คืนวันเสาร์นี้ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมลงเตะเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยจะเปิดรัง แอนฟิลด์ รับมือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ชนะมารวดใน 2 เกมหลังสุด แน่นอนว่า นี่คือเกมที่ ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องเก็บ 3 แต้มให้ได้ หากต้องการจบฤดูกาลนี้ด้วยการติดท็อปโฟร์ หลังเกมล่าสุดทำได้แค่บุกไปเสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อคืนวันจันทร์ โดยสภาพความพร้อมของทีมนั้น ยังคงไม่มี นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ที่ยังไม่ฟิต (เจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขา) แต่ข่าวดีคือได้ เคอร์ติส โจนส์ (ฟื้นตัวจากปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อ) กลับมา หลังหายหน้าไป 3 เกม และนี่คือโฉมหน้า 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนามเป็นตัวจริงให้ ลิเวอร์พูล ในเกมคืนนี้ ด้วยระบบ 4-3-3 (ข้อมูลจากเว็บไซต์ thisisanfield.com)
- ผู้รักษาประตู : อลีสซง เบ็คเกอร์
    หากไม่เจ็บไม่ป่วยกลางคัน ยังไง นายทวารสุดหล่อชาวบราซิเลียนวัย 28 ปี ก็ได้ลงตัวจริงแน่นอน หลังโชว์เซฟสวยๆ หลายครั้งในเกมเจ๊า ลีดส์  

 - แนวรับ : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, โอซาน คาบัค, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน
    นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ยังไม่พร้อมคัมแบ็ก ทำให้ ฟาบินโญ่ ต้องลงมารับเซนเตอร์แบ็กต่ออีกเกม โดยจะคู่กับ คาบัค ที่ฟอร์มไม่ค่อยดีนักในเกมเจอ "ยูงทอง" ส่วนแบ็กขวาและซ้ายไม่น่าจะพลิกจาก อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ โรเบิร์ตสัน โดยที่มี เนโก วิลเลี่ยมส์ กับ คอสตาส ซิมิคาส นั่งสำรอง

 - แดนกลาง : ติอาโก้ อัลกันตาร่า, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์
    แผงมิดฟิลด์ คล็อปป์ น่าจะยึดชุดเดิมจากเกมที่แล้ว เพราะด้วยการที่ ฟาบินโญ่ โยกลงไปช่วยแนวรับ ทำให้ มิลเนอร์ น่าจะได้สตาร์ทเป็นตัวจริงร่วมกับ ติอาโก้ และ ไวจ์นัลดุม อีกครั้ง ขณะที่ เคอร์ติส โจนส์ ซึ่งเพิ่งฟิตกลับมา ก็พร้อมเป็นตัวสอดแทรกในตำแหน่งของ มิลเนอร์ ส่วน นาบี เกอิต้า, เซอร์ดาน ชากิรี่ และ อเล็กซ์-อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ต่างพร้อมถูกเรียกใช้งานจากข้างสนาม

 - แนวรุก : โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
    สามประสานน่าจะได้สตาร์ทเป็นตัวจริงกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา โดย ซาลาห์ คืนทีมตัวจริงแน่นอน หลังลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมเจอ ลีดส์ โดยที่มี มาเน่ ยืนทางฝั่งซ้าย และ ฟีร์มีโน่ เล่นตรงกลาง ส่วน ดีโอโก้ โชต้า แม้ก่อนหน้านี้เป็นที่หวั่นเกรงเกี่ยวกับเรื่องความฟิต แต่ คล็อปป์ ยืนยันแล้วว่า เจ้าตัวพร้อมช่วยทีม ดังนั้นเกมนี้ โชต้า คงไม่มีปัญหากับการมีชื่อเป็นตัวสำรอง และพร้อมลงช่วยพลิกเกมช่วงกลางแมตช์ หากมีความจำเป็น