชีพที่แสนเหลือเชื่อ

     ปัจจุบัน เบเบ้ ก็เหมือนกับนักเตะอาชีพหลายๆ คนที่นิยมศิลปะบนเรือนร่างโดยเจ้าตัวก็ชื่นชอบการสัก และยังหันมาไว้หนวดเครา ซึ่งแตกต่างจากสมัยที่ยังเป็นหนุ่มวัยละอ่อน ตอนที่ย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อทศรรษที่ผ่านมา

          นักเตะเพิ่งจะฉลองอายุครบ 30 ปีเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และปัจจุบันมีผู้คนเข้ามากดติดตามในอินสตาแกรมของเขาถึง 45,300 ฟอลโลว์ โดยตอนนี้เขาอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกายหลังได้รับบาดเจ็บเส้นเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่เล่นฟุตบอลอาชีพ และยังไม่สามารถกลับมาฟิตสมบูรณ์แม้จะเข้ารับการผ่าตัดไปแล้วก็ตาม

         จากคนธรรมดาสามัญในช่วงชีวิตแรกๆ ปัจจุบัน เบเบ้ กลายเป็นคนที่มีชีวิตสุขสบาย และมีไลฟ์สไตล์หรูหรา โดยสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ "มันเป็นอะไรที่บ้าบอที่สุด ผมอยู่ในโรงเรียน และได้รับเงิน 1,000 ยูโร (ราว 35,000 บาท) สำหรับผมมันเหมือนถูกรางวัลยูโรมิลเลี่ยนส์ชัดๆ"

      แต่หลังจากที่เซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นักเตะได้รับเงินโบนัสมากถึง 500,000 ปอนด์ (ราว 19 ล้านบาท) และยังได้รับค่าเหนื่อยประมาณ 22,000 ปอนด์ (ราว 836,000 บาท) ต่อสัปดาห์ แน่นอนว่าการมีรายได้มหาศาลแบบนั้นทำให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรมกลายเป็นคนที่ชื่นชอบการชอปปิ้งไปโดยปริยาย

         "ช่วงแรกบางทีคุณอยากที่จะซื้อของมากมายที่คุณไม่เคยมี และตอนนี้คุณสามารถทำได้ ตอนที่เห็นรองเท้าราคา 200 ยูโร (ราว 7,000 บาท) และนั่นเป็นสิ่งที่คุณยายของคุณไม่มีทางซื้อให้คุณได้ แต่ตอนนี้คุณสามารถซื้อได้ คุณสามารถซื้อของพวกนี้ให้พี่น้องของคุณ คุณสามารถซื้อรถได้แบบสบายๆ"

         "ช่วงคริสต์มาส คุณก็สามารถซื้อของขวัญให้กับทุกๆ คน หรือให้ของขวัญใครซักคนในวันเกิดของพวกเขา มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตกับการมีโอกาสได้งานที่ทำให้คุณสามารถช่วยเหลือครอบครัวของคุณได้"

 

     ในวันที่เขาได้รับเงินก้อนแรกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มันเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืมได้เลย "ตอนที่ผมได้รับซองที่ใส่เงินเดือนก้อนแรก ผมจำได้ว่าผมกลับไปหาคนที่เอาซองมาให้ผม แล้วก็ถามว่านี่เป็นเงินสำหรับ 5 เดือนเหรอ เขาบอกว่ามันแค่เดือนเดียวเท่านั้น แค่นั้นแหละผมก็เริ่มหัวเราะออกมาเลย"

      ปัจจุบันการที่ เบเบ้ มีชีวิตที่หรูหราสุขสบายส่วนหนึ่งมาจากการที่เขาได้เป็นนักฟุตบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ในขณะเดียวกันสิ่งนี่ก็ถือบทเรียนราคาแพงสำหรับ "ปีศาจแดง" ที่ต้องจดจำไปตลอดกาลกับการซื้อนักเตะซักคนมาร่วมทีม !!!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »