"ตีโต้" ศุภนร ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา ดาวรุ่งนักกระโดดไกลความหวังในการคว้าเหรียญของไทยไปไม่ถึงฝัน โดยทำได้เพียงแค่ที่ 5 ด้าน วัลลภา พันธ์สูงเนิน ลงแข่งวิ่งข้ามรั้ว 100 ม.หญิง ทำได้เพียงอันดับ 7 พลาดได้เหรียญไปอีกราย ส่วนทางด้าน ทีมวิ่งผลัด 4 คูณ 100 เมตรชายของไทย ยังมีปัญหาอยู่ที่การรับส่งไม้ โดยทางสตาฟฟ์โค้ชเร่งหาวิธีแก้ไขให้ทันก่อนลงแข่งในรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 26 พ.ย.นี้

กรีฑาวันที่สี่ "วัลลภา" ลิ่วรั้ว 100 ม.

 
     กรีฑาที่ เอ๋าถี เมนสเตเดี้ยม มีการชิงชัยกัน 4 เหรียญทอง แฟนๆ ชาวจีนแห่กันเข้ามาชมอย่างคับคั่งร่วม 7 หมื่นคน เนื่องจากมี หลิว เซียง จะลงทำการชิงชนะเลิศในประเภทถนัดคือวิ่งข้ามรั้ว 110 ม.ชาย ซึ่งรายการนี้มี จำรัส ฤทธิเดช ของไทยผ่านเข้ารอบไฟนัลมาด้วย
 
     นอกจากนี้นักกรีฑาไทยยังร่วมแข่งขันหลายรายการในรอบคัดเลือก ปรากฏผลดังนี้ วิ่งข้ามรั้ว 400 ม. ฮีต 1 นิทัศน์ แก้วคง นักวิ่งไทยเข้าที่ 5 เวลา 55.87 วิ. ไม่ผ่านการตัดตัว, วิ่งหญิง 200 ม. รอบแรก  ฮีต1 ทัศพร วรรณกิจ วิ่งได้ 24.60 วิ.เข้าที่ 4 ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
 
     ขณะที่ ข้ามรั้ว 100 ม.หญิง วัลลภา พันธ์สูงเนิน 13.38 วิ. ดีที่สุดเท่าที่ตัวเองเคยทำได้ แต่เข้าที่ 4  โชคดีเข้ารอบด้วยเวลาที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 7 ของทั้งหมด ส่วนการชิงเหรียญกระโดดค้ำหญิง  สุกัญญา  ชมชื่นดี ครั้งแรกทำได้ 3.60 ม. และครั้งที่ 2 ได้ 3.80 ม. แต่ระดับ 4.00 ม.ไม่ผ่านทั้งสามครั้ง จบลงด้วยอันดับที่ 6   

ตีโต้ลุ้นไม่ขึ้นโดดไกล 7.54 ม. แค่ที่ 5

  
     "ตีโต้" ศุภนร ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา ดาวรุ่งนักกระโดดไกล แชมป์เยาวชนโลกของไทยลงแข่งขันกระโดดไกลรอบชิงชนะเลิศ  มีนักกรีฑาร่วมแข่งขันทั้งหมด 12 คน โดยแต่ละคนจะได้สิทธิ์กระโดดคนละ 6 ครั้ง 
 
     เริ่มการแข่งขันตีโต้กระโดดครั้งแรกฟาวล์ ก่อนครั้งที่สองทำสถิติได้ 7.27 ม. ยังตามมาเป็นอันดับ 8 โดย ซู เซี่ยง เฟ็ง ของจีนนำมาด้วยสถิติ 8.05 ม.ตีโต้เริ่มดีขึ้น โดยในครั้งที่ 3 ขยับสถิติมาที่ 7.54 ม. ดีที่สุดเป็นอันดับ 5 แต่ครั้งที่ 4 ตีโต้กระโดดฟาวล์ไม่มีสถิติยังรั้งที่ 5 เช่นเดิม และยังเหลือให้แก้ตัวอีก 2 ครั้ง ก่อนที่ครั้งที่ 5 ยังทำได้แค่ 7.49 ม. ยังไม่ดีไปกว่าเดิม ขณะที่ผู้นำ เปลี่ยนมือเป็น คิม ด็อก คยอน จากเกาหลีใต้ที่ทำไป 8.11 ม.แล้ว
  
     ครั้งสุดท้าย ศุภนร หนุ่มหล่อจากไทยใส่เกียร์ห้าวิ่งเต็มที่แต่เท้าเหยียบเส้นฟาวล์อดบันทึกสถิติ สรุปทำได้ดีที่สุด 7.54 ม. รั้งที่ 5 ของการแข่งขัน โดยเหรียญทองเป็นของ  คิม ด็อก คยอน (เกาหลีใต้) 8.11 ม. เงิน ซู เซี่ยง เฟ็ง (จีน) 8.05 ม. และทองแดง ฮัสสัน ทาห์เฮอร์ อัลบาซ่า (ซาอุฯ) 7.96 ม.

   

พอใจผลงานอชก.ครั้งแรก

 
     ศุภนร ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา กล่าวหลังจบการแข่งขันว่า ถือว่าพอใจสำหรับเอเชียนเกมส์ครั้งแรกของตน สถิติที่ทำได้ถือว่าพยายามที่สุดแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะเคยทำได้สูงที่สุดที่ 8.05 ม.ก็ตาม
"ผมบาดเจ็บมาตลอดต่อเนื่องเป็นปี ตอนนี้ก็ดีขึ้นแต่ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังมีอาการเจ็บที่จุดเดิมคือข้อเท้าซ้าย ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่  ตื่นเต้นด้วย กดดันตัวเองอีกต่างหาก สถิติคู่แข่งเขาก็ดีๆ กันทุกคน เกาหลีแชมป์ทำได้ 8.11 ม.ถือว่าดีมาก เมื่อเทียบกับอีเวนต์กระโดดไกลที่นานๆ จะมีแข่งกันซักครั้ง ซึ่งเจ้าของเหรียญทองทำระยะได้ดีที่สุดในรอบปีนี้อีกด้วย ส่วนกรณีที่ตนเองกระโดดฟาวล์ถึง 3 ครั้งนั้น เป็นเพราะต้องการเอาชนะในครั้งนี้จึงใส่เต็มที่และเสี่ยงบ้าง ถ้าทำสำเร็จก็มีโอกาสนั่นเอง"

   

รับจุดบอดคือความแข็งแรง

 
     สำหรับรายการที่ตั้งเป้าไว้ต่อไปในปีหน้านั้น ตีโต้กล่าวว่าตนเองตั้งใจที่จะร่วมการแข่งขันควอลิฟายให้ผ่านไปกระโดดไกลในโอลิมปิก "ลอนดอนเกมส์" ปี 2012 ให้ได้ แม้จะถือว่าหนักก็ตาม โดยสถิติที่จะต้องผ่านควอลิฟาย เอ คือ 8.20 ม. หรือ ควอลิฟาย บี คือ 8.05 ม. สำหรับบทเรียนครั้งนี้ทำให้ตนรู้ว่าถ้าต้องการประสบความสำเร็จเกมใหญ่ๆ อย่างนี้จะต้องเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายให้มาก ซึ่งได้แก่กล้ามเนื้อทุกๆ ส่วนจะต้องดี

   

"หลิว เซียง" โคตรดังเมืองจีน

  
     ในรายการวิ่งข้ามรั้ว 110 ม.ชายนั้น ที่สนามแข่งขันเอ๋าถี เมนสเตเดี้ยม จุผู้ชมกว่า 8 หมื่นที่นั่ง สร้างปรากฏการณ์ที่แฟนชาวมังกรแห่เข้าชมเกือบเต็มสนามไม่น้อยกว่า 7 หมื่นที่นั่ง เรียกเสียงเชียร์อย่างอื้ออึง เพื่อมาชมการวิ่งของ หลิว เซียง นักกรีฑาชื่อดังแชมป์โอลิมปิกที่กรุงเอเธนส์ ขณะที่สื่อมวลชนแทบทุกแขนงในเมืองจีนสนใจเข้ามาทำข่าวหนาตากว่าสามเท่าของทุกวัน เช่นเดียวกันกับในระหว่างแข่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อาสาสมัครที่มาร่วมงานหลายพันคนต่างละทิ้งหน้าที่มาเฝ้าดูหน้าจออย่างใจจดใจจ่อ
  
     สำหรับผลการแข่งขันก็เป็นไปตามคาด หลิว เซียง ควบเข้าที่ 1 คว้าเหรียญทองด้วยสถิติ 13.09 วิ. ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดของตัวเองในปีนี้อีกด้วย เหรียญเงินเป็น  ชิ ตง เป็ง เพื่อนร่วมชาติชาวจีน เวลา 13.38 วิ. และทองแดง ปาร์ค แต คยุง จากเกาหลีใต้ เวลา 13.48 วิ. โดย จำรัส ฤทธิเดช ของไทยที่ร่วมแข่งรอบชิงชนะเลิศด้วยเข้าที่ 6  ทำเวลาได้ 13.81 วิ. เป็นสถิติที่ดีที่สุดในชีวิตของตัวเองด้วย

   

จำรัสโอเคตามเป้าเสียจังหวะเล็กน้อย

 
     จำรัส หนุ่มดาวรุ่งวัย 21 ปีของไทยรับตัวเองตื่นเต้น ในสนามที่มีบรรยากาศยิ่งใหญ่มาก ตนเองถือว่าวิ่งได้ดี ทำได้ 13.81 วิ. ซึ่งดีมากสำหรับตน ตอนท้ายๆ แผ่วปลายไปหน่อย "ผมเตะรั้วอยู่นิดหน่อยทำให้เสียจังหวะนิดๆ ไม่เช่นนั้นน่าจะลดสถิติลงมาแถวๆ 13.7 วิ.เศษๆ ได้ทีเดียว ยอมรับว่าเรื่องเบสิกผมยังไม่ดี คือฝึกมาแล้วแต่ยังไม่เข้ากับความเร็วที่ผมทำได้ดีแล้ว คือเบสิกกับความเร็วต้องสอดคล้องกัน"

   

ยก "หลิว เซียง" เจ๋งจริง

 
     นอกจากนี้ จำรัส ฤทธิเดช ยังกล่าวถึงคู่แข่งคนสำคัญระดับโลกคือ หลิว เซียง ด้วยว่า เขาเป็นซูเปอร์สตาร์ที่โด่งดังมากจริงๆ ในเมืองจีน และส่วนตัวเขาก็นิสัยดี และเก่งจริง ตนเองได้ทักทายกับเขาซึ่งเขาก็ไม่หยิ่ง ส่วนหลิว เซียง ดีกว่าเราตรงไหนบ้าง "โอ๊ย ทุกด้านครับ ทั้งสรีระ โครงสร้างร่างกาย อาหารการกิน ทุกอย่างเขาพร้อมหมด ตนเองคงต้องเอาบทเรียนครั้งนี้ไปปรับปรุง แต่อย่าเพิ่งคิดถึงการเอาชนะ หลิว เซียง เลยครับ เอาแค่ให้ได้ไปโอลิมปิกให้ได้ก่อน ซึ่งสถิติที่เขาตั้งไว้ที่ 13.70 วิ. ก็ถือว่าใกล้เคียงแล้ว แต่ยังไม่ใช่งานง่ายที่จะทำได้" จำรัสกล่าว

   

แฝดเล็กแจงไม่ส่งศุภชัยวิ่ง 200 ม.

 
     "โค้ชแฝดเล็ก" พล.ต.ต.ศุภวณัฏฐ์ อาริยะมงคล ผู้จัดการทีมกรีฑาไทย เปิดเผยถึงรายการวิ่ง 200 ม.ชาย ซึ่งการวิ่งระยะสั้นนั้นนักวิ่งไทยทำผลงานดีมาโดยตลอดนั้น โดยกล่าวว่า เดิมทีเราจะส่ง ศุภชัย ฉิมดี ดาวรุ่งฝีเท้าจัดและเป็นตัวหลักของทีมไทยลงแข่งขัน แต่ศุภชัยมีอาการบาดเจ็บที่ข้อพับ ซึ่งล่าสุดก็ดีขึ้นมากแล้ว ทางเราพิจารณากันแล้วเห็นว่าไม่น่าจะเสี่ยง เดี๋ยวมีอาการเจ็บเป็นเรื่องเป็นราว ควรรอให้หายสนิทก่อนดีกว่า ซึ่งปีหน้ายังมีอีกหลายรายการสำคัญที่เขาต้องลง

   

เปลี่ยนตัวทีมไต้ฝุ่นชายลุ้นทอง

 
     โค้ชแฝดยังได้กล่าวถึงทีมวิ่งผลัด 4 คูณ 100 เมตรชายของไทยที่ทำผลงานไม่ดีนักในการลงแข่งขันรอบคัดเลือก ซึ่งปัญหาหลักอยู่ที่การรับส่งไม้นั้น ก่อนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ โดยทางสตาฟฟ์โค้ชจะนำวิดีโอการแข่งขันมานั่งดูกันเพื่อวิเคราะห์อย่างละเอียดอีกครั้งในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ซึ่งจะเรียกนักกีฬาทุกคนมาดูเพื่อให้เห็นข้อบกพร่องและจะได้แก้ไขเป็นจุดๆ ไป "ขอเป็นวันที่ 25 พ.ย. จะให้คำตอบที่ชัดเจนว่าจะปรับอย่างไร เรายังมีตัวสำรองอีกหนึ่งคนคือ ทวีศักดิ์ พูลทอง ซึ่งร่วมฝึกรับส่งไม้ร่วมกันมาโดยตลอด  ถ้าจะเปลี่ยนก็ไม่เป็นปัญหา ขอรอดูชัดๆ อีกทีครับ หากมีการรับส่งไม้กันดีๆ ทีมไทยมีโอกาสลุ้นเหรียญทองแน่ทั้งทีมชายและทีมหญิง" ผู้จัดการทีมกรีฑาไทยกล่าว

   

ไม่มองไทเปลุ้นชิงทองกับจีนเท่านั้น

 
     พร้อมกันนี้โค้ชแฝดยังบอกด้วยว่าเรายังมีเวลาเตรียมตัวปรับทีมและฝึกซ้อมกันอีก 2 วัน ซึ่งจะได้ฝึกรับส่งไม้กันให้หนัก เชื่อว่ายังน่าจะมีโอกาส ขนาดรอบรองฯ รับส่งไม้กันแย่แทบทุกไม้ยังเข้ามาที่ 3 ของทุกทีม มั่นใจว่าได้ลุ้นแน่นอน และตนเองเชื่อว่าเมื่อหมดญี่ปุ่นที่พลาดรับส่งไม้ไป ยังเหลือไทเปกับจีนที่เป็นคู่แข่งสำคัญ ตนเองบอกได้เลยว่าไม่สนไทเปเท่าไหร่ ในเวลาที่เหลือเราจะชิงเหรียญทองกับจีนเท่านั้น

   

ชู "โจ๊ก" ถูกโฉลกกับเอเชียนเกมส์

 
     พล.ต.ต.ศุภวณัฏฐ์ อาริยะมงคล ผู้จัดการทีมกรีฑาไทยยังบอกด้วยว่า กว่างโจวเกมส์หนนี้อาจสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับ "เจ้าโจ๊ก" ร.อ.สิทธิชัย สุวรประทีป ก็เป็นได้ เนื่องจากเจ้าโจ๊กถูกโฉลกกับ 4x100 ม. ในมหกรรมเอเชียนเกมส์อย่างมาก และสร้างผลงานได้แชมป์มาถึง 2 ครั้งอย่างกระหึ่มมาแล้ว โดยในบูซานเกมส์ที่ประเทศเกาหลีใต้ก็เป็นแชมป์ รวมถึงครั้งที่แล้ว "โดฮาเกมส์" ทีมไต้ฝุ่นไทยสามารถโค่นญี่ปุ่นได้ชนิดที่ต้องตัดสินด้วยภาพช้า และไทยเอาอกเข้าเส้นชัยได้ก่อน ครั้งนี้อาจเป็นครั้งที่สามที่เจ้าโจ๊กทำสำเร็จก็ได้ ซึ่งถ้าหากทำได้เจ้าโจ๊กมีหวังดังสนั่น

   

มั่นใจไต้ฝุ่นชายสนั่นอินชอนเกมส์

 
     พร้อมกันนี้ พล.ต.ต.ศุภวณัฏฐ์ กล่าวด้วยว่า อชก.ครั้งนี้น่าเสียดายที่มีผู้เล่นบาดเจ็บทั้ง ศุภชัย ฉิมดี และ สมโภช สุวรรณรังษี ไม่เช่นนั้นจะไม่กลัวใครเลย ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวทำให้ต้องใส่เด็กใหม่ลงแข่งขันถึง 2 ไม้ อย่างไรก็ตาม ตนเองพอใจฟอร์มของ จิระพงศ์ มีนาพระ มาก อายุเพียงแค่ 17 แต่ใจสู้ไม่มีอาการตื่นกลัวเมื่อเจอศึกกับผู้ใหญ่ครั้งแรก และเป็นแมตช์หนักๆ อย่างเอเชียนเกมส์เขาก็รับได้ ซึ่งวิ่ง 100 ม.สถิติ 10.5 วิ. ถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับอายุ 17 ปี ขนาดแพทย์ชื่อดังชาวอุซเบฯ ที่มาฝึกซ้อมร่วมกับทีมไทยยังยกให้จิระพงศ์คือดาวรุ่งชั้นแนวหน้าของระยะสั้นเอเชีย  เชื่อว่าเอเชียนเกมส์ครั้งหน้าที่เมืองอินชอน วิ่ง 4 คูณ 100 ม.ชาย ดาวรุ่งจะขึ้นมาเป็นแผงและแข็งแกร่งที่จะทำให้ชาติต่างๆ ครั่นคร้ามได้

   

ระบุไต้ฝุ่นหญิงคือเบอร์ 1 เอเชีย

 
     ทางด้านทีมหญิงนั้น พล.ต.ต.ศุภวณัฏฐ์ กล่าวว่า เราค่อนข้างมั่นใจมาก แต่ไม่อยากกดดันตั้งความหวังกลัวว่าเด็กจะเกร็ง แต่จริงๆ แล้ว ทีมสาวไทยคืออันดับ 1 ของเอเชีย ทีมเราได้แชมป์เอเชียเมื่อปี 2003, 2005 และ 2007 ส่วน ปี 2006 ที่แข่งโดฮาเกมส์เราพลาดเรื่องการรับส่งไม้เท่านั้น "ก่อนหน้านี้ขนาดทีมเราไม่ค่อยสมบูรณ์ ตัวหลักได้แก่ ณีรนุช กล่อมดี ป่วย พอหายกลับมาก็เป็น ลภัสภร ถาวรเจริญ ที่ป่วยบ้าง ปีนี้กลับมาสมบูรณ์ครบทีมแล้ว ทำให้เรามั่นใจมากทีเดียว" โดยรอบชิงชนะเลิศกว่างโจวเกมส์นี้ ทีมไทยจะยึดชุดเก่าทั้ง ไม้ 1 คือ ภัสสร จักษุนิลกร, ไม้ 2  ณีรนุช กล่อมดี, ไม้ 3 ลภัสภร ถาวรเจริญ และไม้ 4 นงนุช แสนราช  เหมือนเดิม ไม่มีปรับตัวและไม้แต่อย่างใด

   

ฟุ้งมีตัวตายตัวแทนเพียบ

 
     นอกจากนี้ในกรณีเรื่องตัวตายตัวแทนถ้าจะหมดชุดเก่งไป โค้ชแฝดเล็กกล่าวว่าขอให้สบายใจได้ เพราะสมาคมมีการเตรียมการไว้อย่างดี โดยระยะสั้นหญิงยังมีชุดเยาวชนอีก 5 คนที่เก็บตัวอยู่ ตัวท็อปของชุดเยาวชนหญิงนี้วิ่งได้ 11.7 วิ. แล้วภายในปีถึงปีครึ่งนับจากนี้ จะได้เห็นพวกเขาไปคว้ารางวัลแน่ ไม่เพียงชุดเยาวชนเท่านั้น ยังมียุวชนที่รวมตัวสร้างอยู่เช่นกันอีกชุดหนึ่ง ด้านทีมชายเรามีตัวหลักอย่าง ศุภชัย ฉิมดี จะให้เล่นในระยะ 200 ม. และ จิระพงศ์ มีนาพระ ระยะ 100 ม.นอกจากนี้ยังมี วัฒนา ดีวงศ์, ทวีศักดิ์ พูลทอง พวกเขาเป็นทีมที่ได้แชมป์เยาวชนเอเชียมา "ต่อไปเราจะเน้นนโยบายสร้างเยาวชนให้ดังๆ เพื่อที่จะข่มต่างชาติตั้งแต่ยังเด็ก ฝึกให้เขามั่นใจมากขึ้นเพราะเคยชนะมาก่อนแล้วนั่นเอง" โค้ชแฝดกล่าว