"สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ผงาดคว้าตำแหน่งเจ้าสโมสรยุโรปได้สำเร็จหลังไล่ตีเสมอ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ในเวลาปกติ 1-1 ก่อนต่อเวลาพิเศษและต้องตัดสินกันด้วการดวลจุดโทษ และเป็นฝั่ง เชลซี ที่แม่นและมีโชคกว่าเป็นพลิกเอาชนะไปได้ด้วยผล 4-3 และสกอร์รวม 5-4 ประตู และนับเป็นการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ต่อจากการ คว้า ถ้วยเอฟเอคัพ มาก่อนหน้าแล้ว ขณะที่ บาเยิร์น มิวนิค ต้องอกหักได้เพียงแค่รองแชมป์ถึงสามรายการในซีซั่นนี้ ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

นัดชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2011-2012

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม 2555

บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) 1       -       1 เชลซี (อังกฤษ)

(เชลซี ชนะจุดโทษ 4 - 3, ผลรวม 5 - 4 )

สนาม : ฟุตบอล อารีน่า มึนเช่น (มิวนิค, เยอรมัน)    ผู้ชม : 62,500 คน

        บาเยิร์น มิวนิค รองแชมป์บุนเดสลีกาและรองแชมป์เดเอฟเบ โพคาล ลงสนามพบ เชลซี แชมป์เอฟเอ คัพ ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2011-2012 โดยฟาดแข้งที่ฟุตบอล อารีน่า มึนเช่น หรืออัลลิอั๊นซ์ อารีน่า สนามของเสือใต้ ที่กรุงมิวนิค ประเทศเยอรมัน

        จุ๊ปป์ ไฮย์เกส เทรนเนอร์วัย 67 ปี ของบาเยิร์นขาด ดาวิด อลาบา, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ และ ลุยซ์ กุสตาโว่ ติดโทษแบนทั้งหมด แต่สตาร์ตัวรุกอยู่ครบครันทั้ง อาร์เยน ร็อบเบน, โธมัส มุลเลอร์, ฟร้องค์ ริเบรี่ โดยมี "ซูเปอร์มาริโอ" มาริโอ โกเมซ ดาวยิงตัวอันตรายเป็นกองหน้าตัวเป้า

        ส่วน โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ กุนซือรักษาการณ์ชาวอิตาเลี่ยน ของเชลซี หวังคว้าแชมป์ให้ได้
หากทำสำเร็จ พวกเขาจะได้สิทธิ์เข้าไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในรอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาลหน้าทันที ในฐานะแชมป์เก่า แล้วปล่อยให้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมอันดับ 4 ในพรีเมียร์ ลีก ต้องระเห็จไปเล่นในถ้วยยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม แทน

        อย่างไรก็ตาม หาก เชลซี แพ้ พวกเขาจะต้องไปเล่นยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ฐานะแชมป์เอฟเอ คัพ แล้วปล่อยให้ สเปอร์ส ทีมอันดับ 4 ของพรีเมียร์ ลีก ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบเพลย์-ออฟ ซีซั่นหน้า แทน

        เกมนี้ สิงห์บลูส์ขาด บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ราอูล เมยเรเลส, รามิเรส และ จอห์น เทอร์รี่ ติดโทษแบนทั้งหมด แต่ทีมได้ จอห์น โอบี มิเกล กองกลางตัวรับชาวไนจีเรียนหายเจ็บหัวเข่าลงเล่นได้ ขณะที่ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา หัวหอกตัวเก๋าชาวไอวอรี่ โคสต์ เป็นตัวหลักแดนหน้า ส่วน เฟร์นานโด ตอร์เรส นั่งสำรอง และ ไรอัน เบอร์ทรานด์ วัย 22 ปี เล่นปีกซ้าย เป็นการลงสนามนัดแรกของเขาในบอลยุโรป อีกทั้งเขายังเป็นผู้เล่นคนแรกที่ลงเล่นนัดแรกก็เป็นเกมรอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก

        ก่อนเกมมีการร้องเพลงโอปาร่า (Sturm und Drang) การแสดงดนตรี พร้อมขบวนธง และนักเตะทั้งสองทีมเดินเข้าสู่สนาม

        เกมครึ่งแรกเริ่มต้น ผ่านไปเพียง 3 นาที บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ มิดฟิลด์บาเยิร์นโดนใบเหลืองอย่างเร็ว เนื่องจากเจตนาทำแฮนด์บอล

        นาทีที่ 6 เสือใต้ได้บอล โทนี่ โครส ซัลโวจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเข้าข้างตาข่าย

        นาที 14 ฟร้องค์ ริเบรรี่ โยนแม่นยำให้ มาริโอ โกเมซโหม่งข้ามคาน

        15 นาทีแรก เสือใต้เป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า แต่กองหลังเชลซี ยังตั้งรับได้เหนียวแน่น

        นาที 20 บาเยิร์นมีลุ้นที่จะได้ประตูเมื่อ อาร์เยน ร็อบเบน เลี้ยงบอลผ่านกองหลังสิงห์บลูส์ ก่อนยิงในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ทว่าปีเตอร์ เช็ก นายทวารเชลซีใช้เท้าขวาเซฟ และบอลชนเสานอกออกเส้นหลังไปอย่างน่าเสียดาย

        จากนั้นนาที 31 เกมหยุดชะงัก 1 นาที เนื่องจาก ฟร้องค์ ริเบรี่ บาดเจ็บน่องขวา หลังจากโดน โชเซ่ โบซิงวาเตะ แต่กรรมการไม่ได้แจกใบเหลืองให้ แบ็กชวาเชลซี 

        นาที 33 เยโรม บัวเต็ง ทำฟาวล์ แกรี่ เคฮิลล์ ทำให้ เชลซี ได้ฟรีคิกจากนอกกรอบเขตโทษฝั่งขวาระยะ 30 หลา ฆวน มาต้า ซัดฟรีคิกข้ามคาน

        สี่นาทีต่อมา เสือใต้ได้บอล ดีเอโก้ คอนเตนโต้ จ่ายบอลให้ โธมัส มุลเลอร์ ซัดเร็วในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายเข้าข้างตาข่าย และนาที 37 ทีมดังจากอังกฤษโต้กลับเร็ว ซาโลมง กาลู หลุดเข้าไปหวดในกรอบเขตโทษฝั่งขวาติด มานูเอล นอยเออร์ เซฟเป็นครั้งแรกในเกมนี้

        นาที 42 บาเยิร์นมีลุ้นอีกครั้ง ร็อบเบน ทำชิ่งให้ มุลเลอร์ ก่อนมาถึง โกเมซ ดึงจังหวะหลอก แกรี่ โคฮิลล์ ก่อนซัดหน้าประตูข้ามคานไปไกลอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 0-0

        กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้แค่สามนาที บาเยิร์น มีโอกาสทำประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ โทนี่ โครส ซัดด้วยขวาจากแถวสองบอลไปแฉลบหัวของ ดาวิด ลุยซ์ กองหลังของเชลซี ข้ามคานไป

        เชลซี พยายามโต้ขึ้นมาบ้าง ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ได้วอลเลย์จากระยะ 40 หลาบอลพุ่งออกข้างไปในนาทีที่ 51

        สามนาทีให้หลัง เสือใต้ น่าได้อย่างยิ่ง เมื่อ อาร์เยน ร็อบเบน ซัดไปติดบล็อคของ แอชลี่ย์ โคล วิงแบ็คของสิงห์บลูส์ บอลมาเข้าทาง ฟร้องก์ ริเบรี่ ซ้ำเข้าไป แต่ผู้ตัดสิน โปรเอนซ่า เป่าเป็นการล้ำหน้าของ ริเบรี่ ไปก่อนแล้ว ชวดได้ประตูไปอย่างน่าเสียดาย

        หนึ่งชั่วโมงของเกมการแข่งขัน บาเยิร์น ได้โอกาสอีกครั้ง โกเมซ จ่ายให้กับ ร็อบเบน สับด้วยซ้าย แต่ แอชลี่ย์ โคล ยังไวตามมาทิ้งตัวบล็อคไว้ได้ทันท่วงที

        มาถึงนาทีที่ 69 บาเยิร์น ได้โอกาสจากจังหวะที่ ร็อบเบน ไหลจากขวาเข้าในให้กับ โทนี่ โครส วิ่งเข้ามายิงติดกองหลังของเชลซี อีกแล้ว

        สองนาทีให้หลัง เสือใต้ สวนเร็วขึ้นมา ก่อนจังหวะสุดท้ายเป็น ร็อบเบน ซัดด้วยขวาข้างไม่ถนัดหลุดกรอบออกไป

        สิงห์บลูส์ มีจังหวะได้ลุ้นเหมือนกันในนนาทีที่ 72 โบซิงวา โยนเข้ากลางจะให้ ซาโลมง กาลู แต่โดนโหม่งตัดออกมาได้เสียก่อน จากนั้นสองนาทีเป็น เชลซี เปลี่ยนตัวเป็นคนแรกให้ ฟลอร็องต์ มาลูด้า แทน เบอร์ทรานด์

        เกมของบาเยิร์น ยังเหนือกว่า ริเบรี่ พลิกหลบไปได้แต่จังหวะเปิดไปแฉลบผู้เล่นเชลซี บอลจะปลิ้นเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่ ปีเตอร์ เช็ก นายทวารสิงห์บลูส์ กระโดดปัดข้ามคานไปได้อย่างหวุดหวิดในนาทีที่ 76

        แต่แล้วนาทีที่ 83 ความพยายามของเสือใต้ก็มาประสบความสำเร็จได้ประตูขึ้นนำจาก โธมัส มุลเลอร์ ที่หลุดตัวประกบโดดโหม่งโล่งๆ กดลงพื้นบอลเด้งแรงไปชนคานเข้าไปตุงตาข่ายหมดทางที่ ปีเตอร์ เช็ก จะป้องกัน

        นาทีถัดมา สิงโตน้ำเงินคราม ต้องเติมเกมบุกแบบเต็มตัวตัดสินใจส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ลงมาแทน  ซาโลมง กาลู

        นาทีที่ 85 เสือใต้ยังคงไม่ผ่อนเกมบุกมาได้ลุ้นอีกหนึ่งจังหวะจากการพลิกยิงด้วยเท้าซ้ายของ ร็อบเบน แต่บอลไม่มีน้ำนักเท่าไรไปเข้ามือ เช็ก รับไว้ได้

        นาทีที่ 86 เสือใต้ตัดสินใจเปลี่ยน  โธมัส มุลเลอร์ ผู้ทำประตูขึ้นนำให้ เสือใต้ ออกและส่ง ดาเนี่ยล ฟาน บุยเต็น ลงมาแทน

        เชลซี มาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จนาทีที่ 88 จากจังหวะที่ ตอร์เรส กระชากไปริมเส้นด้านขวาและทำให้ทีมได้ลูกแตะมุมก่อนที่ มาต้า จะรับบทโยนบอลเข้ามาในเขตโทษ เสือใต้ ไปที่จุดนัดพบเป็น ดร็อกบา ที่ขึ้นเบียดเอาชนะแผงหลังเสือใต้ขึ้นสะบัดโหม่งบอลพุ่งแรงเข้ากรอบ นอยเออร์ พยายามปัดแต่ด้วยความแรงบอลหลุดเข้าไปตุงตาข่าย

        สิงโตน้ำเงินครามมาได้ลุ้นทำประตูอีกครั้งจากจังหวะที่ มาต้า พาบอลกระชากหน้ากรอบเขตโทษ เสือใต้ ก่อนถูก ฟร้องก์ ริเบรี่ เบียดล้ม และเป็น ดร็อกบา ที่ขอรับหน้าที่แต่เจ้าตัวซัดแรงข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

        และจากจังหวะดังกล่าวกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาทันทีทำให้เสมอกันไปสุดมันส์ 0-0 ต้องไปตัดสินกันในช่วงต่อเวลาพิเศษกันต่ออีก 30 นาที

        มาลุ้นระทึกกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก เป็น เชลซี ที่ครองเกมบุกได้ก่อนและมาได้ลุ้นจากจังหวะที่ ตอร์เรส กระชากเดี่ยวจากครึ่งสนามจี้เข้าไปในเขตโทษ เสือใต้ ก่อนส่งบอลต่อ ให้ มาต้า ซัดเต็มข้อแต่ไปติดแผงหลัง เสือใต้ กระดอนออกไป

        แต่แล้วเสียงเฮของแฟนบอลเจ้าถิ่นก็ดังขึ้นทั้งสนามเมื่อมาได้จุดโทษนาทีที่ 95 จากจังหวะที่ ฟร้องก์ ริเบรี่ พลิกบอลม้วนเข้าไปเขตโทษ เชลซี และเป็น ดร็อกบา ที่ช้ากว่าเข้าไปแตะด้านหลัง เปโดร โปรเอนซ๋า กรรมการเลือดฝอยทองเป่าให้จุดโทษ เสือใต้ ทันที และแจกใบเหลืองให้กับ ดร็อกบา อีกด้วย

        จากงจังหวะดังกล่าว ร็อบเบน อาสารับหน้าที่สังหารจุดโทษก่อนวิ่งมาซัดเต็มข้อด้วยเท้าซ้ายแต่เป็น ปีเตอร์ เช็ก ที่พุ่งถูกทางโชว์เซฟเอาไว้ได้

        ช่วงท้ายของต่อเวลาพิเศษครึ่งแรกต่างฝ่ายต่างเน้นความรัดกุมของแผงหลังจนไม่มีฝ่ายใดบุกเข้าทำประตูได้และหมดเวลาที่ผลสกอร์เท่าเดิน 1-1

        เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งสอง นาทีที่ 107 เสือใต้ โหมเกมบุกเข้าใส่ สิงโตน้ำเงินคราม อย่างหนักและมาพลาดโอกาสทองอย่างน่าเสียดายเมื่อ อีวิก้า โอลิช ได้แปแบบไร้ตัวประกบไม่ถึง 5 หลา แต่บอลหลุดออกเสาไกลไปอย่าน่าเสียดาย

        ดูเหมือนว่า สิงโตน้ำเงินคราม จะเน้นเกมรับเป็นหลักจึงทำให้ เสือใต้ ยังคงเป็นฝ่ายครองเกมเข้าใส่ได้อย่างต่อ

เนื่อง และมา

ได้ลุ้นอีกครานาทีที่ 110 จากการตัดบอลเร็วกลางสนามก่อนจบที่ อนาโตลี ติมอสชุค ที่เติมเกมขึ้นมาซัดไกลแต่บอลเบาไปเข้ามือ เช็ก รับไว้ได้

        นาทีที่ 112 เสือใต้ พลาดได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดายอีกหนึ่งจังหวะ โดย  ฟิลิป ลาห์ม ส่งบอลให้ มาริโอ โกเมซ ซัดไปติด เคฮิลล์ บอลทำท่าว่าจะไหลเข้าประตู แต่ยังมี ดาวิด ลุยซ์ ที่วิ่งมาซัดเคลียร์บอลออกไปได้

        เข้าสู่ 5 นาทีสุดท้ายก่อนทดเวลาของช่วงต่อเวลาพิเศษ เสือใต้ มาได้ลูกฟรีคิก ระยะประมาณ 30 หลาทางฝั่งซ้ายของ เชลซี เป็น ร็อบเบน ที่รับหน้าที่เปิดบอลด้วยเท้าซ้ายแต่แรงเลยไปเข้ามือ เช็ก รับไว้ได้สบาย

        นาทีที่ 119 ตอร์เรส มาถูกใบเหลืองปิดท้ายจากจังหวะไปทำฟาวน์แผงหลังเสือใต้ และเข้าไปพูดแนวไม่ยอมรับคำตัดสินของกรรมการ และก็เป็นจังหวะบุกขึ้นมาครั้งสุดท้ายของ เสือใต้ ก่อน โปรเอนก้า จะเป่าหมดเวลา 120 นาทียังคงเสมอกันอยู่ที่ผล 1-1 ต้องชี้ชะตาหาแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ

        และการดวลจุดโทษเป็นทางฝั่ง สิงโตน้ำเงินคราม ที่แม่นและมีโชคกว่าเป็นพลิกเอาชนะไปได้ด้วยผล 4-3 และสกอร์รวม 5-4 ประตู ผงาดครองบัลลังก์เจ้าสโมสรยุโรปได้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร และนับเป็นการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ต่อจากการ คว้า ถ้วยเอฟเอคัพ มาก่อนหน้าแล้ว ขณะที่ บาเยิร์น มิวนิค ต้องอกหักได้เพียงแค่รองแชมป์ถึงสามรายการในซีซั่นนี้

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

        บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์ - ฟิลิป ลาห์ม (กัปตันทีม), เยโรม บัวเต็ง, อนาโตลี ติมอสชุค,  ดีเอโก้ คอนเตนโต้ - บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โทนี่ โครส - อาร์เยน ร็อบเบน, โธมัส มุลเลอร์, ฟร้องก์ ริเบรี่ - มาริโอ โกเมซ

        สำรอง : ยอร์ก บุทท์ (ผู้รักษาประตู), ราฟินญ่า, อิวิก้า โอลิช, ดาเนี่ยล ฟาน บุยเต็น, ดานิเยล พรานยิช, ทาคาชิ อูซามิ, นีลส์ ปีเตอร์เซ่น

        เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - โชเซ่ โบซิงวา, ดาวิด ลุยซ์, แกรี่ เคฮิลล์, แอชลี่ย์ โคล - จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด (กัปตันทีม) - ซาโลมง กาลู, ฆวน มาต้า, ไรอัน เบอร์ทรานด์ - ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา

        สำรอง : รอสส์ เทิร์นบูลล์ (ผู้รักษาประตู), เปาโล แฟร์เรยร่า, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ไมเคิล เอสเซียง, โอริโอล โรเมอู, เฟร์นานโด ตอร์เรส, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์  

        ผู้ตัดสิน : เปโดร โปรเอนก้า (โปรตุเกส)