ประชุมก่อนการแข่งรอบชิง ชปล. ไร้ปัญหา คู่ชิงที่ 3 หากในเวลาเสมอ ยิงจุดโทษตัดสินทันที ส่วนคู่ชิงจะต่อเวลาพิเศษ ถ้าไม่มีผล ก็จะดวลลูกโทษชี้ขาด แชมป์รับ 1 ล้านบาท รองแชมป์รับ 5 แสนบาท ฝั่ง พ.ต.ท.ดิสดนัย ภูริปโชติ รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม สน.ปทุมวัน ลั่นห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเข้า พร้อมประสานร้านค้าในละแวกห้ามจำหน่าย หากฝ่าฝืนมีโทษ และใครพกพาอาวุธเข้าโดยไม่มีใบอนุญาตโดนจับแน่นอน

       เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันที่ 27 ธ.ค. 53 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม สมาคมฟุตบอลฯ ได้มีการนัดพูดคุยกัน ถึงเรื่องการแข่งขันฟุตบอล ชปล. นัดชิงชนะเลิศ ระหว่างฝ่ายจัด, สมาคมฟุตบอล, เจ้าหน้าที่ตำรวจ และตัวแทนจากทั้ง 4 ทีม อย่าง เชียงใหม่ เอฟซี, บุรีรัมย์ เอฟซี, ชัยนาท เอฟซี และ เอฟซี ภูเก็ต ที่ได้เข้าไปแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ และชิงที่ 3 ในวันที่ 29 ธ.ค. 53 ที่จะถึงนี้ ที่สนามศุภชลาศัย 

       โดย อ.โสภิต ภาโนมัย รองประธานจัดการแข่งขันดิวิชั่น 2 ได้กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันในรอบชิงที่ 3 และชิงชนะเลิศ นั้น เราจะเริ่มทำการขายบัตรในเวลา 12.00 น. ซึ่งตรงนี้ จะเป็นที่นั่งของขาจร และประตูจะเปิดให้แฟนบอล เริ่มเข้าไปในสนามเวลา 14.00 น. โดยคู่ชิงที่ 3 จะเริ่มแข่งขันเวลา 16.00 น. และหากว่าเสมอในเวลา ก็จะเป็นการยิงจุดโทษ เพื่อหาผู้ชนะในทันที 

       ส่วนคู่ชิงชนะเลิศจะเริ่มเวลา 18.00 น. และหากเสมอในเวลาจะทำการต่อเวลาอีก 2 ครึ่ง ครึ่งละ 15 นาที และหากว่ายังไม่มีผู้ชนะอีก ก็ต้องเป็นการยิงลูกโทษชี้ขาดเช่นเดียวกัน

    

แชมป์ 1 ล้าน, รอง 5 แสน

         ส่วนเรื่องของเงินรางวัลจากการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ชปล. นั้น อ.โสภิต ภาโนมัย ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "สำหรับในเรื่องของเงินรางวัลการแข่งขันนั้น เราได้วางเอาไว้หมดแล้ว โดยทีมแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท, รองแชมป์ ได้ 5 แสนบาท, อันดับ 3 ได้ 3 แสนบาท ส่วนที่ 4 ได้ 2 แสนบาท นอกจากนั้น ยังมีรางวัลโล่เกียรติยศ ให้กับกลุ่มกองเชียร์พัฒนาด้วยอีกหนึ่งรางวัล ซึ่งจะมอบหลังจากการแข่งขันเสร็จสิ้นลง เพื่อตัดสินว่ากองเชียร์ทีมไหนจะได้ไปครอง"

    

ห้ามเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ทุกชนิด

         ด้านของ พ.ต.ท.ดิสดนัย ภูริปโชติ รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม สน.ปทุมวัน ได้อธิบายถึงแนวทางในการป้องกัน ในการแข่งขันรอบชิง ชปล. ให้มีความปลอดภัยว่า "ในการแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะนำกองกำลังมาถึงสนาม เวลาประมาณ 13.30 น. เพื่อวางกำลังให้แน่นในทุกส่วนของสนาม
         ส่วนเรื่องของการควบคุม แน่นอนว่า ผู้ที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ติดตัวมาสนามด้วย ทางตำรวจจะไม่ให้เข้าสนามเป็นอันขาด เพราะว่าบุคคลเหล่านี้ มักจะเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งแทบทั้งนั้น และร้านค้าละแวกนี้ ที่มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เราก็จะประสานไปว่า ในวันแข่งขันห้ามขายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด
         ไม่เช่นนั้นผู้ขายก็จะมีความผิดเช่นกันหากขาย หรือแม้ว่าจะมีการนำมาเอง ก็เอาเข้าไม่ได้ เราจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกประตูในเรื่องของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, อาวุธ, พลุ ทุกอย่างที่จะเป็นการก่อชนวนให้มีเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์จะต้องถูกห้ามทั้งหมด"

    

นำอาวุธเข้าสนามจับแน่

         โดยในเรื่องของมาตรการ การควบคุมความปลอดภัยนั้น พ.ต.ท.ดิสดนัย ภูริปโชติ รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม สน.ปทุมวัน ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "ในเรื่องของการพกพาอาวุธเข้าสู่สนามนั้น เราไม่อณุญาตให้มีการนำเข้าเด็ดขาด
         เนื่องจากว่า มันมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาแล้วมากมาย ในการพกพาอาวุธเข้าสนาม ในฐานะของตำรวจผมบอกได้เลยว่า ถ้าเจออาวุธที่ใครจับแน่นอน แสดงว่าคุณนั้นมีเจตนาไม่ดีแล้ว แต่หากว่าพวกระดับ วีไอพี มาสนามด้วยจะนำการ์ดมาที่สนาม ก็ต้องมีการแจ้งมาก่อนว่า บุคคลที่พกพาอาวุธมาในฐานะใด และมีใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนรึเปล่า หากพกมาดื้อๆ เราจับแน่นอน"

    

วางเจ้าหน้าที่ควบคุมราว 120 นาย

         สำหรับเรื่องของการวางระบบการป้องกันในสนามนั้น สมาคมฟุตบอลฯ ได้มีการวางกำลังไว้ราว 120 นาย แบ่งเป็น ตำรวจ ป.จ.191 จำนวน 30 ราย, ตำรวจ สน.ปทุมวัน 30 ราย, การ์ดรักษาความปลอดภัย 20 นาย และเจ้าหน้าที่ประจำทางเข้าออกอีก 30 นาย
         โดยเรื่องนี้ พ.ต.ท.ดิสดนัย ภูริปโชติ รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม สน.ปทุมวัน ได้เรียกร้องให้มีการวางกำลังพลให้มากกว่านี้ โดยอยากได้กองกำลังตำรวจมาอีกหนึ่งกองร้อย เพื่อที่จะได้ดูแลให้ดีกว่าเดิม เพราะว่าที่ทางสมาคมจัดมานั้น อาจจะดูน้อยเกินไปมาก จากแฟนบอลหลายพันคน ที่จะแห่กันมาสนามในเกมนัดชิงดังกล่าว