ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » มีทั้งรุ่งและร่วง!เช็คผลงานนักเตะคว้า "โกปา โทรฟี่" นับตั้งแต่ปี 2010

มีทั้งรุ่งและร่วง!เช็คผลงานนักเตะคว้า "โกปา โทรฟี่" นับตั้งแต่ปี 2010

Posted 15/09/2023 by siamsport

นักเตะจำนวนมากที่ได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม หรือ "โกปา โทรฟี่" ในงานประกาศผลรางวัลบัลลงดอร์ ส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จมากมายมหาศาลหลังจากนั้น ยกตัวอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับเกียรติดังกล่าวสมัยเป็นดาวรุ่ง และปัจจุบันกลายเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตในวงการลูกหนัง

สำหรับในปีนี้มีแข้งดาวรุ่งมากมายที่มีลุ้นจะได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้ไม่ว่าจะเป็น จู๊ด เบลลิงแฮม, จามาล มูเซียล่า, อเลฆานโดร บัลเด้ และ กาบี ซึ่งเคยได้รับรางวัลนี้มาแล้วเมื่อปี 2022 ต่างก็มีลุ้นความสำเร็จนี้ แต่ดูเหมือน "หนุ่มจู๊ด" จะมีภาษีมากที่สุด หลังฟอร์มโดดเด่นทั้งกับ เรอัล มาดริด และทีมชาติอังกฤษ

ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีนับตั้งแต่ปี 2010 มีผู้เล่นแห่งอนาคตหลายคนที่คว้ารางวัล "โกปา โทรฟี่" ไปครอบครอง และต่อยอดความสำเร็จจนกลายเป็นผู้เล่นระดับโลก แต่กระนั้นก็มีบางคนที่ไม่สามารถพัฒนาตัวเอง สุดท้ายก็ย่ำอยู่กับทีม เป็นเพียงแค่ผู้เล่นแห่งความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับการเชิดชูว่าเป็นอนาคตในวงการลูกหนัง

2010 - มาริโอ บาโลเตลลี่

หนึ่งในแข้งที่คู่ควรกับฉายา "แบดบอย" อย่าง มาริโอ บาโลเตลลี่ เริ่มต้นอาชีพนักเตะได้อย่างโดดเด่น และประสบความสำเร็จอย่างสูงสมัยที่ค้าแข้งกับ "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน และ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้

"ซูเปอร์ มาริโอ" คว้ารางวัลโกลเด้น บอย มาครองในปี 2010 แต่พฤติกรรมทั้งในและนอกสนามที่ขาดความเป็นมืออาชีพทำให้อนาคตในวงการฟุตบอลตกฮวบอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ทุกๆ คนไม่อยากจะเชื่อ

ปัจจุบัน "บาโล" ค้าแข้งกับ ซิยง ทีมในลีกสวิตเซอร์แลนด์ แต่มีรายงานว่านักเตะกับสโมสรได้ยกเลิกสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยชีวิตการเป็นนักเตะของเขาค่อนข้างพเนจรเลยทีเดียว เพราะเคยเล่นทั้งในฝรั่งเศส, อิตาลี และ ตุรเคีย 

2011 - มาริโอ เกิทเซ่

ในช่วงต้นยุค 2010 ชื่อของ มาริโอ เกิทเซ่ ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะหลายคนยกย่องให้เขาเป็นอนาคตในวงการฟุตบอลประเทศเยอรมนี และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเนื่องจากนักเตะทำผลงานได้อย่างโดดเด่นจริงๆเกิทเซ่ ระเบิดฟอร์มในช่วงที่ค้าแข้งกับ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และได้รางวัล "โกปา โทรฟี่" ในปี 2011 ด้วยวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น โดยในปี 2014 นักเตะสร้างชื่อด้วยการซัดประตูโทนนำทัพ "อินทรีเหล็ก" คว้าแชมป์เวิลด์ คัพ ที่ประเทศบราซิล

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างปัญหาให้กับ เกิทเซ่ ก็คือสภาพร่างกายที่มักจะมีปัญหาบาดเจ็บ และไม่ค่อยฟิต ส่งผลให้เส้นทางค้าแข้งพบกับอุปสรรคมากมาย และปัจจุบันเจ้าตัวเล่นอยู่กับทีมสำรองของ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต

2012 - อิสโก้

อิสโก้ เป็นนักเตะชาวสแปนิชคนแรกนับตั้งแต่ปี 2006 ที่ได้รับรางวัลนี้ โดยตอนนั้นเจ้าตัวยังค้าแข้งอยู่กับ มาลาก้า ในวัยเพียง 20 ปี จากนั้นก็ย้ายมาเล่นให้ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ในปี 2013 ซึ่งที่นี่นักเตะอยู่ทำมาหารับประทานนานถึง 9 ปี

ดาวเตะเลือดกระทิงดุ ถือเป็นหนึ่งในแข้งคีย์แมนยุคที่ ซีเนดีน ซีดาน กุมบังเหียนซึ่งตอนนั้น "โลส บลังโกส" สร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยติดต่อกัน

อย่างไรก็ตามนักเตะต้องระเห็จออกจากถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในปี 2022 โดยย้ายไปค้าแข้งกับ เซบีย่า แต่สำหรับตอนนี้เจ้าตัวเพิ่งเซ็นสัญญากับ เรอัล เบติส หลังการย้ายไปเล่นกับ อูนิโอน เบอร์ลิน ล้มเหลวไม่เป็นทางในนาทีสุดท้ายช่วงซัมเมอร์นี้

2013 - ปอล ป็อกบา

หลังจากโบกมือลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเล่นกับ ยูเวนตุส  เมื่อปี 2012 บรรดาสาวก "เร้ด อาร์มี่" ต่างรู้สึกเสียดายแข้งพรสวรรค์รายนี้อย่างมาก เพราะเขาระเบิดฟอร์มสุดยอดจนคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมมาครอบครองในปี 2013

ผ่านไป 3 ปี ดาวเตะจอมแฟชั่น ได้หวนกลับมายังถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกครั้ง พร้อมกับวลีเด็ด "ป็อกแบ็ก" โดยตอนนั้น "ผีแดง" ทุ่มเงินซื้อมาด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรจำนวน 89 ล้านปอนด์ (ราว 3,916 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม ด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่คงเส้นคงวานับตั้งแต่หวนกลับคืนทีม กอปรกับอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ทำให้ ป็อกบา ไม่ประสบความสำเร็จกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และสุดท้ายก็ต้องกลับไปเล่นกับ ยูเว่ อีกครั้งในปี 2022

ปัจจุบัน กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ยังต้องเจอกับอาการบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่อง แถมมีวิบากกรรมจากการตรวจโด๊ปไม่ผ่าน และมีสิทธิ์โดนแบนยาวถึง 4 ปีเลยทีเดียว

2014 - ราฮีม สเตอร์ลิง

นี่คือแข้งชาวอังกฤษคนแรกที่ได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมในรอบ 1 ทศวรรษ หลังจากที่ เวย์น รูนี่ย์ ได้รับเกียรติเมื่อปี 2004 ซึ่งตอนนั้น สเตอร์ลิง ถือเป็นแข้งความหวังของบรรดาชาวเมืองผู้ดีอย่างมาก

ความคล่องแคล่วว่องไว และสปีดที่เร็วกว่านรกทำให้ สเตอร์ลิง เป็นที่เข็ดขยาดของเหล่าแนวรับตั้งแต่สมัยที่เขาเล่นให้กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล, "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และปัจจุบัน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี

ขณะที่ในนามทีมชาติอังกฤษ นักเตะก็ฟอร์มร้อนแรงและเป็นดาวเด่นประจำทีมในศึกยูโร 2020 อย่างไรก็ตามตอนนี้ผลงานของเขาค่อนข้างดร็อปลงไปเยอะถ้าเทียบกับสมัยที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง

2015 - อองโตนี่ มาร์กซิยาล

หัวหอกชาวเฟร้นช์ เริ่มต้นอาชีพพ่อค้าแข้งอย่างสวยสดงดงาม และดูมีออร่าอย่างมาก โดยนักเตะสร้างความฮือฮาจากการเป็นดาวรุ่งโมนาโก ก่อนจะย้ายมาเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

"พี่หมาก" สถาปนาตัวเองกลายเป็นแข้งแห่งอนาคตสำหรับสาวก "ผีแดง" เมื่อทำผลงานในเกมเปิดตัวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างสุดยอด ด้วยการซัดประตูใส่ ลิเวอร์พูล คู่อริตลอดกาล 

อย่างไรก็ตามปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง และฟอร์มการเล่นที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำให้ฟอร์มของเขาค่อยๆ ร่วงกราวรูด จนกระทั่งปัจจุบันนี้ผลงานของนักเตะยังคงลุ่มๆ ดอนๆ หาสาระอะไรไม่ได้เลย

2016 - เรนาโต้ ซานเชส

โลกลูกหนังต้องตกตะลึงหลังเห็นฟอร์มสุดยอดของ เรนาโต้ ซานเชส ที่เป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญที่นำทีมชาติโปรตุเกส ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2016

อย่างไรก็ตามหลายสิ่งหลายอย่างกลับตาลปัตรนับตั้งแต่ที่เขาย้ายมาเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค โดยนักเตะแทบไม่ได้รับโอกาสลงสนาม สุดท้ายถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ "หงส์ขาว" สวอนซี ซิตี้

หลังจากนั้นแข้งแดนฝอยทองย้ายไปอยู่กับ ลีลล์ ก่อนจะซบ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ และโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ "หมาป่าเหลืองแดง" โรม่า ภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซือโชเซ่ มูรินโญ่

2017 - คีลิยัน เอ็มบัปเป้

หลายคนแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่านี่คือผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมที่น่าตื่นเต้นที่สุดนับตั้งแต่ ลิโอเนล เมสซี่ ได้รางวัล โดย คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กำลังไปได้สวยในวงการลูกหนัง และได้รับการเชิดชูจะยิ่งใหญ่ในอนาคต

ดาวยิงแชมป์โลก ตะบันไปแล้ว 248 ประตูในอาชีพพ่อค้าแข้ง และถือเป็นยุคทองของเขาอย่างแท้จริง ที่สำคัญ เอ็มบัปเป้ เป็นคนแรกนับตั้งแต่เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ที่ซัดแฮตทริกในรอบชิงศึกเวิลด์ คัพ 2022 ที่ประเทศกาตาร์ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะแพ้ อาร์เจนติน่า

แม้ว่า เอ็มบัปเป้ จะมีปัญหาเรื่องสัญญากับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็ตาม แต่กระนั้นเขาก็ยังคงเป็นผู้เล่นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ไม่อย่างนั้นสโมสรอย่าง เรอัล มาดริด, ลิเวอร์พูล และ เชลซี จะจ้องตาเป็นมันหวังดึงตัวไปร่วมทัพให้ได้

2018 - มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์

หนึ่งในสตาร์ของ เอริค เทน ฮาก  สมัยคุม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อฤดูกาล 2018/2019 โดย มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ เป็นกองหลังคนแรกที่ได้รางวัลแข้งดาวรุ่งยอดเยี่ยมเมื่อปี 2018 จากนั้นก็อำลาทีมไปเล่นกับ ยูเวนตุส

การโบกมือลาบ้านเกิดเพื่อไปหาประสบการณ์ต่างแดนมีหลายสิ่งที่ไม่เข้าทาง และสุดท้ายนักเตะต้องย้ายไปเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค หลังจากไม่ประสบความสำเร็จกับทัพ "เบียงโคเนรี่"

ในช่วงแรกบนดินแดนไส้กรอกนักเตะค่อนข้างไปได้สวยกับสโมสรในยุคที่ ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ กุมบังเหียน แต่หลังจากถูกปลดและได้ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาทำงาน ตอนนี้ เดอ ลิกต์ ต้องนั่งตบยุงที่ซุ้มม้านั่งสำรอง

2019 - ชูเอา เฟลิกซ์

 อีกหนึ่งสตาร์จาก เบนฟิก้า ที่สร้างความฮือฮาในวงการลูกหนังนั่นก็คือ ชูเอา เฟลิกซ์ ด้วยฟอร์มที่สุดตระการตาทำให้ แอตเลติโก มาดริด ทุ่มเงินเป็นสถิติสโมสรจำนวน 108 ล้านปอนด์ (ราว 4,752 ล้านบาท) คว้าตัวมาร่วมทัพ

อย่างไรก็ตาม นักเตะไม่สามารถผลิตฟอร์มได้ตามที่ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์จอมเฮี้ยบ ต้องการแถมยังมีปัญหาเรื่องทัศนคติส่วนตัว ส่งผลให้โดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ เชลซี ในช่วงครึ่งซีซั่นหลังของฤดูกาล 2022/2023

ปัจจุบัน สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส ย้ายไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า ด้วยสัญญายืมตัว และในอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับไปค้าแข้งกับ "ตราหมี" หรือโดนขายทิ้งให้กับสโมสรอื่น

2020 - เออร์ลิง ฮาลันด์

นี่คือนักเตะคนแรกที่ได้รางวัลโกลเด้น บอย ที่เกิดในช่วงปี 2000 โดยว่ากันนี้ เออร์ลิง ฮาลันด์ จะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งทาบรัศมี เอ็มบัปเป้ อย่างเป็นทางการ หลังสร้างผลงานสุดอลังการกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

หัวหอกทีมชาตินอร์เวย์ ได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้สมัยที่ยังเล่นให้กับ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หลังนักเตะโชว์ความเป็นเพชฌฆาตจอมมารบู ด้วยการตะบันไป 86 ประตูจาก 89 เกม

จากนั้นก็ย้ายมาเป็นลูกทีมกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า พร้อมกับทำลายสถิติการยิงประตูในซีซั่นแรกที่เล่นบนดินแดนเมืองผู้ดี ที่สำคัญยังช่วยนำ "เรือใบสีฟ้า" สร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเบิ้ลแชมป์ด้วย

2021 - เปดรี้ 

กองกลางจากค่าย บาร์เซโลน่า ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เล่นแห่งอนาคตของทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" อย่างแท้จริง หลังนักเตะสร้างผลงานดีมีคุณภาพ และทำให้สโมสรกลับมาแข็งแกร่งนับตั้งแต่ เมสซี่ ย้ายออกไป

เปดรี้ โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงกับยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลัน ปัจจุบันเขาเล่นให้ บาร์ซ่า ไปแล้ว 111 แมตช์ และมีส่วนสำคัญในการนำทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา เมื่อฤดูกาล 2022/2023

สำหรับตอนนี้ มิดฟิลด์ดาวโรจน์ วัย 20 ปี สถาปนาตัวเองจนกลายเป็นแข้งหลักทัพ บาร์เซโลน่า ในยุคกุนซือ ชาบี เอร์นานเดซ กุมบังเหียน และยังติดทีมชาติสเปนอย่างต่อเนื่องด้วย

2022- กาบี

สำหรับปีล่าสุดรางวัลนี้เป็ฯของ กาบี ซึ่งเดินตามรอบ เปดรี้ เนื่องจากทั้งสองคนเป็นนักเตะชาวสแปนิช และเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า  โดยนักเตะเป็นผู้เล่นที่มีส่วนสำคัญในการนำโทรฟี่แชมป์ลีกสูงสุดเมืองกระทิงกลับมาประดับที่ตู้โชว์ในคัมป์ นู อีกครั้ง

กาบี เพิ่งขยายสัญญาฉบับใหม่กับต้นสังกัดออกไปจนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2026 พร้อมกับค่าฉีกสัญญาจำนวนมหาศาลถึง 860 ล้านปอนด์ (ราว 37,840 ล้านบาท) ซึ่งต้องบอกเลยว่าเหตุผลที่สโมสรทำแบบนี้ก็เพื่อกันท่าพวกทีมเงินถุงเงินถังคิดกระชากดาวรุ่งรายนี้

แน่นอนว่าการที่ บาร์เซโลน่า ตัดสินใจขยายสัญญานักเตะออกไป เป็นการแสดงให้เห็นว่า กาบี คือผู้เล่นแห่งอนาคต และน่าจะเป็นกำลังสำคัญของทีมในการช่วยให้สโมสรกลับมายิ่งใหญ่ทั้งในสเปน และบนเวทียุโรป อีกครั้ง

นักเตะจำนวนมากที่ได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม หรือ "โกปา โทรฟี่" ในงานประกาศผลรางวัลบัลลงดอร์ ส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จมากมายมหาศาลหลังจากนั้น ยกตัวอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับเกียรติดังกล่าวสมัยเป็นดาวรุ่ง และปัจจุบันกลายเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตในวงการลูกหนัง

สำหรับในปีนี้มีแข้งดาวรุ่งมากมายที่มีลุ้นจะได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้ไม่ว่าจะเป็น จู๊ด เบลลิงแฮม, จามาล มูเซียล่า, อเลฆานโดร บัลเด้ และ กาบี ซึ่งเคยได้รับรางวัลนี้มาแล้วเมื่อปี 2022 ต่างก็มีลุ้นความสำเร็จนี้ แต่ดูเหมือน "หนุ่มจู๊ด" จะมีภาษีมากที่สุด หลังฟอร์มโดดเด่นทั้งกับ เรอัล มาดริด และทีมชาติอังกฤษ

ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีนับตั้งแต่ปี 2010 มีผู้เล่นแห่งอนาคตหลายคนที่คว้ารางวัล "โกปา โทรฟี่" ไปครอบครอง และต่อยอดความสำเร็จจนกลายเป็นผู้เล่นระดับโลก แต่กระนั้นก็มีบางคนที่ไม่สามารถพัฒนาตัวเอง สุดท้ายก็ย่ำอยู่กับทีม เป็นเพียงแค่ผู้เล่นแห่งความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับการเชิดชูว่าเป็นอนาคตในวงการลูกหนัง

2010 - มาริโอ บาโลเตลลี่

หนึ่งในแข้งที่คู่ควรกับฉายา "แบดบอย" อย่าง มาริโอ บาโลเตลลี่ เริ่มต้นอาชีพนักเตะได้อย่างโดดเด่น และประสบความสำเร็จอย่างสูงสมัยที่ค้าแข้งกับ "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน และ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้

"ซูเปอร์ มาริโอ" คว้ารางวัลโกลเด้น บอย มาครองในปี 2010 แต่พฤติกรรมทั้งในและนอกสนามที่ขาดความเป็นมืออาชีพทำให้อนาคตในวงการฟุตบอลตกฮวบอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ทุกๆ คนไม่อยากจะเชื่อ

ปัจจุบัน "บาโล" ค้าแข้งกับ ซิยง ทีมในลีกสวิตเซอร์แลนด์ แต่มีรายงานว่านักเตะกับสโมสรได้ยกเลิกสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยชีวิตการเป็นนักเตะของเขาค่อนข้างพเนจรเลยทีเดียว เพราะเคยเล่นทั้งในฝรั่งเศส, อิตาลี และ ตุรเคีย 

2011 - มาริโอ เกิทเซ่

ในช่วงต้นยุค 2010 ชื่อของ มาริโอ เกิทเซ่ ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะหลายคนยกย่องให้เขาเป็นอนาคตในวงการฟุตบอลประเทศเยอรมนี และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเนื่องจากนักเตะทำผลงานได้อย่างโดดเด่นจริงๆเกิทเซ่ ระเบิดฟอร์มในช่วงที่ค้าแข้งกับ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และได้รางวัล "โกปา โทรฟี่" ในปี 2011 ด้วยวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น โดยในปี 2014 นักเตะสร้างชื่อด้วยการซัดประตูโทนนำทัพ "อินทรีเหล็ก" คว้าแชมป์เวิลด์ คัพ ที่ประเทศบราซิล

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างปัญหาให้กับ เกิทเซ่ ก็คือสภาพร่างกายที่มักจะมีปัญหาบาดเจ็บ และไม่ค่อยฟิต ส่งผลให้เส้นทางค้าแข้งพบกับอุปสรรคมากมาย และปัจจุบันเจ้าตัวเล่นอยู่กับทีมสำรองของ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต

2012 - อิสโก้

อิสโก้ เป็นนักเตะชาวสแปนิชคนแรกนับตั้งแต่ปี 2006 ที่ได้รับรางวัลนี้ โดยตอนนั้นเจ้าตัวยังค้าแข้งอยู่กับ มาลาก้า ในวัยเพียง 20 ปี จากนั้นก็ย้ายมาเล่นให้ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ในปี 2013 ซึ่งที่นี่นักเตะอยู่ทำมาหารับประทานนานถึง 9 ปี

ดาวเตะเลือดกระทิงดุ ถือเป็นหนึ่งในแข้งคีย์แมนยุคที่ ซีเนดีน ซีดาน กุมบังเหียนซึ่งตอนนั้น "โลส บลังโกส" สร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยติดต่อกัน

อย่างไรก็ตามนักเตะต้องระเห็จออกจากถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในปี 2022 โดยย้ายไปค้าแข้งกับ เซบีย่า แต่สำหรับตอนนี้เจ้าตัวเพิ่งเซ็นสัญญากับ เรอัล เบติส หลังการย้ายไปเล่นกับ อูนิโอน เบอร์ลิน ล้มเหลวไม่เป็นทางในนาทีสุดท้ายช่วงซัมเมอร์นี้

2013 - ปอล ป็อกบา

หลังจากโบกมือลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเล่นกับ ยูเวนตุส  เมื่อปี 2012 บรรดาสาวก "เร้ด อาร์มี่" ต่างรู้สึกเสียดายแข้งพรสวรรค์รายนี้อย่างมาก เพราะเขาระเบิดฟอร์มสุดยอดจนคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมมาครอบครองในปี 2013

ผ่านไป 3 ปี ดาวเตะจอมแฟชั่น ได้หวนกลับมายังถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกครั้ง พร้อมกับวลีเด็ด "ป็อกแบ็ก" โดยตอนนั้น "ผีแดง" ทุ่มเงินซื้อมาด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรจำนวน 89 ล้านปอนด์ (ราว 3,916 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม ด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่คงเส้นคงวานับตั้งแต่หวนกลับคืนทีม กอปรกับอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ทำให้ ป็อกบา ไม่ประสบความสำเร็จกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และสุดท้ายก็ต้องกลับไปเล่นกับ ยูเว่ อีกครั้งในปี 2022

ปัจจุบัน กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ยังต้องเจอกับอาการบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่อง แถมมีวิบากกรรมจากการตรวจโด๊ปไม่ผ่าน และมีสิทธิ์โดนแบนยาวถึง 4 ปีเลยทีเดียว

2014 - ราฮีม สเตอร์ลิง

นี่คือแข้งชาวอังกฤษคนแรกที่ได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมในรอบ 1 ทศวรรษ หลังจากที่ เวย์น รูนี่ย์ ได้รับเกียรติเมื่อปี 2004 ซึ่งตอนนั้น สเตอร์ลิง ถือเป็นแข้งความหวังของบรรดาชาวเมืองผู้ดีอย่างมาก

ความคล่องแคล่วว่องไว และสปีดที่เร็วกว่านรกทำให้ สเตอร์ลิง เป็นที่เข็ดขยาดของเหล่าแนวรับตั้งแต่สมัยที่เขาเล่นให้กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล, "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และปัจจุบัน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี

ขณะที่ในนามทีมชาติอังกฤษ นักเตะก็ฟอร์มร้อนแรงและเป็นดาวเด่นประจำทีมในศึกยูโร 2020 อย่างไรก็ตามตอนนี้ผลงานของเขาค่อนข้างดร็อปลงไปเยอะถ้าเทียบกับสมัยที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง

2015 - อองโตนี่ มาร์กซิยาล

หัวหอกชาวเฟร้นช์ เริ่มต้นอาชีพพ่อค้าแข้งอย่างสวยสดงดงาม และดูมีออร่าอย่างมาก โดยนักเตะสร้างความฮือฮาจากการเป็นดาวรุ่งโมนาโก ก่อนจะย้ายมาเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

"พี่หมาก" สถาปนาตัวเองกลายเป็นแข้งแห่งอนาคตสำหรับสาวก "ผีแดง" เมื่อทำผลงานในเกมเปิดตัวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างสุดยอด ด้วยการซัดประตูใส่ ลิเวอร์พูล คู่อริตลอดกาล 

อย่างไรก็ตามปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง และฟอร์มการเล่นที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำให้ฟอร์มของเขาค่อยๆ ร่วงกราวรูด จนกระทั่งปัจจุบันนี้ผลงานของนักเตะยังคงลุ่มๆ ดอนๆ หาสาระอะไรไม่ได้เลย

2016 - เรนาโต้ ซานเชส

โลกลูกหนังต้องตกตะลึงหลังเห็นฟอร์มสุดยอดของ เรนาโต้ ซานเชส ที่เป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญที่นำทีมชาติโปรตุเกส ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2016

อย่างไรก็ตามหลายสิ่งหลายอย่างกลับตาลปัตรนับตั้งแต่ที่เขาย้ายมาเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค โดยนักเตะแทบไม่ได้รับโอกาสลงสนาม สุดท้ายถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ "หงส์ขาว" สวอนซี ซิตี้

หลังจากนั้นแข้งแดนฝอยทองย้ายไปอยู่กับ ลีลล์ ก่อนจะซบ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ และโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ "หมาป่าเหลืองแดง" โรม่า ภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซือโชเซ่ มูรินโญ่

2017 - คีลิยัน เอ็มบัปเป้

หลายคนแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่านี่คือผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมที่น่าตื่นเต้นที่สุดนับตั้งแต่ ลิโอเนล เมสซี่ ได้รางวัล โดย คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กำลังไปได้สวยในวงการลูกหนัง และได้รับการเชิดชูจะยิ่งใหญ่ในอนาคต

ดาวยิงแชมป์โลก ตะบันไปแล้ว 248 ประตูในอาชีพพ่อค้าแข้ง และถือเป็นยุคทองของเขาอย่างแท้จริง ที่สำคัญ เอ็มบัปเป้ เป็นคนแรกนับตั้งแต่เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ที่ซัดแฮตทริกในรอบชิงศึกเวิลด์ คัพ 2022 ที่ประเทศกาตาร์ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะแพ้ อาร์เจนติน่า

แม้ว่า เอ็มบัปเป้ จะมีปัญหาเรื่องสัญญากับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็ตาม แต่กระนั้นเขาก็ยังคงเป็นผู้เล่นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ไม่อย่างนั้นสโมสรอย่าง เรอัล มาดริด, ลิเวอร์พูล และ เชลซี จะจ้องตาเป็นมันหวังดึงตัวไปร่วมทัพให้ได้

2018 - มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์

หนึ่งในสตาร์ของ เอริค เทน ฮาก  สมัยคุม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อฤดูกาล 2018/2019 โดย มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ เป็นกองหลังคนแรกที่ได้รางวัลแข้งดาวรุ่งยอดเยี่ยมเมื่อปี 2018 จากนั้นก็อำลาทีมไปเล่นกับ ยูเวนตุส

การโบกมือลาบ้านเกิดเพื่อไปหาประสบการณ์ต่างแดนมีหลายสิ่งที่ไม่เข้าทาง และสุดท้ายนักเตะต้องย้ายไปเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค หลังจากไม่ประสบความสำเร็จกับทัพ "เบียงโคเนรี่"

ในช่วงแรกบนดินแดนไส้กรอกนักเตะค่อนข้างไปได้สวยกับสโมสรในยุคที่ ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ กุมบังเหียน แต่หลังจากถูกปลดและได้ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาทำงาน ตอนนี้ เดอ ลิกต์ ต้องนั่งตบยุงที่ซุ้มม้านั่งสำรอง

2019 - ชูเอา เฟลิกซ์

 อีกหนึ่งสตาร์จาก เบนฟิก้า ที่สร้างความฮือฮาในวงการลูกหนังนั่นก็คือ ชูเอา เฟลิกซ์ ด้วยฟอร์มที่สุดตระการตาทำให้ แอตเลติโก มาดริด ทุ่มเงินเป็นสถิติสโมสรจำนวน 108 ล้านปอนด์ (ราว 4,752 ล้านบาท) คว้าตัวมาร่วมทัพ

อย่างไรก็ตาม นักเตะไม่สามารถผลิตฟอร์มได้ตามที่ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์จอมเฮี้ยบ ต้องการแถมยังมีปัญหาเรื่องทัศนคติส่วนตัว ส่งผลให้โดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ เชลซี ในช่วงครึ่งซีซั่นหลังของฤดูกาล 2022/2023

ปัจจุบัน สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส ย้ายไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า ด้วยสัญญายืมตัว และในอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับไปค้าแข้งกับ "ตราหมี" หรือโดนขายทิ้งให้กับสโมสรอื่น

2020 - เออร์ลิง ฮาลันด์

นี่คือนักเตะคนแรกที่ได้รางวัลโกลเด้น บอย ที่เกิดในช่วงปี 2000 โดยว่ากันนี้ เออร์ลิง ฮาลันด์ จะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งทาบรัศมี เอ็มบัปเป้ อย่างเป็นทางการ หลังสร้างผลงานสุดอลังการกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

หัวหอกทีมชาตินอร์เวย์ ได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้สมัยที่ยังเล่นให้กับ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หลังนักเตะโชว์ความเป็นเพชฌฆาตจอมมารบู ด้วยการตะบันไป 86 ประตูจาก 89 เกม

จากนั้นก็ย้ายมาเป็นลูกทีมกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า พร้อมกับทำลายสถิติการยิงประตูในซีซั่นแรกที่เล่นบนดินแดนเมืองผู้ดี ที่สำคัญยังช่วยนำ "เรือใบสีฟ้า" สร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเบิ้ลแชมป์ด้วย

2021 - เปดรี้ 

กองกลางจากค่าย บาร์เซโลน่า ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เล่นแห่งอนาคตของทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" อย่างแท้จริง หลังนักเตะสร้างผลงานดีมีคุณภาพ และทำให้สโมสรกลับมาแข็งแกร่งนับตั้งแต่ เมสซี่ ย้ายออกไป

เปดรี้ โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงกับยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลัน ปัจจุบันเขาเล่นให้ บาร์ซ่า ไปแล้ว 111 แมตช์ และมีส่วนสำคัญในการนำทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา เมื่อฤดูกาล 2022/2023

สำหรับตอนนี้ มิดฟิลด์ดาวโรจน์ วัย 20 ปี สถาปนาตัวเองจนกลายเป็นแข้งหลักทัพ บาร์เซโลน่า ในยุคกุนซือ ชาบี เอร์นานเดซ กุมบังเหียน และยังติดทีมชาติสเปนอย่างต่อเนื่องด้วย

2022- กาบี

สำหรับปีล่าสุดรางวัลนี้เป็ฯของ กาบี ซึ่งเดินตามรอบ เปดรี้ เนื่องจากทั้งสองคนเป็นนักเตะชาวสแปนิช และเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า  โดยนักเตะเป็นผู้เล่นที่มีส่วนสำคัญในการนำโทรฟี่แชมป์ลีกสูงสุดเมืองกระทิงกลับมาประดับที่ตู้โชว์ในคัมป์ นู อีกครั้ง

กาบี เพิ่งขยายสัญญาฉบับใหม่กับต้นสังกัดออกไปจนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2026 พร้อมกับค่าฉีกสัญญาจำนวนมหาศาลถึง 860 ล้านปอนด์ (ราว 37,840 ล้านบาท) ซึ่งต้องบอกเลยว่าเหตุผลที่สโมสรทำแบบนี้ก็เพื่อกันท่าพวกทีมเงินถุงเงินถังคิดกระชากดาวรุ่งรายนี้

แน่นอนว่าการที่ บาร์เซโลน่า ตัดสินใจขยายสัญญานักเตะออกไป เป็นการแสดงให้เห็นว่า กาบี คือผู้เล่นแห่งอนาคต และน่าจะเป็นกำลังสำคัญของทีมในการช่วยให้สโมสรกลับมายิ่งใหญ่ทั้งในสเปน และบนเวทียุโรป อีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »