ความเป็นพระรองของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น นั้นชัดเจนจนน่าเห็นใจ..

ไม่มีทีมที่ยังไม่เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเยอรมันในยุคบุนเดสลีกาทีมไหนอีกแล้วที่เป็นรองแชมป์บุนเดสฯ มากเท่ากับเลเวอร์คูเซ่น

5 สมัย.. ที่ทำได้แค่เกือบ ไม่เคยไปถึงฝั่งฝันได้เลย

รองแชมป์ฤดูกาล 1996/97 แพ้ บาเยิร์น 2 แต้ม

รองแชมป์ฤดูกาล 1998/99 แพ้ บาเยิร์น 15 แต้ม

รองแชมป์ฤดูกาล 1999/2000 แพ้ บาเยิร์น ด้วยผลต่างประตูได้เสีย

รองแชมป์ฤดูกาล 2001/02 ชนะ บาเยิร์น 1 แต้ม แต่แพ้ ดอร์ทมุนด์ 1 คะแนน

รองแชมป์ฤดูกาล 2010/11 ชนะ บาเยิร์น 3 แต้ม แต่ก็ยังแพ้ ดอร์ทมุนด์ 7 คะแนน..

เกียรติประวัติสูงสุดของ เลเวอร์คูเซ่น นับตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นสู่บุนเดสลีกาเมื่อปี 1979 คือแชมป์ยูฟ่า คัพ 1 สมัยเมื่อปี 1988 กับแชมป์เดเอฟเบ โพคาลอีก 1 สมัยเมื่อปี 1993

ไม่เคยตกชั้นจากลีกสูงสุด..

แฟนบอลเลเวอร์คูเซ่นบ้านเราน่าจะมีในระดับหนึ่งนะครับ ทีมดังแห่งแคว้น นอร์ธ ไรน์-เวสต์ฟาเลีย จะมีเกมเข้มข้นที่เป็นดาร์บี้แมตช์กับ โคโลญจน์ (ห่างกัน 18 กิโลเมตร) ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ (34 กิโลเมตร) และ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค (64 กิโลเมตร)

แต่ในขณะที่ทีมห้างขายยาสร้างนักฟุตบอลขึ้นมาประดับวงการและผ่านเทรนเนอร์ชั้นนำมากมาย ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทีมใหญ่ของประเทศ พวกเขากลับยังไม่เคยได้สัมผัสกับตำแหน่งแชมป์บุนเดสลีกาที่ปรารถนาสักที

ดีเตอร์ แฮร์โซก, โธมัส ฮอร์สเตอร์, ชา บุม-กุน, คนุต ไรน์ฮาร์ดท์, ไฮโค แฮร์ลิช, ฟรังโก้ โฟดา, อูล์ฟ เคียร์สเท่น, แบรนด์ ชูสเตอร์, เปาโล แซร์โจ้, รูดี้ โฟลเลอร์

ฮันส์-ปีเตอร์ เลห์นโฮฟฟ์, คาร์สเท่น ราเมโลว์, เยนส์ โนว็อตนี่, นิโก้-โรเบิร์ต พี่น้องตระกูลโควัช, แบรนด์ ชไนเดอร์, มิชาเอล บัลลัค, สเตฟาน บายน์ลิช,  ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ฮันส์-ยอร์ก บุตต์

นักเตะชั้นนำเหล่านี้ผ่านเข้ามา-สร้างชื่อ-แล้วก็อำลาไป หลายคนเติบโตขึ้นไปอีก กลายเป็นตำนานของวงการลูกหนัง หลายคนเข้าสู่ขาลงของอาชีพ

เดตต์มาร์ คราเมอร์, เอริค ริบเบ็ค, ไรนุส มิเชลส์, แบร์ตี้ โฟ้กท์ส, คริสโตฟ ดอย์ม, เคล้าส์ ท็อปป์โมลเลอร์, มิชาเอล สคิบเบ้, จุ๊ปป์ ไฮย์นเกส, โรเจอร์ ชมิดท์

กุนซือมือดีเหล่านี้ก็เช่นกัน ผ่านเข้ามา-สร้างผลงาน-เป็นที่รัก-แล้วก็จากไป บางคนเงียบหาย บางคนก้าวหน้าต่อ บางคนเกือบจะสร้างประวัติศาสตร์ให้สโมสรได้อยู่แล้ว.. แต่ทั้งหมดต่างลงเอยด้วยชะตากรรมเดียวกันคือทำไม่สำเร็จ

รองแชมป์ทั้ง 5 สมัยของเลเวอร์คูเซ่นเกิดขึ้นในยุค คริสโตฟ ดอย์ม 3 ครั้ง (1996/97, 1998/99, 1999/2000) เคล้าส์ ท็อปป์โมลเลอร์ 1 ครั้ง (2001/02) และ จุ๊ปป์ ไฮย์นเกส อีก 1 ครั้ง (2010/11)

ไปไม่ถึง.. จะพยายามอย่างไรก็ยังไปไม่ถึงสักที

โคโลญจน์ทีมบ้านใกล้เรือนเคียงได้แชมป์ไป 2 ครั้ง กลัดบัคคว้าไป 5 สมัยในยุคพลังช่วงหนุ่มทศวรรษ 1970 เลเวอร์คูเซ่นยังมีความสำเร็จเป็นศูนย์สำหรับแชมป์ลีกสูงสุดเท่าๆ กับ ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ ที่ด้อยเกียรติยศกว่าใครในย่านนอร์ธ-ไรน์ เวสต์ฟาเลีย

หลายคนคงยังจำฤดูกาล 1999/2000 ของพวกเขาได้ดี มันคือโอกาสใกล้ที่สุดแล้วที่เลเวอร์คูเซ่นจะทำได้

ฤดูกาลนั้นทีมห้างขายยาของ ดอย์ม เล่นได้สุดยอดหลังจากไปถึงตำแหน่งรองแชมป์ 2 สมัยจาก 3 ฤดูกาลก่อนหน้า ขุนพลของทีมผสมผสานลงตัวกลมกล่อมมีทั้งความสดและประสบการณ์ พร้อมแล้วที่จะสิ้นสุดการรอคอย

อดัม มาตีเซ็ก เฝ้าเสา เยนส์ โนว็อตนี่, โรเบิร์ต โควัช และ บอริส ซิฟโควิช คุมเกมรับระบบเซนเตอร์แบ๊ก 3 คน เซ โรแบร์โต้ กับ สเตฟาน บายน์ลิช เล่นวิงแบ๊กขวา-ซ้าย

เอเมอร์สัน ปักหลักมิดฟิลด์ตัวรับ คาร์สเท่น ราเมโลว์ เชื่อมเกม มิชาเอล บัลลัค มิดฟิลด์หนุ่มวัย 23 กำลังห้าวเต็มที่เดินเครื่องทำเกมรุก มี โอลิเวอร์ นอยวิลล์ กับ อูล์ฟ เคียร์สเท่น เป็นคู่หัวหอก

ขุมกำลังสำรองของ ดอย์ม ซีซั่นนั้นยังมีทั้ง แบรนด์ ชไนเดอร์, ร็อบสัน ปอนเต้, เปาโล ริงก์, โธมัส เบอร์ดาริช, ยอร์ก เร็บบ์, ทอร์เบน ฮอฟฟ์มันน์ ให้หมุนใช้งาน

เลเวอร์คูเซ่นเดินหน้าอย่างมั่นคง เกมรับมั่นคง แดนกลางหนักแน่น และเกมรุกฉกาจฉกรรจ์ มีชัยชนะสวยๆ อย่างการทุบ บาเยิร์น มิวนิค กด ไกเซอร์สเลาเทิร์น กับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ทั้งเหย้า-เยือน อัด โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รวมถึงบอมบ์ อูล์ม เหี้ยมโหด 4-1 กับ 9-1

หลังยึดตำแหน่งจ่าฝูงได้ในเกมที่ 27 ของฤดูกาลด้วยการบุกชนะ 1860 มิวนิค เลเวอร์คูเซ่น พลาดแค่เกมเดียวที่หลุดเสมอ ฮันซ่า รอสต๊อค ในเกมที่ 29 จนหล่นมาเป็นอันดับสองแต่ก็ทวงตำแหน่งคืนอย่างรวดเร็วหลังจากต้อนอาร์มีเนีย บีเลเฟลด์ 4-1 ในเกมที่ 30 สัปดาห์ถัดมา

ยอดเทรนเนอร์จากซวิกเคาพาทีมตะลุยกำชัย 4 นัดรวดตั้งแต่เกมที่ 30 ถึงเกมที่ 33 ซึ่งเป็นนัดรองสุดท้าย ทำประตูอย่างสนุกสนานถึง 13 ลูกใน 4 เกมนั้น (บีเลเฟลด์ 4-1 แวร์เดอร์ เบรเมน 3-1 ฮัมบูร์ก 2-0 แฟร้งค์เฟิร์ต 4-1)

ก้าวเข้าสู่วันสุดท้ายของฤดูกาลด้วยการนำ บาเยิร์น มิวนิค 3 คะแนน และผลงานแพ้แค่ 2 เกมตลอดซีซั่น (ต่อ โวล์ฟสบวร์ก ในสัปดาห์ที่ 7 และ บาเยิร์น ในสัปดาห์ที่ 19) ไม่แพ้ใครเลยในเกมเหย้าทั้ง 17 นัด

วันปิดฤดูกาล ดอย์มและลูกทีมบุกไปเยือน อุนเตอร์ฮัคคิงก์ ทีมกลางตารางที่ไม่มีลุ้นอะไรแล้วไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ฟุตบอลยุโรปหรือหนีตกชั้น ทั้งการพบกันในถิ่น ไบ อารีน่า ครึ่งซีซั่นแรกสามแต้มก็ยังเป็นของทีมห้างขายยา

โจทย์ของเลเวอร์คูเซ่นไม่ซับซ้อน ขอแค่ไม่แพ้เจ้าถิ่นทุกอย่างก็จะจบอย่างสมบูรณ์แบบ หรือแม้จะแพ้ก็ยังมีลุ้นอีกต่อถ้า บาเยิร์น เอาชนะ เบรเมน ไม่ได้ โล่แชมป์บุนเดสลีกาก็จะเป็นของพวกเขาเช่นกัน

แต่ก็นั่นล่ะครับ กงล้อแห่งประวัติศาสตร์หมุนไปในทิศทางที่เราเห็น ถ้ามันจะบิดเบี่ยงกว่านี้สักนิด ลูกสกัดของ บัลลัค ลูกนั้นเบี้ยวซ้ายหรือป่ายขวาออกไปมากๆ หน่อยจนไม่ตรงกรอบ เลเวอร์คูเซ่นอาจจะได้ชื่อว่าเป็นแชมป์บุนเดสลีกาไปตั้งแต่ 24 ปีก่อนแล้ว

ขอแค่คะแนนเดียวในเกมปิดฤดูกาล.. ทำไม่ได้และถูกลงโทษ นี่คือความโหดร้ายของการขับเคี่ยวกับทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค

หากฤดูกาล 1999/2000 ว่าเจ็บหนักแล้ว ฤดูกาล 2001/02 เป็นหายนะยิ่งกว่า แม้มันจะเกิดขึ้นในซีซั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของพวกเขาก็ตาม

ตำแหน่งเทรนเนอร์เปลี่ยนมือจาก ดอย์ม ไปสู่ แบร์ตี้ โฟ้กท์ส (รูดี้ โฟลเลอร์ ขัดตาทัพสั้นๆ อยู่ 3 สัปดาห์) ก่อนจะมาถึง เคล้าส์ ท็อปป์โมลเลอร์ อดีตกุนซือที่เคยพา ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต บินสูง

ทีมห้างขายยาของท็อปป์โมลเลอร์คล้ายผลไม้ที่บ่มเพาะจนได้ที่ถึงเวลาสุกงอม นักเตะแกนหลักจากชุดรองแชมป์เมื่อ 2 ปีก่อนเติบโตขึ้น โดยเฉพาะ บัลลัค ที่ก้าวขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ระดับโลกในวัย 25 ปี ห้าวหาญกว่าใครในสนาม

ขุนพลของท็อปป์โมลเลอร์ยิ่งแกร่งกว่าชุดลุ้นแชมป์ของดอย์ม มันถูกยกขึ้นไปอีกระดับ

ฮันส์-ยอร์ก บุตต์ เฝ้าประตูแทน มาตีเซ็ก.. ลูซิโอ กับ ดีเอโก้ พลาเซนเต้ เข้ามาเสริมกำแพงแนวรับร่วมกับ โนว็อตนี่.. แบรนด์ ชไนเดอร์ ยึดตำแหน่งตัวจริง คาร์สเท่น ราเมโลว์ ถอยลงมาเล่นมิดฟิลด์ตัวรับแทนเอเมอร์สัน เสียบเข้ามาด้วย ยิลดิราย บาสเติร์ก

เซ โรแบร์โต้ บัลลัค นอยวิลล์ และ เคียร์สเท่น ยังอยู่ ด้วยเขี้ยวเล็บที่แหลมคมกว่าเดิม

ซิฟโควิช หลุดตัวจริงแต่ยังเป็นอะไหล่สำคัญในเกมรับที่มี โซลตาน เซเบสเซ่น เสริมเข้ามา กองกลางมี ยูริก้า วรันเยซ และข้างหน้าทั้ง โธมัส เบอร์ดาริช และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ก็พร้อมเป็นตัวเลือก

เป็นไลน์อัพที่ดีที่สุดชุดหนึ่งของฟุตบอลบุนเดสลีกาและเวทีสโมสรยุโรป คำตอบที่จับต้องได้ชัดเจนที่สุดคือการลุ้นทริปเปิลแชมป์ทั้งบุนเดสลีกา เดเอฟเบ โพคาล และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ฤดูกาลนั้นใครก็ต้านทานเลเวอร์คูเซ่นไม่อยู่..

ในเกมลีกออกตัวมา 14 เกมแรกนำเป็นจ่าฝูงด้วยผลงานชนะ 11 เสมอ 3 ไม่แพ้ใครเลย ขณะที่เข้าสู่ครึ่งฤดูกาลหลังมีเกมระเบิดฟอร์มอย่างถล่มกลัดบัค 5-0 ยำดอร์ทมุนด์ 4-0 เป็นจุดขาย และการชนะ 5 เสมอ 1 ในช่วงเดือนมีนาคมต่อเนื่องเมษายนก็ทำให้ทีมห้างขายยานำเสือเหลืองรองจ่าฝูงถึง 5 คะแนนเมื่อเข้าสู่ 3 เกมสุดท้าย

เหลือ 3 เกม นำ 5 คะแนน.. ฝันร้ายเมื่อ 2 ปีก่อนทำท่าจะถูกลบทิ้ง ความปรารถนาสูงสุดกำลังจะกลายเป็นความจริง

ในเดเอฟเบ โพคาล ก็เดินหน้าอย่างหนักแน่น ยิง 3 ประตูได้ใน 4 จาก 5 เกมที่ลงเตะกรุยทางเข้าสู่นัดชิง มี ชาลเก้ 04 รออยู่ที่เบอร์ลิน

ส่วนเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฝ่าด่าน เร้ดสตาร์ เบลเกรด ตั้งแต่รอบคัดเลือกรอบสาม เกาะหลัง บาร์เซโลน่า เข้ารอบแบ่งกลุ่มรอบสอง ถีบ อาร์เซน่อล กับ ยูเวนตุส ร่วงตีตั๋วเข้ารอบน็อกเอ๊าต์ก่อนจะสร้างผลงานอหังการ์เขี่ยทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับรอบรองชนะเลิศเข้าไปล่าถ้วยบิ๊กเอียร์กับ เรอัล มาดริด ที่กลาสโกว์

เลเวอร์คูเซ่นของท็อปป์โมลเลอร์ไม่เพียงแค่มีโอกาสคว้าแชมป์บุนเดสลีกาสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสรเท่านั้น หากยังได้ลุ้นทริปเปิลแชมป์เต็มตัว

แต่แล้วในเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ ทุกอย่างก็พังพินาศ.. ไม่เหลืออะไรเลยราวกับปราสาททรายที่ถูกน้ำทะเลสาดซัด

ประตูของไอล์ตัน กองหน้าบราซิลพา แวร์เดอร์ เบรเมน บุกชนะ 2-1 ถึงไบ อารีน่า ในเกมที่ 32 ของฤดูกาล มันต่อด้วยการออกนอกบ้านไปแพ้ เนิร์นแบร์ก 0-1 ในเกมนัดรองสุดท้าย

สองเกมนั้นฆ่าเลเวอร์คูเซ่น.. จาก 5 คะแนนที่นำอยู่เมื่อเหลือการแข่งขัน 3 นัดกลับกลายเป็นการเข้าสู่นัดปิดฤดูกาลด้วยการตามหลังโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 1 คะแนน

แล้วทุกอย่างก็จบลงด้วยคำตอบที่เลวร้ายที่สุด

4 พ.ค. 2002 เอาชนะ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 2-1 แต่ไล่ ดอร์ทมุนด์ ไม่ทัน จบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์บุนเดสลีกาอีกสมัย

11 พ.ค. 2002 ขึ้นนำก่อนโดน ชาลเก้ 04 รัว 4 ประตูรวดก่อนแพ้ 2-4 ที่เบอร์ลิน ได้แค่รองแชมป์เดเอฟเบ โพคาล

15 พ.ค. 2002 ลูซิโอโขกตีเสมอ เรอัล มาดริด แต่ลูกวอลเล่ย์มหัศจรรย์ของ ซีเนดีน ซีดาน พาราชันชุดขาวเป็นเจ้ายุโรปที่แฮมพ์เดน พาร์ค เลเวอร์คูเซ่นเป็นแค่รองแชมป์

จากทริปเปิลแชมป์.. สู่รองทริปเปิลแชมป์ อันที่จริงจะพูดว่าล้มเหลวก็ไม่เชิงนัก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ประสบความสำเร็จในทุกรายการเพียงแต่บทสรุปไม่ใช่อย่างที่หวัง

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของคนหัวใจสลาย พวกเขาเจ็บหนักจริงๆ โดยเฉพาะปี 2000 กับ 2002 ที่แชมป์บุนเดสลีกาอยู่แค่เอื้อม

ไม่มีทีมที่ยังไม่เคยคว้าแชมป์บุนเดสลีกาทีมไหนเป็นรองแชมป์บุนเดสฯ มากเท่ากับเลเวอร์คูเซ่นอีกแล้ว..

ค่ำคืนนี้ เลเวอร์คูเซ่น จะบุกไปเยือน แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยสถานะจ่าฝูงของลีก เตะผ่านมา 17 เกม ชนะ 14 เสมอ 3 ยังไม่แพ้ใคร ทะลวงประตูไปแล้ว 47 ลูก

ในเวที ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ทีมห้างขายยาชนะ 6 นัดรวดในรอบแบ่งกลุ่ม ถล่มไป 19 ประตู

กับ เดเอฟเบ โพคาล พวกเขาก็เช็กบิลคู่แข่งในเวลาปกติทั้ง 3 รอบที่ผ่านมา กระหน่ำไปอีก 16 ประตู

ท่ามกลางเสียงชื่นชมมากมาย ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่อยู่ในมือของ ชาบี อลอนโซ่ กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างหนักแน่น ลงเล่นไปแล้ว 26 เกมในทุกรายการ ชนะ 23 เสมอ 3 ไม่แพ้ใครเลย และทำประตูได้ถึง 82 ลูก

จากฤดูกาล 1999/2000 สู่ฤดูกาล 2001/02 และมาถึงฤดูกาล 2023/24

จาก คริสโตฟ ดอย์ม สู่ เคล้าส์ ท็อปป์โมลเลอร์ มาถึง ชาบี อลอนโซ่

จาก เอเมอร์สัน สู่ มิชาเอล บัลลัค มาถึง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาพร้อมกับคำสดุดีทั้งหลายอีกครั้ง ส่วนบทลงเอยนั้น เพียงเวลาจะเป็นผู้ให้คำตอบกับเรา..