ปลัดกีฬาขายฝัน 10 ปีมีลุ้น หนุน "บอลไทย ไปบอลโลก" เตรียมเสนอของบประมาณรัฐบาลใหม่ เข้ากองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 2,000 ล้านบาท ต่อปี ภายใต้แนวคิด "ฟุตบอลอาชีพ สร้างสุขสังคม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง" ชูท่องเที่ยวเชิงกีฬา ยกมาตรฐานฟุตบอลลีกของไทย เชื่อสร้างรายได้มหาศาลถึงปีละ 12,300 ล้านบาท

  นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ครั้งที่ 4
 
 โดย มี นางธนิฏฐา เศวตศิลา มณีโชติ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายพีระ ฟองดาวิรัตน์ รองผู้ว่าการฝ่ายอาชีพและสิทธิประโยชน์การกีฬาแห่งประเทศไทย และนายวิมล กาญจนะ อุปนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมหารือ ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถนนราชดำเนินนอก กทม. เมื่อ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา
 
 หลังจากการ ประชุมเสร็จสิ้น นายสมบัติ กล่าวว่า ที่ประชุมมีแนวคิดที่จะทำแผนการพัฒนาฟุตบอลไทยให้เป็นกีฬาที่ก่อให้เกิด เศรษฐกิจกีฬา โดยเห็นได้จากรายได้ของสโมสรต่างๆ อีกทั้งยังต้องการที่จะสานต่อแนวคิดที่จะนำพาฟุตบอลไทยไปสู่ฟุตบอลโลก และปรับปรุง พ.ร.บ.กีฬาอาชีพ พร้อมเสนองบประมาณเข้ากองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมนำเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่
 
  โดยมีการหารือ ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยพัฒนามาตรฐาน ทั้งในส่วนของมาตรฐานในการจัดการแข่งขัน ผู้ตัดสิน เจ้าหน้าที่ รวมไปถึง การบริหารจัดการสโมสร สนามแข่งขัน และแฟนบอล
 
 นอกจากนั้นยัง มีแนวคิดในการสร้างรายได้การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) ให้กับประเทศอีกทางหนึ่งด้วย โดยในขณะนี้รัฐบาล โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้อนุมัติให้มีการก่อสร้างสนามกีฬาจังหวัด จำนวน 15 จังหวัด และจะต้องผลักดันให้สนามกีฬาเหล่านี้ได้มาตรฐานเทียบเท่าตามมาตรฐานที่สมา พันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี  (Asian Football Confederation) กำหนด
 
  เพื่อยกระดับมาตรฐานฟุตบอลลีกของไทย และสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งหากสโมสรฟุตบอลต่างๆ ของไทย สามารถพัฒนามาตรฐานในด้านต่างๆ เหล่านี้ จะก่อให้เกิดวงจรเศรษฐกิจที่เกิดจากกีฬาฟุตบอล
 
  คือสโมสรมี รายได้จากค่าผ่านประตู ค่าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสด สปอนเซอร์ สินค้าที่ระลึก ค่าตัวจากการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนนักกีฬา และจะทำให้นักกีฬามีรายได้ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ มีรายได้ และพัฒนาได้ตามเป้าหมายและมาตรฐานของเอเอฟซี คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 80-100 ล้านบาทต่อปีในแต่ละสโมสร เป็นมูลค่ารวมกว่า 12,300 ล้านบาทต่อปี
 
 นายสมบัติ กล่าวอีกว่า ฟุตบอลอาชีพเป็นเครื่องมือภายใต้แนวคิด "ฟุตบอลอาชีพ สร้างสุขสังคม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง" จะต้องดำเนินการเร่งด่วนใน 3 ด้าน ประกอบด้วย
 
        1.การยกระดับสโมสรฟุตบอลและองค์กรที่เกี่ยวข้องให้มีศักยภาพการบริหารจัดการเทียบเท่ามาตรฐานสากล (ตาม club licensing - AFC)
 
        2.การ สร้างกระแสความนิยม และวัฒนธรรมในการมีส่วนร่วมของฟุตบอลอาชีพจากทุกภาคส่วน อย่างบูรณาการให้เอื้อต่อการสร้างความยั่งยืนให้กับฟุตบอลอาชีพ
 
        3.การ สร้างและพัฒนานักกีฬาและบุคลากรเป็นมืออาชีพและได้มาตรฐาน เชื่อว่า หากพัฒนาได้อย่างเป็นรูปแบบตามแนวคิดดังกล่าว จะทำให้คำว่า "บอลไทย ไปบอลโลก" จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในระยะเวลา 10-15 ปีข้างหน้านี้อย่างแน่นอน