หลังจากรอกันมาได้สักพัก ในที่สุดศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศของฤดูกาล 2021-22 ก็กำลังจะเปิดฉากขึ้นแล้ว โดยหนึ่งในคู่ที่ต้องดลวกันก็คือ ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับ เบนฟิก้า ทีมดังจากลีกโปรตุเกสที่ปัจจุบันครองอันดับ 3 ในลีก
   
ทั้งนี้ บางคนอาจจะไม่รู้ว่าที่จริงแล้ว ลิเวอร์พูล กับ เบนฟิก้า มีประวัติกันในระดับหนึ่งเหมือนกัน และเพื่อเป็นการต้อนรับเกมนัดแรกที่จะเตะกันในวันอังคารที่ 5 เมษายนนี้ วันนี้เราเลยมีเกร็ดเกี่ยวกับ "หงส์แดง" และ "เหยี่ยวลิสบอน" มานำเสนอกันสักหน่อย

- เจอกันมาบ่อย
แม้ว่าโอกาสที่ทีมจากต่างประเทศจะโคจรมาเจอกันมันหาได้ยากพอตัว แต่เชื่อหรือไม่ว่าก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล กับ เบนฟิก้า ดวลกันในเกมแบบที่มีความหมาย (ไม่นับรวมเกมอุ่นเครื่อง) มาแล้วถึง 10 ครั้งด้วยกัน ส่งผลให้ เบนฟิก้า เป็นทีมจาก โปรตุเกสที่ ลิเวอร์พูล เคยดวลด้วยมากที่สุดเท่ากับ เอฟซี ปอร์โต้ เลยทีเดียว และหากนับเฉพาะทีมจากนอกเครือสหราชอาณาจักรแล้วนั้น เบนฟิก้า ก็เป็นทีมที่ดวลกับ ลิเวอร์พูล บ่อยที่สุดเท่ากับ ปอร์โต้ และ บาร์เซโลน่า เช่นกัน ใช่แล้ว นั่นหมายความว่าหลังจบรอบ 8 ทีมสุดท้ายหนนี้ เบนฟิก้า จะขึ้นไปครองบัลลังก์ดังกล่าวแบบเดี่ยวๆ  ทันที

ช่างเหมือนกับเรื่องบังเอิญที่ครั้งแรกที่ทั้ง 2 ทีมดวลกันนั้นก็เกิดขึ้นในรอบก่อนรองชนะเลิศของศึกชิงถ้วย "บิ๊กเอียร" เหมือนกัน เพียงแต่มันเป็นในสมัยที่ยังใช้ชื่อ ยูโรเปี้ยน คัพ อยู่ โดยมันเกิดขึ้นในฤดูกาล 1977-78 ซึ่งในนัดแรก ลิเวอร์พูล บุกไปชนะถึงโปรตุเกสก่อน 2-1 ก่อนจะมาย้ำชัยที่ แอนฟิลด์ ด้วยสกอร์ 4-1

- เกือบ 50/50
ใน 5 นัดแรกที่เจอกันนั้นถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของ ลิเวอร์พูล เพราะพวกเขาสามารถเอาชนะ เบนฟิก้า ได้เรียบวุธจนจะเรียกว่าเป็นงูเหลือมกับเชือกกล้วยก็ว่าได้ โดยนอกจาก 2 เกมในข้อต้นแล้วนั้น ลิเวอร์พูล ก็เคยทุบ เบนฟิก้า ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของ ยูโรเปี้ยน คัพ ซีซั่น 1983-84 ด้วยสกอร์ 1-0 ในนัดแรก กับ 4-1 ในนัดสอง ตามด้วยการชนะ 3-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรกของศึก ยูโรเปี้ยน คัพ ซีซั่น 1984-85 อีก

อย่างไรก็ตาม ในอีก 4 ครั้งต่อมามันพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะกลายเป็นว่า เบนฟิก้า สามารถกำชัยได้ทั้งหมด ประกอบด้วยเกม ยูโรเปี้ยน คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสองของฤดูกาล 1984-85 ที่ เบนฟิก้า ชนะไป 1-0 ตามด้วยเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายของฤดูกาล 2005-06 ที่ เบนฟิก้า ได้เป็นฝ่ายเฮ 1-0 ในนัดแรก ต่อด้วยการบุกไปชนะถึง แอนฟิลด์ 2-0 ในนัดสอง จนมาถึงเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรกของซีซั่น 2009-10 ที่ เบนฟิก้า กำชัยไป 2-1

การเจอกันของทั้งคู่มันเกือบจะมีสถิติแบ่งเป็นชนะกันคนละครึ่งแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะในนัดสองของศึก ยูโรปา ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายของฤดูกาล 2009-10 ลิเวอร์พูล สามารถเปิดรัง แอนฟิลด์ ไล่ต้อน เบนฟิก้า ไปได้ 4-1 ทำให้ตอนนี้ฝั่ง ลิเวอร์พูล เหนือกว่าอีกฝ่ายนิดหน่อยจากการชนะไป 6 เกมและแพ้ 4 นัด

กระนั้นก็อย่างที่ทุกคนเห็นกันดี นั่นคือการเจอกันของทั้งคู่ไม่เคยมีเกมไหนเลยที่จบลงด้วยการเสมอกันแบบไร้สกอร์ โดยฝั่ง ลิเวอร์พูล ยิงไปรวม 19 ลูก ขณะที่ เบนฟิก้า ทำได้ 11 ประตู ทำให้ในรอบก่อนรองชนะเลิศหนนี้ก็อาจจะเป็นอีกครั้งที่เกมมันจะมีประตูเกิดขึ้นอย่างน้อย 1 ลูก

- แข้งร่วมกัน
ด้วยความที่ทั้ง 2 ทีมต่างก็เป็นทีมใหญ่ในประเทศของพวกเขา ทำให้ที่ผ่านมาเคยมีนักเตะถึง 5 คนที่ผ่านการเล่นให้ทั้งคู่มาแล้ว ประกอบด้วย ดีน เซาน์เดอร์ส อดีตกองหน้าชาวเวลส์, อเบล ซาเวียร์ อดีตฟูลแบ็กดีกรีทีมชาติโปรตุเกส, ไมเคิ่ล โธมัส อดีตกองกลางชาวอังกฤษ, สตีฟ ฮาร์คเนสส์ อดีตแบ็กซ้ายชาวอังกฤษ และ ลาซาร์ มาร์โควิช ปีกชาวเซอร์เบียที่ตอนนี้ยังคงค้าแข้งอยู่กับ ปาร์ติซาน เบลเกรด

ทั้งนี้ ในจำนวนดังกล่าวมีถึง  3 คนที่เป็นการย้ายข้ามแดนระหว่างทั้ง 2 ทีมในทันทีด้วย นั่นคือ โธมัส ที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล ระหว่างปี 1991-98 ก่อนจะเล่นให้ เบนฟิก้า ในช่วงปี 1998-99, ฮาร์คเนสส์ ที่เล่นให้ทีมดังแห่งถิ่น แอนฟิลด์ ในช่วงปี 1989-99 ก่อนจะอยู่กับ เบนฟิก้า ในช่วงเดือนมีนาคมของปี 1999 จนถึงเดือนสิงหาคมของปีเดียวกัน รวมถึง มาร์โควิช ที่เคยเล่นได้โดดเด่นกับ เบนฟิก้า ระหว่างปี 2013-14 จน ลิเวอร์พูล จ่ายเงินไป 20 ล้านปอนด์เพื่อดึงมาร่วมทัพ ก่อนที่สุดท้ายจะปล่อยเขาออกจากทีมแบบถาวรเมื่อปี 2019