''ขอเวลาไม่นาน..เราจะกลับมา" ' 'สิงห์นายด่าน'' ศุลกากร ยูไนเต็ด สโมสรที่เคยมีริ้วรอยประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่เกรียงไกร โดยอยู่โยงบรรเลงเพลงแข้งบนสังเวียนลูกหนังไทยมายาวนานหลายสิบปี
    

               เส้นทางสายลูกหนังของ ศุลกากร ยูไนเต็ด เริ่มตั้งต้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2497 เมื่อกรมศุลกากรได้จัดตั้งทีมฟุตบอลกรมศุลกากรขึ้นมา ส่งเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลรายการชิงถ้วยพระราชทาน สมัยนั้นเรียกกันว่า "ถ้วยน้อย" จัดขึ้นมาโดยสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ควบคู่กับการส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันภายในอยู่อย่างสม่ำเสมอ

 
            กระทั่งมาถึงยุครุ่งเรืองสุดขีดของ "สิงห์นายด่าน" เกิดขึ้นในปีพ.ศ. 2550 หลังจากเข้าร่วมชิงชัยในศึกลูกหนังดิวิชั่น 1 ได้เพียงแค่ 3 ฤดูกาล ก็สามารถคว้าถ้วยแชมป์มาครองได้สำเร็จ โดย ชวลิต เศรษฐเมธีกุล อธิบดีกรมศุลกากรในขณะนั้นในฐานะนายกสมาคมสโมสร คือหัวเรือใหญ่ในการพาทีมประสบความสำเร็จ
 

             นับแต่คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 เมื่อฤดูกาล 2550 แบบหักปากกาเซียนลูกหนังทุกสำนัก หลังจากนั้นเสมือนว่ากราฟชีวิตลูกหนังของ สิงห์นายด่าน มีแต่ทรงกับทรุด ปี 2551 เลื่อนขึ้นมาเล่นในไทยพรีเมียร์ลีกและตกชั้นกลับมาสู่ไทยลีกดิวิชั่น 1 อีกครั้งภายในปีเดียว

 
            จากสูงสุด..คืนสู่สามัญ ฤดูกาล 2012 "สิงห์นายด่าน" ทอดกายสู่ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 โซนกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งหมายความว่าจะต้องเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่จากศูนย์ !

             แม้ว่าจะต้องกลับมาไต่เต้ากันใหม่ ทว่า "บิ๊กหยิม" ยุทธนา หยิมการุณ ประธานสโมสรในฐานะรองอธิบดีกรมศุลฯ นายใหญ่ผู้มีหัวใจรักในเกมลูกหนังอย่างเต็มเปี่ยม ก็มิได้รู้สึกถอดใจแต่อย่างใด โดยพร้อมที่จะหางบประมาณเพื่อสนับสนุนและสืบสานตำนานคลับลูกหนังแห่งนี้ต่อไป

 
             "ผมเข้าใจสัจธรรมและวัฏจักรของเกมฟุตบอลเป็นอย่างดี ทีมใดก็ตามที่ไม่แข็งแกร่งก็มิอาจยืนหยัดอยู่บนลีกนั้นๆ ได้ เช่นเดียวกับทีมเราที่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง แต่ผมเองในฐานะประธานสโมสรก็พร้อมที่จะสนับสนุนทีมต่อไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณหรือเรื่องอื่นๆ บอกได้เลยว่ายังเต็มที่เหมือนเดิม โดยมีเป้าหมายในการหวนคืนสู่ลีกสูงสุดของประเทศให้ได้โดยเร็วที่สุด" บิ๊กนายด่าน กล่าวอย่างมุ่งมั่น
 

             สำหรับฤดูกาลนี้สโมสรฟุตบอลศุลกากรได้แยกทางกับฝั่งสมุทรปราการ ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อทีมกลับมาเป็น "สิงห์นายด่าน" ศุลกากร ยูไนเต็ด อีกครั้ง เพื่อมนต์ขลังในการออกศึก ไม่ใช่ "ฟอร์ซ่า" ที่เคยผิดหวังอีกต่อไป

             ขุมกำลังหลักของ "สิงห์นายด่าน" มีแข้งเก๋าจาก "สิงห์เจ้าท่า" เข้ามาเป็นตัวชูโรง นำโดย กิตติศักดิ์ ธนสุวรรณ,ณรงค์ฤทธิ์ สามลปาน และอาทร ใสงาม ภายใต้การกุมบังเหียนของ "โค้ชเบนซ์" วรเดช ภูประไพ ซึ่งจะว่าไปแล้วถือว่าศักยภาพไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน

 
            หากย้อนกลับไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน แค่เวทีระดับน้องเล็กอย่างดิวิชั่น 2 ชื่อชั้นของนักเตะ "สิงห์นายด่าน" ผ่านสบาย ทว่าห้วงเวลานี้สังเวียนลูกหนังลีกภูมิภาคไม่หมูเหมือนเดิม ส่งผลให้เจอกับใครก็ไม่ใช่งานง่าย และสะดุดพ่ายคู่แข่งบ่อยครั้งจนชินตา อย่างไรก็ตาม "บิ๊กหยิม" ยังเชื่อมั่นว่าลูกทีมจะกลับมาสู่เส้นทางการเลื่อนชั้นได้ในไม่ช้า

 
            "ต้องยอมรับว่าทีมเรามีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร โดยนักเตะเก่าหลายรายย้ายออกไปและมีนักเตะใหม่เข้ามาเสริม รวมทั้งเราได้มีการเปลี่ยนโค้ชด้วยก็เป็นธรรมดาที่ต้องใช้เวลาปรับจูน ซึ่งผมเองเข้าใจดีว่าผลงานช่วงแรกอาจจะไม่สู้ดีนักเพราะหลายๆ ทีมแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของนักเตะและทีมงานสตาฟฟ์โค้ชทุกคนว่า พวกเราจะกลับมาสู่เส้นทางการลุ้นเลื่อนชั้นอีกครั้ง โดยเป้าหมายแรกคือต้องจบเลกแรกด้วยอันดับท็อปไฟฟ์ แล้วค่อยม่าเร่งสปีดกันอีกครั้งในช่วงเลกสอง"

 
        ศักดิ์ศรีและเกียรติประวัติของ "สิงห์นายด่าน" ศุลกากร ยูไนเต็ด เคยมีชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงลูกหนังไทย ทว่าห้วงเวลานี้กลับกลายเป็น "ยักษ์หลับ" !

  
           อย่างไรก็ตามใช่ว่าการกลับมาทวงคืนความยิ่งใหญ่จะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว โดยสเต็ปแรกที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน คือเรียกฟอร์มเก่งกลับมาโดยเร็วที่สุด เพื่อคลำทางสู่รอบชปล. และต่อยอดไปสู่ยามาฮ่าลีกวันฤดูกาลหน้า ถึงเวลานั้นค่อยกลับมาฝันหวานถึงไทยลีกอีกครั้ง…