ถ้าจะพูดถึงคู่แม่ลูกของคนในวงการบันเทิงที่ไปไหนไปกันตลอดนั้น เชื่อว่าทุกคนคงจะนึกภาพเห็นคู่ของ ''คุณแม่หน่อย'' นวลนงค์ จามิกรณ์ คุณแม่ยังสาวของนางเอกแก้มป่องสุดน่ารัก ''แพนเค้ก'' เขมนิจ จามิกรณ์ นั่นเอง ที่เรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่เข้าวงการมานั้นผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายเหลือเกิน และไม่ว่าจะมีเรื่องราวร้ายดีผ่านเข้ามามากมายขนาดไหน ทั้งสองคนแม่ลูกก็ยังคงยืนหยัดต่อสู้ไปด้วยกันไม่เคยห่าง แต่ก็เพราะความดูแลใกล้ชิดของคุณแม่นั้นกลายเป็นดาบสองคมให้คนที่คิดต่างมองว่า คุณแม่นั้นเป็นแม่ที่ช่างเจ้ากี้เจ้าการจนโดนกระแสผู้คนตั้งฉายากลายเป็น ''คุณแม่จอมบงการ'' เข้าให้

    วันนี้เราจะพาผู้อ่านทุกท่านไปสัมผัสตัวตนของคนที่ชื่อว่า ''คุณแม่นางเอกจอมบงการ'' คนนี้กันแบบเปิดอกหมดเปลือกถึงเรื่องราวข่าวลือต่างๆ นานา ที่อาจจะทำให้หลายคนหันมามองคุณแม่จอมบงการคนนี้เป็นคุณแม่ที่แสนแกร่งสำหรับลูกไปเลยทีเดียว พร้อมแล้วลองตามไปดูกันว่าคุณแม่หน่อยที่กำลังตกเป็นกระแสนั้นจะมีความคิดกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร และมีแง่มุมไหนที่คนทั่วไปอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่รู้บ้าง

     
    ขอถามถึงเรื่องราวที่กำลังตกเป็นข่าวของ ''แพนเค้ก'' กับ ''เป้'' สักหน่อย ส่วนตัวแล้วคุณแม่มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?
      
    ''จริงๆ แล้วแม่ก็เป็นคนข้างๆ ที่สนิทที่สุดค่ะ ก็ได้รับรู้ทุกเรื่องก็ติดตามข่าว แต่ว่าไม่ออกความเห็นหรืออะไร เพราะน้องก็โตแล้ว ก็เดินไปตามทางที่ตัวเองควรจะตัดสินใจ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนสองคนที่จะต้องคุยกัน แม่เองก็คงมีหน้าที่แค่ยืนดูลูกอยู่ห่างๆ มากกว่า''

     
    แต่พอมีเรื่องราวแบบนี้ออกมาทำให้หลายคนมองว่า ที่จริงแล้วคุณแม่เองนั่นแหละที่เป็นจอมบงการทั้งหมด รู้สึกยังไงที่คนมองแบบนี้?
      
    ''(หัวเราะ) ก็ดีนะลูกๆ ก็ขำดี ก็เป็นอะไรที่นอกจากบงการในบ้านแล้ว ก็ยังบงการเรื่องทั่วไปข้างนอกอีก จริงๆ แล้วเรียกว่าเป็นการดูแลลูกมากกว่า เราเลี้ยงลูกมาด้วยมือของตัวเอง เราค่อนข้างที่จะรู้จักเค้ามากกว่าใคร แม่ก็เอาใจช่วยทุกคนอยู่แล้ว มันก็คงแล้วแต่ความคิดแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนมากกว่า เราก็คงไปบังคับความคิดใครไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดต่อไปได้''

     
    พอมีกระแสแบบนี้ออกมามันทำให้คุณแม่รู้สึกว่าเหนื่อย หรือท้อบ้างไหม?
      
    ''ถามว่าท้อมั้ย แม่คิดว่าถ้าเราตัดสินใจจะเดินบนเส้นทางนี้มันไม่มีอะไรเหลือบ่ากว่าแรงที่เราจะรับมือ ก็ทำไปตามโอกาสที่เราจะมีอยู่''

     
    ในฐานะที่เราเป็นแม่เวลาลูกโดนกระแสต่างๆ เข้ามาจนเครียดคุณแม่รู้สึกยังไงบ้าง?
      
    ''แม่ว่านั่นคือสิ่งที่คนอื่นๆ คิดนะคะ คือจริงๆ แล้วน้องไม่ได้กังวลอะไรขนาดนั้น คืออาจจะมีผลกระทบนิดนึงว่าจะมีข่าวอย่างนี้  แต่ทุกสิ่งทุกอย่างจะมีเหตุและผล ถ้าฟังเหตุและผลเสร็จมันก็จะไม่เอามาคิดอะไรอีก หรือกังวลอะไรอีก เพราะน้องอาจจะอยู่ใกล้ผู้ใหญ่เยอะ ก็เรียนรู้ความคิดความอ่านอะไรมาพอสมควร ถ้าจะเดินทางนี้ได้อย่างมีความสุข เราก็ต้องผ่านเรื่องราวให้ได้''

     
    ล่าสุดการเลิกรากันของ ''แพนเค้ก'' และ ''เป้'' ถูกเอาไปเชื่อมโยงกับคำทำนายของหมอดู ส่วนตัวแล้วคุณแม่มีความเห็นในเรื่องนี้ยังไงบ้าง?
      
    ''เรื่องหมอดูหน้าที่เค้าคือทำนายทายทักดวงชะตาคน ถูกบ้าง ไม่ถูกบ้าง เราก็รับฟังกันเท่าที่จะฟังได้ดีกว่า แม่ว่ายังมีเรื่องราวต่างๆ มากมายที่จะทำ เราก็รับฟังไว้อะไรจะเกิดขึ้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา''

     
    ส่วนตัวแล้วคุณแม่มีความเชื่อเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน?
      
    ''จริงๆ แล้วแม่นี่ก็ถือเป็นคนที่ชอบดูหมอตัวยงเลยแหละ แต่วันนึงเราก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่าชีวิตมันสามารถแยกแยะออกได้ด้วยกรรมดีของแต่ละคน ทุกอย่างมันไม่ได้ขึ้นกับโชคชะตาเพียงอย่างเดียว มันมีเรื่องของกรรม และผลของการที่เรากระทำมากกว่า พอเราได้รู้ได้เห็นจริงเราก็เลยหยุดแล้วก็พอแค่นั้น วันนึงชีวิตเราถ้าขึ้นอยู่กับการทำนายทายทัก เราจะรู้ว่าถ้าเราโดนทักว่าชีวิตเราไม่ดีนะ เราก็จะรู้สึกท้อแล้วถ้าเป็นเรื่องที่ดีเราก็จะรอว่าเรื่องนั้นมันจะมาเมื่อไหร่ มันทำให้แม่รู้สึกว่าตรงนั้นมันจะทำให้เรากลายเป็นคนที่ไม่มีความมุ่งมั่นในชีวิตเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นแม่คิดว่าอะไรก็ตามเราควรจะเดิน และทำในสิ่งที่เราควรจะทำซะจะดีกว่าทำให้มันดีที่สุดก็พอ และมีสติให้มากที่สุดในทุกๆ การกระทำ''

     
    มองจากสายตาคนเป็นแม่แล้วชีวิตในวงการของลูกเราจะเป็นยังไงต่อไป?
      
    ''แม่ว่าน้องก็เดินไปตามชีวิตของลูกผู้หญิงคนนึงมากกว่า เพราะเราก็รู้สึกว่า อยากให้แพนเป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่มีโอกาสในช่วงเวลานึงแค่นั้นเอง ก็ทำมันในช่วงเวลานั้น อีกอันนึงก็ควรมองรอบๆ ตัวเองเสมอ แล้วเค้าอาจจะมีมุมมองดีๆ ที่นอกจากงานแสดงก็อาจจะมีการช่วยเหลือสังคมควบคู่กันไปด้วย''

     
    ถ้าวันหนึ่งน้อง ''แพนเค้ก'' รู้สึกว่าอยากจะหยุดอาชีพในวงการคุณแม่จะทำเช่นไร?
      
    ''แม่ว่าเรื่องนี้นะมันกำหนดออกมาแค่เท่าที่แต่ละคนได้โอกาสมากกว่า เราไม่สามารถกำหนดได้ว่าปีนี้ทำแค่นี้นะแล้วพอ ถ้าเกิดเราไปไม่ถึงล่ะ มันไม่มีอะไรกำหนดได้ว่าจะทำแค่ไหน ถึงวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้าเค้าอาจจะมีครอบครัวของเค้า ก็ผู้หญิงอะเนอะ ก็ต้องมีความฝันนึงก็อาจจะต้องแยกไปมีครอบครัวของตัวเองสร้างครอบครัวใหม่ถึงตรงนั้นเราก็ต้องมานั่งคุยกัน''

     
    น้อง ''แพนเค้ก'' เคยคิดที่อยากจะทำอะไรอย่างอื่นนอกจากงานในวงการบ้างไหม?
      
    ''ไม่เลย คือแพนเค้าเป็นคนที่พอดิบพอดี มีเท่าไหร่เท่านั้น คือมีโอกาสเท่าไหร่ก็รับโอกาสเท่านั้นเค้าจะไม่ค่อยวาดฝันอะไรที่มากกเกินไป เค้าเป็นคนที่พอดีๆ นะ''

     
    ถึงตรงนี้หลายคนคงมองได้ว่าคุณแม่เป็นหญิงแกร่งคนหนึ่งที่เลี้ยงลูกได้ดีมากๆ รู้สึกยังไงที่อีกมุมคนก็มองแบบนี้?
      
    ''เราเรียกว่าต่างคนต่างเข้าใจกันนะ แม่ว่าสิ่งที่เราจะพูดกันตลอดก็คือทีมเวิร์กนั้นสำคัญที่สุด แม่กับแพนนี่ก็คือทีมเวิร์ก ก็คือเวลาที่เราคิดอ่านคนละทางเราก็ต้องมีการมาปรับความเข้าใจร่วมกัน คิดว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญเราต้องคุยกันตลอด เพราะในเมื่อเรามีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่น ก็จงหันกลับมามองคนรอบๆ ตัวเราให้เยอะๆ มันจึงกลายเป็นเหมือนสิ่งที่ร้อยใจเราไว้อยู่เสมอ แล้วน้องเองเค้ามาถึงตรงนี้เค้าก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจการทำงานในตรงนี้ดี การที่เรามาอยู่ตรงนี้แล้วได้มีการออกไปช่วยเหลือคนอื่นเยอะๆ มันช่วยทำให้น้องเค้ามีความสุขในการให้ มันทำให้เรารู้สึกว่าตรงนี้มันมาอย่างไม่คาดฝัน''

     
    คุณแม่หลายคนคงมองว่าแม่เป็นไอดอลในการเลี้ยงลูกคนหนึ่ง มีวิธีการแนะนำการดูแลลูกให้คุณแม่คนอื่นๆ ไหม?
      
    ''อันนี้แม่คงไม่อาจจะไปแนะนำใครได้นะ เพราะแม่ว่าพื้นฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การรับรู้รับฟัง และเข้าใจเรื่องต่างๆ มันก็ย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว ในส่วนของน้องแพนเองเนี่ยเค้าจะเป็นคนที่นิ่งๆ เพราะฉะนั้นเราก็จะต้องมีการเข้าไปพูดคุยกันตลอดเพื่อให้มีความเข้าใจกันอยู่เสมอ''

     
    คุณแม่ทำยังไงให้ยืนอยู่ตรงจุดๆ นี้ได้แบบไม่ต้องเครียด อีกทั้งยังเป็นกำลังสำคัญให้ลูกด้วย?
      
    ''เราต้องมีสติแล้วก็มีความเข้มแข็งมากทีเดียวที่จะยืนอยู่บนเส้นทางนี้นะ มันไม่ใช่เพียงแต่ว่าเราต้องเจอกับเรื่องราวต่างๆ ที่จะเข้ามา แต่อาจจะมีเรื่องราวของคนรอบข้างที่เราต้องเจอะเจอทุกวันมันก็สามารถทำให้ตัวเราจิตตกได้เหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละมันทำให้เราคิดว่าเราจะสามารถเบี่ยงเบนเรื่องต่างๆ ได้ด้วยวิธีใดเพื่อให้เราไม่เครียดกับทุกๆ อย่างที่เรากำลังเผชิญ หรือกำลังจะเข้ามา''

     
    มีเรื่องราวที่เรียกว่าผิดพลาดไปบ้างไหมกับในชีวิตของแม่คนนี้?
      
    ''มีนะ แม่เคยผ่านเรื่องราวที่บางครั้งเรียกว่าละเลยไปบ้างก็มี ซึ่งเราก็ได้สติตรงนี้กลับมาจากลูกของเราเช่นกัน ซึ่งเมื่อก่อนแม่อาจจะติดก๊วนไปตีกอล์ฟกับเพื่อนๆ ก็มี เราทำบ่อยๆ ซึ่งเราเองก็ไม่เคยถามแล้วเราก็ไม่รู้ว่าใจเค้าคิดยังไง เพราะแม่ออกไปตอนเช้าลูกยังไม่ตื่นก็จริง แต่มันทำให้เหมือนเรามีช่องว่าง หลังจากนั้นแม่ก็ฉุกคิดแล้วก็หยุดเลย เสาร์-อาทิตย์ก็จะอยู่ด้วยกันตลอดพากันไปทำกิจกรรมร่วมกัน เป็นการทำให้ครอบครัวเราอบอุ่นมากขึ้นแน่นแฟ้นมากขึ้น''

     
    กระแสตอบรับในการออกพ็อกเกตบุ๊กค่อนข้างดีมากๆ?
      
    ''กระแสตอบรับดีมากค่ะ ไปทุกที่ก็มีคนเอาหนังสือมาให้เซ็น คนเค้าคงมองเราในมุมของคนที่เป็นแม่ซึ่งมันก็เป็นมุมที่ดี เพราะถ้าอ่านดูแล้วก็จะรู้ว่ามันไม่ได้มีอะไรมากมายแต่มันเป็นการบอกเล่าความเป็นแม่ของเราออกมาแค่นั้นเอง ซึ่งพอมีเสียงตอบรับมากมายแบบนี้มันก็ทำให้เราชื่นใจค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีเล่มต่อๆ มาเพราะแม่จะเป็นคนที่ใกล้ชิดเค้ามากที่สุด จะมีเรื่องราวของแพนที่ทั้งสุขเศร้าเคล้าน้ำตาก็มี อย่างเวลาแม่อยู่ที่บ้านแม่ก็จะชอบอยู่ในห้องเก็บของมันทำให้เราย้อนถึงเรื่อราวต่างๆ ที่ผ่านมาตลอดว่าเราทำอะไรที่ไหนยังไงก็ทำให้เราเพลินดี''

     
    สุดท้ายอยากจะให้ฝากข้อคิดดีๆ ให้กับคุณแม่คนอื่นๆ ได้ฟังบ้าง?
      
    ''แม่ก็คงต้องบอกว่าขอบคุณ ทุกคนอาจจะมีมุมมองที่ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจในตัวเรา แต่เราเองก็คงขอพูดในฐานะของแม่ที่รักลูกที่สุดในชีวิตแล้วกัน เพราะลูกนี่คือสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เราเองก็รักลูกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพ่อแม่คนอื่นๆ ที่บอกได้เลยว่าวันนึงถ้าจะมีอะไรที่เกิดขึ้นกับลูกเรา เราก็พร้อมที่จะปกป้อง และดูแลเค้าเสมอ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขแค่ไหนเราก็จะไม่ทิ้งกันแน่นอน''

    
    ถึงตรงนี้เชื่อว่าคนที่ได้อ่านก็คงจะสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของคนที่ได้ชื่อว่า ''แม่'' ความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าความรักใดๆ จะเทียบได้ แม้สิ่งที่ทำจะก่อให้เกิดกระแสลบให้กับตนเองแต่ถ้านั่นเรียกว่าการปกป้อง และห่วงใยแล้วแม่ก็พร้อมที่จะทำให้ลูกเสมอ ทำแบบไม่ย่อท้อ และพร้อมที่จะทำต่อไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องราวของคุณแม่หน่อย เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ไม่ว่าจะอย่างไรแม่ก็จะไม่ทิ้งลูกเผชิญปัญหาอย่างโดดเดี่ยวแน่นอน