ปรีวิวฟุตบอลยูโรปา ลีก
รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง
วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน 2559
ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) - โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน)
(ผลนัดแรก เสมอ 1-1)
เวลา : 02.05 น.

สนาม : แอนฟิลด์

             จากเกมแรกที่ ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ทั้งสองทีมเสมอกันมา 1-1 ดีว็อค โอรีกี ยิงอะเวย์โกลให้ หงส์แดง ก่อนที่ มัทส์ ฮุมเมิลส์ โหม่งตีเจ๊าให้ เสือเหลือง

             หงส์แดง ทำผลงานยอดเยี่ยมเกมลีกล่าสุดที่เปิดบ้านถล่ม สโต๊ค 4-1 อัลเบร์โต้ โมเรโน่ กับ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ซัด 2 ลูกแรก และ โอรีกี เหมาอีก 2 ทำให้โอกาสลุ้นพื้นที่ยูโรปา ลีก ยังคงเปิดกว้าง

             กุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เจอปัญหาจากนัดแรกที่เยอรมันคือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่เจ็บเข่า หมดสิทธิ์ช่วยทีมในฤดูกาลนี้แล้ว เพราะคาดต้องพัก 2 เดือน

             แต่ทีมจะได้ เอ็มเร่ ชาน กองกลางเยอรมัน กลับคืนทีมตามปกติ หลังติดโทษแบนเกมลีก ซึ่งเกมลีกกับ สโต๊ค เควิน สจ๊วร์ต กับ โอลูวาเซยี่ โอโจ 2 ดาวรุ่งได้ลงตัวจริง

             การจัดทีมคาดว่าจะยึดตัวหลักจากนัดแรกลงเล่น เดยัน ลอฟเรน กับ มามาดู ซาโก้ จะกลับมายืนคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ขนาบข้างด้วย เนธาเนียล ไคลน์ กับ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ ตามเดิม

             แดนกลาง เอ็มเร่ ชาน จะกลับมาประสานงานกับ เจมส์ มิลเนอร์ และ โจ อัลเลน หรือ ลูคัส เลว่า ที่เพิ่งเรียกความฟิตกลับมา

             แนวรุกพร้อมใช้ อดัม ลัลลานา, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ ดีว็อค โอรีกี ที่ได้พักเป็นสำรองในเกมลีกกับ สโต๊ค กลับมาเป็นตัวจริงทั้งแผง

             กระนั้น พวกที่ต้องระวังใบเหลืองเพิ่ม เพราะคาดโทษอยู่ ยังหน้าเดิมๆ ทั้ง เนธาเนียล ไคลน์, เดยัน ลอฟเรน, อัลแบร์โต้ โมเรโน่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่

             ด้าน เสือเหลือง เพิ่งผ่านเกมหนักๆ ในลีกที่บุกเสมอ ชาลเก้ 2-2 นำทั้ง 2 ครั้ง 2 คราจาก ชินจิ คางาวะ และ มัทธีอัส กินเทอร์ แต่ไม่ชนะ

             สภาพทีมของเทรนเนอร์ โธมัส ทูเคิ่ล ยังขาดแค่ เนเวน ซูโบติช เซนเตอร์ฮาล์ฟร่างโย่ง ที่มีปัญหาลิ่มเลือดอุดตันที่แขนพักยาว

             เกมลีกสุดสัปดาห์ ทูเคิ่ล ปรับระบบการเล่นและพักตัวหลักเยอะ เพื่อเก็บชุดใหญ่ให้สดสำหรับการมาเยือน แอนฟิลด์

             การจัดทัพ ผู้รักษาประตูจะปรับมาใช้ โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ ลงเฝ้าเสาถ้วยนี้ สลับกับ โรมัน เบือร์กี้ ที่เล่นเกมลีก

             แนวรับ ลูคัส พิสเช็ค, โซคราติส ปาปาสทาโธปูลอส, มัทส์ ฮุมเมิลส์, มาร์เซล ชเมลเซอร์

             แดนกลาง อิลคาย กุนโดกัน กลับมาคุมเกมกับ สเวน เบนเดอร์ แนวรุก เฮนริค มคิทาร์ยาน, ชินจิ คางาวะ, มาร์โค รอยส์ และหน้าเป้า ปิแอร์ เอเมริก-โอบาเมยัง

             โดยที่ สเวน เบนเดอร์ กับ โซคราติส ปาปาสทาโธปูลอส คาดโทษอยู่ ต้องเล่นแบบระมัดระวัง

             รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
             ลิเวอร์พูล : ซิมง มินโญเลต์, เนธาเนียล ไคลน์, เดยัน ลอฟเรน, มามาดู ซาโก้, อัลเบร์โต้ โมเรโน่, เอ็มเร่ ชาน, โจ อัลเลน, เจมส์ มิลเนอร์, อดัม ลัลลานา, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, ดีว็อค โอรีกี
             ดอร์ทมุนด์ : โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์, ลูคัส พิสเช็ค, โซคราติส ปาปาสทาโธปูลอส, มัทส์ ฮุมเมิลส์, มาร์เซล ชเมลเซอร์, อิลคาย กุนโดกัน, สเวน เบนเดอร์, เฮนริค มคิทาร์ยาน, ชินจิ คางาวะ, มาร์โค รอยส์, ปิแอร์ เอเมริก-โอบาเมยัง
             ผู้ตัดสิน : คูเนต ชาเคียร์ (ตุรกี)

เกร็ดข้อมูลที่น่าสนใจ
- ดิว็อก โอริกี้ ยิงให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำในเกมแรกที่ดอร์ทมุนด์ แต่ มัทส์ ฮุมเมิลส์ ก็ตามตีเสมอได้ในช่วงต้นครึ่งหลัง
- ทั้งสองทีมพบกันมาแล้ว 4 ครั้งในฟุตบอลยุโรป โดยสถิติคือต่างชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 1 เหมือนกัน
- เกมน่าจดจำคือนัดที่ ดอร์ทมุนด์ เอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ คัพ วินเนอร์ส คัพ รอบชิง ที่กลาสโกว์ ปี 1966
- ในชปล. รอบแบ่งกลุ่ม รอบแรก ปี 2001-02 ลิเวอร์พูล ของ เชราร์ด อุลลิเย่ร์ เสมอ ดอร์ทมุนด์ ของ มัทธิอัส ซามเมอร์ 0-0 ที่เยอรมัน ก่อนจะชนะ 2-0 ในบ้าน ซึ่งเกมนั้น ฟิล ธอมป์สัน ทำหน้าที่คุมทัพหงส์แดง หลังจาก อุลลิเย่ร์ มีปัญหาเรื่องโรคหัวใจ
- ลิเวอร์พูล ไม่แพ้เลยตลอด 15 เกมเหย้าที่พบทีมจากเยอรมัน (ชนะ 12 เสมอ 3) พวกเขามีสถิติเคยพบทีมจากเยอรมัน 35 ครั้ง ชนะ 16 เสมอ 13 แพ้ 6
- ดอร์ทมุนด์ เคยพบทีมจากอังกฤษ 22 ครั้ง ชนะ 11 เสมอ 5 แพ้ 6 (ชนะ 6 เสมอ 4 แพ้ 1 ในดอร์ทมุนด์) (ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 5 ที่อังกฤษ) พวกเขาเพิ่งเขี่ย สเปอร์ส ตกรอบ 16 ทีมในซีซั่นนี้
- ลิเวอร์พูล ไม่แพ้เลยตลอด 7 นัดเหย้าในฟุตบอลยุโรป โดยชนะ 4 นัด (แต่ก็มีเพียงเกมเดียวที่ชนะด้วยผลต่างมากกว่าหนึ่งประตู) และเสมอ 1-1
- ลิเวอร์พูล เป็นเพียงทีมเดียวที่เล่นตั้งแต่เริ่มรอบแบ่งกลุ่มแล้วยังไม่แพ้ใคร (11 นัด) โดยชนะ 4 เสมอ 7
- ดอร์ทมุนด์ ชนะ 5 จาก 7 นัดเยือนในฟุตบอลยุโรปฤดูกาลนี้ (ชนะ 5 เสมอ 1 แพ้ 1) พวกเขาไม่เคยเสมอ 0-0 เลยตลอด 37 เกมหลังสุดในรายการยุโรป
- ดอร์ทมุนด์ ชนะ 7 จาก 10 เกม ตั้งแต่เริ่มเล่นรอบแบ่งกลุ่ม โดยมีเพียง บียาร์เรอัล ที่คว้าชัยได้มากกว่าพวกเขา
- ลิเวอร์พูล แพ้จุดโทษให้กับ เบซิคตัส ในรอบ 32 ทีมปีที่แล้ว และก็ เซนิต ในรอบเดียวกันในปี 2012-13 โดยหงส์แดงที่เคยคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ ในปี 1973, 1976 และ 2001 เข้ามาเล่นรอบก่อนรองฯ ครั้งล่าสุดปี 2009-10 ซึ่งก็ผ่าน เบนฟิก้า มาได้ แต่ก็พ่าย แอต. มาดริด ในรอบตัดเชือก
- ก่อนหน้าซีซั่นนี้ ดอร์ทมุนด์ ไม่เคยมาเล่นในยูโรปา ลีก ตั้งแต่ตกรอบแบ่งกลุ่ม ปี 2010-11 พวกเขาแพ้ในนัดชิงยูฟ่า คัพ 2 ครั้งให้กับ ยูเวนตุส (1993) และ เฟเยนูร์ด (2002)