เอ็นริเก้ คาลิสโต้ เปิดตัวกับเมืองทอง ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการแล้ว ประกาศต้องนำเมืองทองกลับมาเล่นในสไตล์ที่สวยงามและคว้าชัยทุก ครั้ง บิ๊กเป้ เชื่อคนนี้ใช่เลยยืนสัญญาฉบับแรก 2 ปีค่าเหนื่อยรวม 1 ล้านบาท หวังต่อสัญญายาวเหมือนกับสมาคมเวียดนาม

เมืองทอง ยูไนเต็ด จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว เอ็นริเก้ คาลิสโต้ เทรนเนอร์คนใหม่ชาวโปรตุเกส อย่างเป็นทางการที่สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 มี.ค.54 โดยกุนซือคนที่ 3 ของกิเลนผยองในซีซั่นนี้เป็นปลื้มสุดๆกับการมารับงานใหม่ที่ประเทศไทย

อดีตโค้ชทีมชาติเวียดนาม เผยถึงสาเหตุที่เขาตกลงรับข้อเสนอของแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2 สมัยทั้งๆที่เพิ่งขยายสัญญากับวีเอฟเอฟเมื่อปลายปีที่แล้วไปถึงปี 2013 ว่า “ผมมีความกระหายในชัยชนะซึ่งมันเป็นเป้าหมายเดียวกับเมืองทอง พวกเขาประสบความสำเร็จมาทุกระดับชั้น ผมเองก็ต้องการความท้าทายใหม่ มันไม่ใช่เรื่องยากเลยในการตัดสินใจครั้งนี้”

เอ็นริเก้ ซึ่งกลายเป็นกุนซือที่รับค่าเหนื่อยสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ของไทยพรีเมียร์ลีกถึงเกือบ 1 ล้านบาทต่อเดือนในสัญญา 2 ปีแรก เผยอีกว่า เขาจะสร้างเมืองทอง ยูไนเต็ด ภายใต้คำจำกัดความที่ว่า “เมื่อคุณเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ก็สมควรเป็นผู้ชนะ”

“เราจะเล่นในละตินสไตล์ ผมได้เรียนรู้สิ่งนี้มาตั้งแต่สมัยเล่นฟุตบอลที่บ้านเกิด ประสบการณ์ในโปรตุเกส 20 ปี และที่เวียดนามอีก 10 ปี ทำให้ผมรู้ว่าฟุตบอลต้องเล่นสวยงาม เอนเตอร์เทนคนดู สามารถคอนโทรลเกมได้ทั้งตอนที่ครอบครองบอลหรือไม่มีบอล และเราจะต้องจบเกมด้วยชัยชนะ”

ผู้สื่อข่าวยิงคำถามว่าเขามีความกดดันแค่ไหนในการเข้ามายังถิ่นยามาฮ่า สเตเดี้ยม ซึ่งมีโทรฟี่มาประดับตู้โชว์ทุกปี ขณะที่ เอ็นริเก้ ตอบว่า ไม่มีโค้ชคนไหนที่ไม่กดดันในการทำงาน ซึ่งเขาก็ไม่สามารถให้คำมั่นได้ว่าทีมจะเป็นแชมป์กี่รายการ สิ่งที่เขาสัญญาได้ก้คือ เขาจะทำงาน 24 ชั่วโมง และ คิดถึงแต่ทีมทุกเวลา เพื่อให้ทีมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

“ผมเข้าไปดูเกมที่เราแพ้ อาร์มี่ 0-3 แต่มันตัดสินอะไรไม่ได้ ผมเชื่อว่าเรามีนักเตะคุณภาพเรามีดีพอจะคว้าแชมป์ ระยะทางในฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกล แม้ตอนนี้จะมีข้อมูลคู่แข่งแต่ละทีมน้อยมากแต่นั่นเป็นงานของผมที่ต้องทำให้เร็ว”

ขณะที่ รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการทั่วไปเมืองทอง เผยว่า การเซ็นสัญญาครั้งแรก 2 ปีมีอ็อฟชั่นพิเศษหาก เอ็นริเก้ สามารถทำทีมได้ตามเป้าหมายสโมสรพร้อมจะขยายสัญญาระยะยาวอาจจะถึง 5 หรือ 10 ปีเหมือนกับที่เขาเคยอยู่สมาคมฟุตบอลเวียดนามมาอย่างยาวนาน และด้วยสไตล์การทำทีมของเฮดโค้ชคนใหม่ เขาก็เชื่อว่าเมืองทองเลือกคนที่ถูกต้องแล้ว