"ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก้ ประกาศศักดาคว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ได้เป็นสมัยที่ 5 ในประวัติศาสตร์สโมสร หลังเปิดฉากไล่ถล่ม ดุ๊ยส์บวร์ก ทีมจากลีกาสอง ไปแบบไม่ไว้หน้า 5-0 โดยเกมนี้ คลาส แยน ฮุนเตลาร์ เหมาซัลโวคนเดียวสองประตู เมื่อวันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2554

   ฟุตบอลเดเอฟเบ โพคาล รอบชิงชนะเลิศ

   วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2554

   ชาลเก้ (บุนเดสลีกา) 5-0 ดุ๊ยส์บวร์ก (ลีกาสอง) 

   สนาม : โอลิมเปีย สตาดิโอน, เบอร์ลิน    

   ผู้ชม : 75,708 คน (เต็มสนาม)

 
         ศึกเดเอฟเบ โพคาล นัดชิงชนะเลิศ ที่มีตั๋วไปลุยฟุตบอลยุโรปฤดูกาลหน้าเป็นเดิมพัน ราล์ฟ รังนิก เทรนเนอร์ "ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก้ เกมนี้มาในชุดใหม่สีชมพูบานเย็น ส่วนผลงานการคุมทีม 7 นัดหลังสุดบู่อย่างหนัก เสมอ 1 และแพ้ 6 นัดรวด
 
         การจัดทัพ รังนิกยังยึดระบบ 4-2-3-1 โดยปรับทัพส่ง ฮันส์ ซาร์ไป, เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน, ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ และ คลาส แยน ฮุนเตลาร์ คืนทัพ 11 คนแรก เแนวรับปรับให้ เบเนดิคท์ โฮเวเดส มายืนแบ็กขวา และถอย คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส ลงมายืนเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ คริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์
 
          มิดฟิลด์คู่กลางถอย โฆเซ่ มานูเอล ฆูราโด้ ลงมาจับคู่ เพอร์ คลูเก้ สามแนวรุกเป็น ฟาร์ฟาน, ราอูล กอนซาเลซ และดรักซ์เลอร์ ยืนจากขวาไปซ้ายตามลำดับ วาง คลาส แยน ฮุนเตลาร์ ยืนหน้าเป้า
 
         ด้านดุ๊ยส์บวร์กภายใต้การทำทีมของ มิลาน ซาซิช ขาด เซิร์ดยาน บัลยัค กับ ยูเลี่ยน ค็อคช์ บาดเจ็บทั้งคู่ ขณะที่ บรูโน่ ซัวเรส กองหลังบราซิเลียน ติดโทษแบนจากการถูกใบแดงในรอบตัดเชือก ทว่าได้ สเตฟาน ไมเออร์โฮเฟอร์ ฟิตกลับมานั่งเป็นสำรองข้างสนาม
 
         การจัดทัพ ซาซิช ปรับจากเกมล่าสุดแค่ตำแหน่งเดียวส่ง อิวิก้า เกอร์ริช ลงมาแทน ฟิลิป โทรยาน นอกนั้นเป็นผู้เล่นชุดเดิมทั้งหมด มี มานูเอล เชฟฟ์เลอร์ ยืนเป็นหน้าเป้าตัวความหวัง
 
         เปิดฉากมารูปเกมเป็นของชาลเก้ครองเกมบุกได้ดีกว่าชัดเจน และน่าออกนำก่อนในนาที 15 จากจังหวะลูกฟรีคิก ฟาร์ฟาน เล่นลูกสูตรโยนบอลออกมาให้ ราอูล โหม่งชงเข้าในเขตโทษให้ คริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์ โหม่งชงจังหวะสุดท้ายเข้ามาให้  คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส สอดเข้ามาโขกบอลเต็มกบาลถูก ดาวิด เยลล์เดลล์ โชว์ซูเปอร์เซฟผวาปัดบอลข้ามคานออกไปได้ทัน
 
         กระทั่งนาที 18 สาวกราชันสีน้ำเงินมาได้เฮฮากันทั่วหน้า ฆูราโด้ไหลบอลมาให้ฟาร์ฟาน แทงต่อมาให้ดรักซ์เลอร์ จับบอลกระเด้งขึ้นมาและฮาล์ฟวอลเลย์กระหน่ำด้วยขวาเสียบตาข่ายเข้าไปงามหยด ชาลเก้ออกนำ 1-0
 
         และถัดมาอีกเพียงแค่ 4 นาที ตาข่ายของดุ๊ยส์บวร์กมาสั่นไหวอีกครั้ง คราวนี้เป็นฟาร์ฟานลากบอลแหวกหนีผู้เล่นดุ๊ยส์บวร์กมาสองคน ก่อนไหลเรียดนิ่มๆ ให้ฮุนเตลาร์ สอดหนีตัวประกบมาดีดบอลด้วยซ้ายสวนตัวเยลล์เดลล์ ตุงตาข่าย ชาลเก้ทิ้งห่างเป็น 2-0 ทำเอารังนิกและบรรดาสตาฟฟ์โค้ชชูมือเฮอย่างมั่นใจ
 
         หลังนำห่าง นักเตะชาลเก้ผ่อนเกมลงไป ทำให้ดุ๊ยส์บวร์กมีลุ้นบ้าง นาที 36 เกือบได้ประตูตีไข่แตกไล่ขึ้นมา มานูเอล เชฟฟ์เลอร์  โฉบขโมยบอลมาจากความผิดพลาดของ ซาร์ไป ที่บังบอลพลาดมาจ่ายต่อให้ โอลคาย ซาฮาน โยกหาจังหวะปั่นบอลระยะ 15 เมตร เหินข้ามคานออกไปไม่ไกล
 
         อย่างไรก็ตาม นาที 42 เกมก็แทบปิดกล่องลงตั้งแต่ครึ่งแรก และก็เป็นฟาร์ฟานเจ้าเก่าจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูเป็นคำรบสาม โดยเจ้าตัวเปิดลูกเตะมุมโด่งโค้งเข้ามาให้ เบเนดิคท์ โฮเวเดส สอดเข้ามาโขกบอลเสียบตาข่ายไม่เหลือ ชาลเก้หนีไกล 3-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
 
         กลับลงสนามมาสู้กันต่อถึงนาที 55 เกมมาปิดกล่องสนิทลงเรียบร้อย ฟาร์ฟานไหลบอลมาให้ฮุนเตลาร์จ่ายบอลต่อมาให้ฆูราโด้สอดทะลุขึ้นมาเอาบอลลากไปเลือกแปผ่านมือเยลล์เดลล์ เสียบเสาแรกสุดเนียน ชาลเก้หนีไกลสุดกู่ 4-0
 
         ฟอร์มการเล่นของดุ๊ยส์บวร์กบ้อท่าเหลือเกิน จนนาที 70 ก็มาโดนชาลเก้ส่องสกอร์ 5-0 จากความผิดพลาดของ โกรัน ซูคาโล่ รอบอลไม่ยอมหวดสกัดทิ้ง ทำให้ถูก ดรักซ์เลอร์ สอดเข้ามาปั๊มบอลหลุดมาเข้าทางปืนฮุนเตลาร์ อัดบอลเรียดเสียบตาข่าย เป็นประตูที่สองของ "ฮันเตอร์" นัดนี้
 
         ท้ายเกมนาที 83 ดุ๊ยส์บวร์กมาได้ลุ้นตีไข่แตกเล็กๆ จากการลองส่องระยะ 23 เมตรของเชฟฟ์เลอร์ ทว่าบอลหลุดออกเสาสองออกไปได้ลุ้น
 
         จากนั้นไม่มีอะไรเพิ่มเติม จบเกมชาลเก้ไล่ถล่มดุ๊ยส์บวร์กสบายเท้า 5-0  คว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาลเป็นครั้งที่ 5 ในประวัติศาสตร์สโมสร พร้อมกับได้สิทธิ์ไปเล่นฟุตบอล ยูโรปา ลีก รอบเพลย์ออฟฤดูกาลหน้า 
 
         รายผู้เล่นของทั้งสองทีม
         ชาลเก้ : มานูเอล นอยเออร์ - เบเนดิคท์ โฮเวเดส, คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส, คริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์, ฮันส์ ซาร์ไป (เซร์คิโอ เอสกูเดโร่ น.43) - เพอร์ คลูเก้ (อัตซึโตะ อูจิดะ น.81), โฆเซ่ มานูเอล ฆูราโด้  - เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน, ราอูล กอนซาเลซ, ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ (โฌแอล มาติป น.72) - คลาส แยน ฮุนเตลาร์
         สำรองไม่ได้ใช้ : มัทธีอัส โชเบอร์, อเล็กซานเดอร์ เบาม์โยฮันน์, เอดู, มาริโอ กาฟราโนวิช
 
         ดุ๊ยส์บวร์ก : ดาวิด เยลล์เดลล์ - เบนยามิน แคร์น (มัวริซ เอ็กส์ลาเงอร์ น.77), ดาเนียล ไรเช่อ (ฟิลิป โทรยาน น.60), บรานิเมียร์ บายิช, โอลิเวียร์ เวโญ่ - โกรัน ซูคาโล่, อิวิก้า บาโนวิช - เซฟา ยิลมาซ, อิวิก้า เกอร์ริช, โอลคาย ซาฮาน - มานูเอล เชฟฟ์เลอร์
         สำรองไม่ได้ใช้ : มาร์เซล แฮร์โซก, อันเดร ฮอฟฟ์มันน์, บูรัคคัน คุนท์, สเวน ไธเซ่น, สเตฟาน ไมเออร์โฮเฟอร์ 
 
         ผู้ตัดสิน : โวล์ฟกัง สตาร์ค 
 
         ทำเนียบแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล (ตั้งแต่ปี 2000-2011)

         ฤดูกาล  แชมป์   รองแชมป์

         2000  บาเยิร์น มิวนิค  เบรเมน

         2001  ชาลเก้   ยูเนี่ยน เบอร์ลิน

         2002  ชาลเก้   เลเวอร์คูเซ่น

         2003  บาเยิร์น มิวนิค  ไกเซอร์สลาเทิร์น

         2004   แวร์เดอร์ เบรเมน  อาเค่น

         2005  บาเยิร์น มิวนิค  ชาลเก้

         2006  บาเยิร์น มิวนิค  แฟร้งค์เฟิร์ต

         2007  เนิร์นแบร์ก   สตุ๊ตการ์ท

         2008  บาเยิร์น มิวนิค  ดอร์ทมุนด์

         2009  เบรเมน   เลเวอร์คูเซ่น

         2010  บาเยิร์น มิวนิค  เบรเมน

         2011  ชาลเก้   ดุ๊ยส์บวร์ก