ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » 36 ปีที่รอคอยหรือป้องกันแชมป์ไว้ได้?!

36 ปีที่รอคอยหรือป้องกันแชมป์ไว้ได้?!

Posted 18/12/2022 by siamsport

ไม่ว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือทีมใดทีมหนึ่งจะเพิ่มดาวประดับในฐานะแชมป์โลกสมัยที่ 3
อาร์เจนติน่า กับ ฝรั่งเศส เป็นสองมหาอำนาจลูกหนังระดับชาติที่มีเกียรติประวัติบนเวทีโลกมายาวนาน

"ฟ้าขาว" เถลิงขึ้นบัลลังก์แชมป์โลกครั้งแรกเมื่อปี 1978 แล้วถัดจากนั้น 8 ปี ดีเอโก้ มาราโดน่า สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นยอดแข้งด้วยการพาบ้านเกิดชูโทรฟี่นี้เป็นครั้งที่สอง


อย่างไรก็ดี กินเวลานานถึง 36 ปีที่ อาร์เจนติน่า ไม่ได้สัมผัสตำแหน่งแชมป์โลก โดยช่วงเวลาดังกล่าวพวกเขากรุยทางถึงนัดชิงชนะเลิศได้ 2 ครั้งก็จริง

ทว่ามีอันต้องผิดหวังต่อ เยอรมันตะวันตก (1990) และ เยอรมนี (2014)


แน่นอนว่า ศึกครั้งนี้มีความหมายต่อทั้งทีมชาติอาร์เจนติน่า รวมถึง ลิโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งเองที่ขาดเกียรติยศแชมป์โลกใบเดียวเท่านั้น

สำหรับดาวเตะวัย 34 ปี เรื่องความสามารถ และฉกาจบนผืนหญ้า ไม่มีใครสงสัย

แต่สิ่งหนึ่งที่เขาอยากก้าวข้ามให้ได้คือ การพา อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์โลก เหมือนที่ มาราโดน่า ฮีโร่ของชาติเคยทำไว้

หลังจบเกมนัดแรก น้อยคนจะคิดว่า อาร์เจนติน่า สามารถเดินทางเข้ามาถึงรอบนี้ได้ เมื่อพวกเขาประเดิมทัวร์นามเมนต์ด้วยการพ่ายต่อ ซาอุดีอาระเบีย แบบพลิกความคาดหมาย

กระนั้นก็ดี เมสซี่ และผองเพื่อนไล่เก็บคู่แข่ง เม็กซิโก, โปแลนด์, ออสเตรเลีย, เนเธอร์แลนด์ จนมาถึง โครเอเชีย จนถึงด่านสุดท้ายคือ ฝรั่งเศส

ถามว่าคู่แข่งของ อาร์เจนติน่า ทีมนี้มีชื่อชั้นเป็นอย่างไร?

คำตอบที่ทุกคนทราบดีคือมีศักดิ์ศรีเป็น "แชมป์เก่า"

ว่าด้วยหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก "เลอ เบลอส์" เพิ่งก้าวขึ้นมาโดดเด่นในช่วง 20 ปีหลัง แต่บนเวทียุโรป พวกเขาเจนจัดกับการเป็นแชมป์ ยูโร 2 สมัย

สัมผัสแรกที่ ฝรั่งเศส ได้จับถ้วยแชมป์โลก เกิดขึ้นเมื่อปี 1998 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ มีสตาร์ชูโรงอย่าง ซีเนดีน ซีดาน เป็นแม่ทัพ และสมัยสองเกิดขึ้นคือปี 2018 บนดินแดนรัสเซีย

และที่ผ่านมามีแค่ 2 ชาติเท่านั้นที่สามารถป้องกันแชมป์โลกได้ นั่นคือ อิตาลี ตอนปี 1934 กับ 1938 และ บราซิล ตอนปี 1958 กับ 1962

เท่ากับว่าผ่านมา 60 ปี ยังไม่มีทีมไหนรักษาโทรฟี่นี้ไว้ได้เลย

ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ปลุกปั้นทีมนี้ขึ้นมาเป็นเวลานาน ทำผลงานบนเวทีนานาชาติเห็นเป็นรูปธรรม นอกจากแชมป์โลกแล้ว แชมป์เนชั่นส์ ลีก เดส์ชองส์ ก็พา "ตราไก่" คว้ามาครองได้

ส่วนฟุตบอลยูโร ก็ไม่ได้ขี้เหล่ แต่มีอันต้องอกหักต่อ โปรตุเกส ในรอบชิงชนะเลิศ ปี 2016

บนเส้นทางนี้ของ ฝรั่งเศส พวกเขาผ่านด่านชาติอื่น ๆ มาแบบไม่มีอะไรต้องห่วง จะมีก็แต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายที่เจอกับทีมชาติอังกฤษ

และด้วยลูกโขกของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ก็พาพวกเขาหักด่าน โมร็อกโก อีกขั้น แล้วก้าวขึ้นมาสู่เกมชิงดำ

หากว่า เมสซี่ คือสตาร์ชูโรงของฝั่ง อาร์เจนฯ ฝรั่งเศส ก็มี คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ เป็นแบบนั้นเช่นกัน

ทั้งคู่ต่างยึดหัวตารางนำดาวซัลโวอยู่ในขณะนี้ด้วยจำนวน 5 ประตูเท่ากัน ซึ่งการตัดสินรองเท้าทองคำหากมีสกอร์เท่านกันนั้น จะวัดกันที่จำนวนแอสซิสต์ที่ทำได้ ใครได้มากกว่าก็คว้าไป

แต่ถ้าแอสซิสต์เท่ากันอีกก็จะดูจำนวนนาทีที่ลงเล่น โดยใครลงเล่นน้อยสุดจะยึดโกลเด้น บูทไปครอบครอง

ซึ่งถ้าอยากให้มันสมบูรณ์แบบ คนที่ได้ดาวซัลโวควรจะได้แชมป์โลกไปพร้อม ๆ มันคงจะดีไม่น้อยเลย...

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »