ตอนนี้ ลิเวอร์พูล กำลังติดเครื่องหลังฟอร์มในช่วงที่ผ่านมาร้อนแรงเหลือเกิน โดยเกมรับมือ อินเตอร์ มิลาน ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัด 2 วันอังคารที่ 8 มีนาคมนี้

แม้ว่า "หงส์แดง" จะถือความได้เปรียบจากชัยชนะ 2-0 ในเกมแรกก็ตาม แต่พวกเขาคงเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีในการสู้กับ "งูใหญ่" ที่ต้องเปิดเกมบุกเข้าใส่หมายจะพิชิต "เดอะ เร้ดส์" คาบ้านให้ได้

1. สามแข้งสำคัญฟิตทันช่วยทีม

เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกมาแจ้งข่าวดีที่สาวก "เดอะ ค็อป" ยิ้มหน้าบานนั่นก็คือการที่เขายืนยันว่า  ติอาโก้ อัลกันตาร่า , โฌแอล มาติป และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงซ้อมกับเพื่อนๆ ได้เรียบร้อย

แน่นอนว่าการได้สามแข้งสำคัญกลับมาช่วยทีมทำให้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน มีออปชั่นในการจัดทีมได้หลากหลาย เพราะถึงแมตช์นี้ "หงส์แดง" จะได้เปรียบจากการเก็บชัยชนะในเกมแรก

แต่เชื่อว่าพวกเขาคงจัดชุดใหญ่หวังพิชิต อินเตอร์ มิลาน ให้อยู่หมัด ฉะนั้นการได้ ติอาโก้, มาติป และ ฟีร์มีโน่ กลับมาอยู่ในทีม ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก

2. ลุ้นสร้างสถิติในเกมถ้วยใบโตยุโรป

ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างเพอร์เฟกต์ในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรปฤดูกาลนี้ โดยพวกเขาสามารถเก็บชัยชนะ 7 เกมรวดในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก

ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2005/2006 งานนี้ "เดอะ เร้ดส์" มีโอกาสที่จะขยายสถิติออกไปอีกเป็น 8 เกมติดต่อกันในวันอังคารนี้

และถ้าทำได้จะเป็นครั้งแรกของสโมสรนับตั้งแต่ปี 1984 สมัยที่ โจ ฟาแกน กุมบังเหียน ที่สามารถทำได้ ปัจจุบัน ยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์ เป็นสโมสรเดียวเท่านั้นในการแข่งขันรายการนี้ ที่สามารถเก็บชัยชนะได้แค่ร้อยเปอร์เซนต์

งานนี้แฟนบอล "หงส์แดง" คงอยากให้ทีมรักษาสถิตินี้ต่อไปให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ !

3. แนวรุกโหดทุกคน

สำหรับตอนนี้แนวรุกของลิเวอร์พูลต้องบอกเลยว่าโหดจัดเหลือเกิน ทั้งสามประสานชุดเดิมอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ ดีโอโก้ โชต้า กระซวกตาข่ายคู่แข่งเป็นว่าเล่น

โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีกทั้งสามคนรั้งอันดับ 1, 2 3 ในตารางดาวซัลโวลีกด้วย ฉะนั้นในแมตช์รับมือ "งูใหญ่" คาดว่า คล็อปป์ สามารถส่งทั้งสามคนนี้ลงสนามพร้อมกันเพื่อปิดบัญชีผู้มาเยือนแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

แต่กระนั้นก็อาจเป็นไปได้ที่ กุนซือเลือดด๊อยท์ช จะใช้บริการ หลุยส์ ดิอาซ ซึ่งโชว์ฟอร์มร้อนแรงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นให้ทีมช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา

โดยฟอร์มของสตาร์ชาวโคลอมเบีย สามารถสร้างความแตกต่างในเกมรุกให้กับทีมได้ตลอด โดยไม่ว่าจะส่งเขาลงเป็นตัวจริงหรือตัวสำรอง ฟันธงได้เลยว่าจะทำให้เกมรุกของเจ้าบ้านมีมิติมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

4. ลิเวอร์พูลฟอร์มดุ, สองหอก อินเตอร์ ผลงานแจ่ม

ผลงานของ ลิเวอร์พูล ในช่วงที่ผ่านมาต้องบอกว่ายอดเยี่ยมจริงๆ เพราะพวกเขาไม่แพ้ใครถึง  15 เกมติดต่อกันในทุกรายการ โดยชนะ 13 แมตช์ แถมเป็นชัยชนะแบบติดต่อกัน 12 เกมรวด

ขณะที่ อินเตอร์ แม้ฟอร์มจะไม่ค่อยโดดเด่นมากนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ในเกมลีกล่าสุดเพิ่งระเบิดฟอร์มไล่ต้อน ซาแลร์นิตาน่า 5-0 แต่แมตช์นี้พวกเขาจะขาด นิโกโล่ บาเรลล่า

เนื่องจากติดโทษแบน 2 เกมในแชมเปี้ยนส์ ลีก ขณะที่ อิวาน เปริซิช ยังต้องลุ้นว่าจะฟิตทันไหมหลังนักเตะไม่ได้ช่วยทีมในเกมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

แต่กระนั้นทีมเยือนจะมีทั้ง เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับ เอดิน เชโก้ ที่ฟอร์มเข้าฝักในเกมล่าสุดหลังช่วยกันยิงคนละสามกับสองประตูตามลำดับ ฉะนั้นหากแนวรับ "หงส์แดง" เล่นหละหลวมมีสิทธิ์โดยลงโทษได้เช่นกัน

อย่าลืมว่าตอนนี้เกมฟุตบอลถ้วยยุโรปไม่มีอะเวย์โกลอีกต่อไป ฉะนั้นทั้งสองทีมไม่ต้องมากังวลเรื่องกฎประตูทีมเยือน ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่าแมตช์นี้พวกเขาคงจะเปิดฉากแลกหมัดกันเต็มสูบ 
 
5. ค่ำคืนที่แอนฟิลด์สุดโหด

แอนฟิลด์ เมกะลูกหนังแห่งนี้ทำให้บรรดาทีมเยือนต้องขาสั่นกันมาแล้ว โดยเฉพาะในช่วงที่ คล็อปป์ เข้ามากุมบังเหียน บรรดาสาวก "เดอะ ค็อป" ต่างเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นที่อยากเห็นทีมสังหารคู่แข่งแบบไม่ไว้หน้า

งานนี้ทีมของกุนซือซิโมเน่ อินซากี้ รู้อยู่เต็มอกว่าการมาเยือนที่นี่คงต้องเจอกับแรงกดดันมหาศาลจากผู้เล่นคนที่ "12" แต่ด้วยสถานการณ์บีบบังคับให้พวกเขาต้องสู้เพื่อยิงประตูเจ้าบ้านให้ได้ หลังแพ้มาก่อน 0-2

งานนี้ทัพ "เนรัซซูรี่" คงเตรียมพร้อมทั้งกายและใจที่จะต้องเจอกับเสียงเชียร์ที่ดังกึกก้องของแฟนบอล "หงส์แดง" อยู่แล้ว