ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
บันเทิง » ข่าวบันเทิง » เปิดชีวิตอดีต นางเอกภาพยนตร์ดัง ''ปัทมา ปานทอง''

เปิดชีวิตอดีต นางเอกภาพยนตร์ดัง ''ปัทมา ปานทอง''

Posted 26/03/2011 by siamdara

''ปัทมา ปานทอง'' ชื่อนี้คงคุ้นหูใครหลายคน โดยเฉพาะ แฟนๆ ภาพยนตร์ แฟนๆ ละครที่ย้อนกลับไปประมาณเมื่อ 20 ปีก่อน ด้วบุคลิกที่ดูสดใส ความสดใสเฉพาะตัวในวันก่อนของเธอ หลายคนจึงจำเธอได้ติดตามเป็นอย่างดี ''ปัทมา ปานทอง'' ในวันนี้ เธอยังใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางการเป็นนักแสดงอยู่เช่นเดิม แต่อาจจะไม่ค่อยเห็นเธอบ่อยนัก


''ดาราเก่า เธอ เขาอยู่ที่ไหน'' ในวันนี้จึงไปนำเรื่องราวของเธอมาฝากแฟนที่เคยติดตามผลงานของเธอให้ได้หายคิดถึง ชีวิตในวันนี้ของดารานักแสดงหญิงรายนี้จะเป็นยังไง จุดเริ่มต้นของการเป็นดารานักแสดงที่มีผลงานต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้เธอเป็นยังไงมายังไง วันนี้ สยามดารา ''ดาราเก่า  เธอ เขา อยู่ที่ไหน'' มีมาให้อ่านอย่างครบถ้วน
 
''ปัทมา ปานทอง'' เริ่มเข้าวงการ ตั้งแต่ อายุ 9 ขวบ จากการชักชวนของ ''เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร'' นักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้น ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำให้เธอก้าวเข้าสู่ถนนการเป็นนักแสดง ก็คือเรื่อง 7 ซูเปอร์เปี๊ยก ของ สักกะ จารุจินดา ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ประสบความสำเร็จพอสมควร ด้วยความที่เป็นเด็ก  ปัทมา ปานทอง ไม่ได้รับบทการแสดงอะไรอีกต่อจากนั้น ผ่านไปกว่า 6 ปี ปัทมา  ปานทอง กลับมาอีกครั้งจากการถูกตามให้ไปเทสต์หน้ากล้อง จากผู้ชักนำคนเดิมคือ  ''เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร'' การกลับมาคราวนี้เธอได้รับบท นางเอกในภาพยนตร์เรื่องเด็ดหนวดพ่อตา โดยประกบคู่กับ  ''เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร'' คนที่เป็นคนชักจูงเขาเข้ามาสู่วงการนักแสดง
 
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ''ปัทมา ปานทอง'' ก็เข้าสู่เส้นทางการเป็นนักแสดงแบบเต็มตัว แสดงภาพยนตร์อยู่หลายเรื่อง ทั้งบท นางเอก เพื่อนนางเอก น้องนางเอก ชีวิตการเป็นดาราของ ปัทมา  ปานทอง ดำเนินไปอย่างสวยงาม แต่ความแตกต่าง ชีวิตการเป็นดาราในสมัยก่อน นั้นไม่เหมือนดาราในยุคปัจจุบัน จากการบอกเล่าของเธอ บอกว่าชีวิตการเป็นดาราในยุคก่อนนั้น ค่อนข้างไม่มีอิสระ ต้องเก็บตัว จะไปเดินเล่นตามห้าง ตามสถานที่ชุมชนบ่อยๆ ไม่ได้ เพราะจะทำให้คนที่ติดตามภาพยนตร์ ขาดความสนใจในตัวดารา เพราะทุกครั้งที่ภาพยนตร์เรื่องไหนเข้าฉาย ดารา นักแสดงในเรื่องนั้นจะต้องไปปรากฏตัวที่หน้าโรงภาพยนตร์ ผู้คนจะให้ความสนใจ จนยอมซื้อตั๋วเข้าชม
 
ต่อมาหลังจากที่ ปัทมา ใช้ชีวิตการเป็นนักแสดงอยู่หลายปี ก็ได้มีโอกาสไปร้องเพลง เป็นนักร้องออกอัลบั้ม สาเหตุที่ ปัทมา ได้เป็นนักร้องส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักแสดงสมัยก่อนที่สามารถร้องเพลงได้นั้นมีจำนวนไม่มาก อัลบั้มชุดแรกของเขาชื่อชุดว่า ''สาว 16'' ไสตล์เพลงเป็นเพลง ป็อปสมัยใหม่ หลังจากนั้นค่ายเพลงที่ทำอยู่เกิดมีปัญหา ปัทมา จึงได้มาเซ็นสัญญาเป็นศิลปินอยู่กับอีกบริษัทที่ ชื่อ ''โพลิดอร์'' เป็นบริษัททำเพลงจากต่างประเทศ โดยออกอัลบั้มชุดที่ 2 เป็นแนว เพลงไทยที่มีท่วงทำนองเพลงจีน ช่วงแรกของการเป็นนักร้อง ปัทมา ได้หยุดงานแสดงไปพักใหญ่  ก่อนจะออกอัลบั้มชุดที่ 2 เขาได้ใช้เวลาช่วงนั้นหวนกลับสู่งานแสดงอีกครั้ง โดยครั้งนี้ผันตัวเองจากงานภาพยนตร์ สู่งานละครทีวี ละครเรื่องแรกที่ ปัทมา เล่นคือเรื่อง ''หมูแดง'' ออกอากาศทางช่อง 3 ได้รับการตอบรับและทำให้คนรู้จักชื่อของ ปัทมา  ปานทอง อย่างกว้างขวางขึ้น
 
แต่งานแสดงต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเมื่อเจ้าตัวกลับมาทำงานเพลงในชุดที่ 2 โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า ''ไม่เป็นไร'' อัลบั้มชุดนี้ประสบความสำเร็จมากพอสมควร เขาได้ออกแสดงโชว์ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ พองานเพลงเริ่มซบเซาลง ปัทมา  ปานทอง จึงหวนกลับมารับงานละครอีกครั้ง โดยครั้งนี้มารับบทในละครเรื่อง ''ขมิ้นกับปูน'' ทางช่อง 7 สี ละครเรื่องนี้โด่งดังเป็นอย่างมากในยุคนั้น
 
''พอช่วงที่เพลงเริ่มเฟสก็กลับมาเล่น ''ขมิ้นกับปูน'' ช่อง 7 เล่นเป็นพี่น้อง 3 คนกับ พี่เหมียว -ชไมพร มีพี่ แล้วก็นางเอกใหม่ เสาวลักษณ์ ศรีอรัญญ์ ฝั่งผู้ชายก็มี พี่กบ- ทรงสิทธิ์, นีโน่- เมทนี , เจค-ศตวรรษ  เป็นละครที่ดังมากๆพอๆ กับโกโบริเลยก็ว่าได้ แล้วก็เล่นมาเรื่อยๆ ส่วนเพลงก็กลายมาเป็นเพลงคู่ก็ไปทำคู่กับ ''พี่เต้ย- เป็นหนึ่ง'' เป็นเพลงคู่ ชื่อชุด ''คู่เท่ห์'' ไม่เคยแสดงหนังด้วยกันนะ แต่สนิทกัน ส่วนเพลงที่ร้องก็เป็นเพลงเก่าที่เอามาทำเป็นเพลงคู่ เพลงก็โอเคนะ ก็เดินสายออกต่างจังหวัด เหมือนงานเพลงจะทำมาเรื่อยๆ คือพี่เนี่ยจะเข้ามาก่อนที่เพลงจะบูม หลังจากนั้นก็เล่นละครไปเรื่อยๆ เท่าที่นับมาประมาณ 50-60 เรื่องได้มั้ง คือละครสมัยก่อนมันไม่เหมือนสมัยนี้แบบเดือนเดียวจบ สมัยก่อนมันจะนานเรื่องนึงประมาณครึ่งปี อย่าง ''ขมิ้นกับปูน'' ก็ฉายประมาณ 7-8 เดือนเพราะว่าละครบางเรื่องใช้เวลาทั้งโฆษณาด้วยประมาณ 45 นาทีแบบนี้กว่ามันจะจบเรื่องนึง แต่เดี๋ยวนี้กลับมาเดือนเดียวละครจบไปแล้ว ช่วงที่พี่เป็นนักแสดงไม่เคยเซ็นสัญญา ไม่มีผู้จัดการส่วนตัว พี่ดูแลตัวเองตลอด''
 
***จุดพลิกผันที่ทำให้อดีตนางเอกภาพยนตร์รายนี้ค่อยๆ หายหน้าไปจากวงการอยู่ช่วงหนึ่งคือช่วงที่เธอไปมีครอบครัว โดยเฉพาะช่วงที่เธอมีลูกคนแรก
 
''เป็นคนที่อยู่ตรงไหนก็ไม่ได้สุดอ่ะ คือมาเล่นหนังถามว่าคนรู้จักมั้ย รู้จักนะ แต่ถ้าดังสุดๆ มั้ย ก็ไม่นะ ก็เป็นที่คนยอมรับในระดับนึงเดินไปไหนคนก็รู้จัก แต่ไม่ได้คลั่งไคล้ ถ้าจะว่าพี่หายไปก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะ ช่วงที่หายจริงๆ ก็น่าจะเป็นช่วงปี 35-36 ที่ไปมีครอบครัวมีน้อง  แล้วก็กลับไปเลี้ยงลูกสักพักนึง ประมาณ ปลายปี 36-37 น้องประมาณขวบกว่าๆ ถึง 2 ขวบพี่ก็กลับมาเล่นเรื่อง ''เกิดแต่ตม'' เรื่องนี้เล่นเป็นแม่ ''กบ- สุวนันท์'' และก็เป็นเรื่องแรกที่เล่นเป็นแม่ และก่อนหน้านั้นก็มี ''ปลาบู่ทอง'' เรื่องนี้ก็ดังมากๆ ''
 
***หลังจากมีครอบครัวได้ไม่กี่ปี ชีวิตการมีครอบครัว ของ ปัทมา  ปานทอง ก็ไม่ได้ราบเรียบอย่างที่คิด เกิดมีปัญหากับอดีตสามี จนในที่สุดก็แยกทางกัน จนได้มาพบกับคู่ชีวิตตัวจริงที่เป็นนักแสดงด้วยกันคือ  ''เอ๋-กษมา นิสัยพันธุ์'' 
 
''ช่วงที่มีครอบครัวก็มีข่าว ก็แต่งงานก็เป็นข่าวปรกติ แฟนพี่เขาเป็นนักธุรกิจค่ะ แต่ช่วงหลังมีปัญหากันก็เลยอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็ไม่ได้ทะเลาะกัน พอผ่านไปหลายปีก็มาเจอกับ ''พี่เอ๋ -กษมา'' ก็มาอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งทุกวันนี้ค่ะก็ 10 กว่าปีแล้ว พี่รู้จักพี่เขา ตอนที่มาถ่ายละครด้วยกันค่ะ แล้วเผอิญช่วงนั้นเป็นช่วงจังหวะที่ได้งานตัวนึงมาเป็นงานผลิตสารคดี แล้วพี่เอ๋ เค้ามีบริษัทที่ทำอยู่ พี่ก็จะยกให้แต่พี่เอ๋เค้าเกรงใจ เค้าก็แบบว่าถ้าพี่จะทำก็มาเปิดบริษัทด้วยกัน แล้วก็ทำเบื้องหลัง ก็สนิทกันตั้งแต่ตอนนั้น ทุกวันนี้ก็แฮปปี้ดี''
 
***กระแสวิจารณ์เป็นยังไงบ้างในช่วงนั้น?
 
''เป็นแง่บวกค่ะ  เพราะพี่เป็นคนที่ไม่เที่ยว เป็นเหมือนเดินก็ค่อยๆ ก้าวเดินอะไรแบบนี้ แต่เรื่องปัญหาเนี่ยพี่มองว่าแต่ละคนก็จะเจอปัญหาในแง่ที่แตกต่างกันไป คือมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่จะต้องเจอ แต่ว่าใครจะเจอปัญหาอะไร แล้วพอเราเหมือนมีบทเรียนกับปัญหาทางครอบครัวมาทำทุกอย่างให้มันดีขึ้นแล้วก็ทำทุกอย่างไม่ให้มันเกิด อย่างตอนที่พี่จะมาอยู่กับพี่เอ๋ เนี่ยพี่ก็ปรึกษาจิตแพทย์เด็กค่ะ ปรึกษาว่าพี่จะคุยกับลูกยังไง พี่เอ๋ จะต้องปฏิบัติกับลูกพี่ยังไง เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่มีปัญหา เพราะว่าพี่ก็กลัวเหมือนกันว่าพ่อเลี้ยง ลูกเลี้ยงอะไรแบบนี้ค่ะ''


 
*** ปัจจุบัน นอกจากงานแสดงที่เธอเองรับปีละไม่เกิน 2 เรื่องด้วยเหตุผลที่อยากมีเวลาให้ครอบครัวแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆ ที่ทำกับครอบครัว คือการเปิดสำนักพิมพ์ทำ พ็อกเกตบุ๊กผลิตนิยาย ขาย ชีวิตของ ปัทมา  ปานทอง ในวันนี้ เขาพอใจกับชีวิตที่ราบเรียบ ไม่หวือหวา อยู่อย่างพอเพียงกับครอบครัวที่มีความสุข
 
''ช่วงก่อนหน้านี้ก็มีนิยายค่ะ เป็นพ็อกเกตบุ๊กที่เป็นนิยาย คือพี่เป็นคนชอบอ่านหนังสือ เห็นน่าสนใจดี  ก็เปิดสำนักพิมพ์เองเลยพี่ก็ไปจ้างเค้าพิมพ์ จะมีคนเอาพล็อบเรื่องมาให้เราไม่ได้เขียนเองนะ แต่มีช่วงปีที่แล้วลูกกำลังจะสอบเอ็นทรานซ์ ก็เลยเฟสงานไปเพื่อที่จะทุ่มเวลาให้ลูก ตอนนี้ก็ทำอยู่ แต่หนังสือเนี่ยมันไม่ได้บูม มันไม่ใช่หนังสือตามกระแสค่ะ ก็ซึมๆ ขายไปเรื่อยๆ''
 
''ตอนนี้มีละครที่เพิ่งปิดไปก็เรื่อง ''เหนือมนุษย์'' ค่ะ พี่จะเล่นละครไปเรื่อยค่ะ คือ ''พี่เอ๋ -กษมา'' เค้าจะเป็นตัวหลัก พี่ก็จะเน้นดูลูกมากกว่า ปีนึงก็จะรับประมาณ 2 เรื่อง ครอบครัวพี่ก็มีกันแค่ 3 คน คือพี่อยากจะดูแลลูกมากกว่าแล้วยิ่งเป็นลูกสาวด้วย ก็เลยรู้สึกว่าเราไม่ได้อยากมีเงินมากขนาดที่ต้องไปตะเกียกตะกาย เราไม่ได้อยากมีรถเบนซ์ ไม่ได้อยากมีบ้านหลังใหญ่ ฉะนั้นความสุขของเราอยู่ที่เราได้เห็นลูกพัฒนา  ลูกมีความก้าวหน้า เราก็เลยตกลงกันว่าพี่ก็ดูแลลูกไป''
 
***สุดท้าย ฝากแง่คิดดีๆ ให้กับเด็กในวงการรุ่นหลัง เรื่องการให้อภัยและ การทำสิ่งที่ดีกับคนที่เรารัก
 
''พี่ว่าความเคารพนะ แล้วก็การให้อภัยกันมันเป็นอะไรที่ดีที่สุดนะ อย่างสมัยก่อนเนี่ยเราจะไม่ได้ยินว่าดารารุ่นน้อง กับดารารุ่นพี่ทะเลาะกัน เพราะว่าจะรู้สึกว่าอย่าไปอะไรเลย เพราะว่าเราเป็นรุ่นน้อง คือถ้าเราไม่ชอบก็เงียบดีกว่า หรือ ก็เดินหนีไปซะ คือความรู้สึกโกรธ ไม่พอใจมันจะเกิดขึ้นมาในช่วงๆ นึงแค่นั้นเอง ก็จะจบลงไป แต่ถ้าช่วงนั้นเราไม่ได้สานต่อมันก็จบ แต่ถ้าเราไปสานต่อความไม่พอใจอะไรตรงนั้นเนี่ย มันก็จะทำให้บาดหมางกันไป  ถ้าคิดว่าเราจะอยู่ในที่ที่นึงให้มันมีความสุขแล้วคนพูดถึงเราดีๆ แบบนี้ค่ะ ถ้าเราไม่พอใจอะไรก็เฉยๆ ซะ อย่าใจร้อนมันก็จะอยู่ได้อย่างมีความสุข จะได้ไม่ต้องมานั่งระแวงว่าใครจะมีปัญหากับเรา อย่างเค้าเขียนอะไรมาว่าอะไรเรารึเปล่า หรือเค้าโพสต์มาเนี่ยเค้าต้องด่าเราแน่เลย แล้วก็อะไรที่มองผ่านๆ ได้ก็มองผ่านๆ ไป ไม่ต้องไปอะไรมาก มันก็จะทำให้เราอยู่ง่ายขึ้น พี่รู้สึกว่าชีวิตคนเราเดี๋ยวนี้มันอยู่ได้ไม่นาน มันอยู่ไม่ยืนเหมือนสมัยก่อนที่อยู่กันได้ 90-100 ปี  ก็เลยรู้สึกว่าทำวันนี้ให้ดี อยากทำอะไรที่ทำให้เรากับคนรอบข้างมีความสุขก็รีบทำดีกว่า เพราะเราไม่รู้ว่าถ่าเราไม่ทำวันนี้เราจะได้ทำมันอีกมั้ย ถ้าไม่ได้ทำมันก็จะคาใจอยู่แบบนี้ตลอดไป''


อาทิตย์  สลับสี


ปัทมา  ปานทอง
เกิด  16 ธันวาคม  2510
ภูมิลำเนา  กรุงเทพฯ
มีพี่น้อง 4 คน เป็นคนสุดท้อง

ผลงานสร้างชื่อ
ภาพยนตร์  ''เด็ดหนวดพ่อตา''
ละคร  ''หมูแดง'', ''ขมิ้นกับปูน''
ผลงานเพลง อัลบั้มชุดที่ 2 ''ไม่เป็นไร''
อัลบั้มคู่  ชื่อชุด ''คู่เท่ห์''

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »