ฬาโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เตรียมเปิดฉากอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ ซึ่งมีนักกีฬากว่า 1 หมื่นจากทั้งหมด 204 ประเทศเข้าร่วมชิงชัย จากทั่วโลก และเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย และเตรียมตัวให้พร้อมกับมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกที่ 4 ปีจะมีสักครั้งแบบนี้ "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" ขอเสนอ 10 ไฮไลต์น่าติดตาม ซึ่ง แฟนกีฬาอย่างคนไทย ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ไปดูกันได้เลย!!!

1. ลุ้นนักกีฬาไทย

                  มวยสากลสมัคร กับ ยกน้ำหนัก ความหวังสูงสุดของนักกีฬาไทย

จาก 16 ชนิดกีฬา ที่มีนักกีฬาไทย ผ่านเข้ามาชิงชัยโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ ต้องยอมรับว่า คงมีแค่เพียงไม่กี่ชนิดที่เราสามารถมีลุ้นถึงเหรียญรางวัล และถ้าพูดถึง "เหรียญทอง" อาจเหลือแค่ "ยกน้ำหนัก"​ กับ "มวยสากลสมัครเล่น" ที่เป็นความหวังสูงสุด หากดูจากสถิติที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ประเทศไทย มีตัวแทนนักกีฬาทั้งหมด 37 คน แม้ส่วนใหญ่จะลุ้นยาก เพราะต้องชนกับชาติมหาอำนาจของกีฬานั้นๆ แต่อย่างน้อย เราในฐานะคนไทย ก็พร้อมติดตามเชียร์ ส่งกำลังใจไปให้แน่นอน (โดยเฉพาะอย่างย่ิง ได้ข่าวว่า งานนี้ ไม่มีจอดำ เหมือนยูโร) ไม่ว่าผลจะออกมาแพ้หรือชนะ นั่นก็เป็นแค่เรื่องของกีฬาเท่านั้น แต่โดยส่วนตัวแล้ว เชื่อคนไทยเรา อาจได้เซอร์ไพรส์ จากกีฬาอื่นๆ ก็ได้ใครจะไปรู้

 2. คู่ชิงในฝัน สเปน VS บราซิล

มันส์ระเบิดแน่ ถ้าบราซิล ปะทะ สเปน นัดชิงฯ

แน่นอน เรากำลังพูดถึงกีฬาที่ฮิตที่สุดในโลกอย่าง "ฟุตบอล"​ แม้ว่า ในโอลิมปิก จะมีการจำกัดอายุนักเตะไม่เกิน 23 ปี แถมโควตาอายุเกินแค่ 3 คน แต่ ต้องบอกว่า โลกลูกหนังสมัยนี้ ซุปเปอร์สตาร์อายุน้อย เกิดขึ้นราวกับดอกเห็ด โดยเฉพาะในทีม ชาติบราซิล แชมป์โลก 5 สมัย ก็มี "เนย์มาร์" ดาวยิงเนื้อหอมวัย เพียง 20 ปี นำทัพ ขณะที่  สเปน เจ้าของแชมป์ ยูโร 2 สมัยซ้อน และฟุตบอลโลก 2010 ก็มีแข้งหลายคนได้เล่นกับทีมชุดใหญ่ให้กับสโมสรดัง ทั้ง ดาบิด เดเคอา ของแมนฯยู, ฆอร์บี อัลบา ของ บาร์เซโลนา และ ฆาบี มาร์ติเนซ ของ แอธ.บิลเบา

หากเทียบภาษีตอนนี้ หลายคนอาจบอกว่า สเปน กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น จากความสำเร็จในรายการ เมเจอร์ ใหญ่ ติดกัน 3 ทัวร์นาเมนต์ อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า บราซิล ยังเป็นทีมที่เต็มด้วยผู้เล่นพรสวรรค์สูง และ ขุนพล "แซมบ้า" ชุดนี้ ก็น่าจะเป็น ชุดแห่ง อนาคตของพวกเขา หลังจากกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายสายเลือดใหม่เข้าสู่ทีม อย่างที่ ทีม สเปน เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว ดังนั้น จึงน่าดูชมจริงๆ สำหรับ คู่ชิงในฝันครั้งนี้ พร้อมกับ บทพิสูจน์อีกครั้งว่า สเปน จะประกาศศักดาความเป็นจ้าวลูกหนัง "ของโลก" ทั้งชุดเล็ก,ชุดใหญ่ อย่างแท้จริงได้หรือไม่

 3. ใครจะล้ม ดรีมทีม สหรัฐฯ

ทีมบาสสหรัฐฯ ยอดเยี่ยมไร้เทียมทานสุดๆ

แค่ผลงานในเกมอุ่นเครื่อง ก็นับว่าหรูเลิศอลังการ เพราะขุนพลยัดห่วงสหรัฐฯ "ดรีิมทีม" คว้าชัยชนะมาได้ทั้งหมด 5 นัดรวด ในการเจอกับ โดมินิกัน, บราซิล, สหราชอาณาจักร, อาร์เจนตินา, และล่าสุด สเปน ที่มีดีกรีเป็นคู่ชิงฯ โอลิมปิก 2008 พวกเขาก็ยังย้ำแค้นมาได้อย่างสบายๆ จนทำให้ไม่รู้ว่า ชาติไหน จะมีปัญญามาปราบพวกเขาได้บนโลกใบนี้ เพราะอย่างที่ทราบ ผู้เล่นแต่ละคน ก็เทพๆ กันทั้งนั้น แม้จะขาดตัวเด่นๆ อย่าง เดอร์ริค โรส หรือ ดเวน เหว็ด หรือ ดไวท์​ โฮเวิร์ด ที่บาดเจ็บก็ตาม และที่สำคัญ แต่ละคนก็ยังมาจาก ลีกบาสที่สุดยอดที่สุดอย่าง เอ็นบีเอ อีก นั่นทำให้การแข่งขันโอลิมปิก 16 ครั้งที่ผ่านมา (ไม่ส่งแข่ง 1 ครั้ง) สหรัฐฯ ได้แชมป์ 13 ครั้ง พลาดเพียง 3 ครั้ง ในปี 1972, ปี 1988  และ ปี 2004 ซึ่งชาติที่ล้มพวกเขาได้ก็มีแค่ สหภาพโซเวียต (2ครั้ง) และ อาร์เจนตินา เท่านั้น

 4. อูเซน โบลต์​ เร็วได้อีก?

อูเซน โบลต์ จะวิ่งได้ถึง 9.4 วินาที อย่างที่คุยได้หรือไม่

กับ สถิติโลก ที่เร็วที่สุด 9.58 วินาที แต่ เจ้าของผลงาน "อูเซน โบลต์" ยอดลมกรดชาวจาไมกา ประกาศกร้าวว่า เขายังสามารถพัฒนาฝีเท้าเร็วได้อีกถึง 9.4 วินาที ซึ่งมันอาจเกิดขึ้นในศึกลอนดอนเกมส์ 2012 และนั่นก็เป็นสิ่งที่แฟนกีฬาหลายคน ตั้งตารอดูว่า โบลต์​ จะทำช็อกโลกได้อีกครั้งหรือไม่ หรือว่า จะมีนักวิ่งคนใด ก้าวขึ้นมาสยบเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเร็วๆนี้ มนุษย์ที่ขึ้นชื่อว่าเร็วที่สุดของโลก เพิ่งถูกลบเหลี่ยมโดย เพื่อนร่วมชาติรุ่นน้องอย่าง โยฮัน เบลค ในการแข่งขันในบ้านเกิดที่ผ่านมา แต่เจ้าตัวก็ ยังมั่นใจว่า "ของจริง" จะมีให้ดูแน่ ในศึกครั้งนี้

 5. แกรนด์ สแลมที่ 5

โรเจอร์ เฟเดเรอร์ (ซ้าย) กับ มาเรีย ชาราโปวา (ขวา)

เทนนิส ถือเป็นกีฬาไม่กี่ประเภทที่เปิดโอกาสให้นักกีฬาอาชีพระดับโลกได้ทำการแข่งขันในโอลิมปิก และครั้งนี้ ดาวดังทั้งประเภทชายและหญิง ก็ตบเท้าชิงชัยกันเพียบ ไม่ว่าจะโรเจอร์ เฟเดเรอร์ จากสวิตเซอร์ ซึ่งแม้จะกวาดมาแล้วทุกแกรนด์ สแลม แต่ก็ยังขาดเหรียญทอง เทนนิส ชายเดี่ยว โอลิมปิก, โนวัค ยอโควิช จากเซอร์เบีย และ แอนดี เมอร์เรย์ ความหวังเจ้าภาพ ก็หวังลบรอยแค้นพ่ายในนัดชิงฯ​วิมเบิลดัน สอยเหรียญทองปลอบใจ น่าเสียดาย ที่ขาดก็แต่ ราฟาเอล นาดาล แชมป์เก่าจากสเปน ที่ไม่ฟิต ขณะที่่ฝ่ายหญิง วีนัส วิลเลียมส์​ จากสหรัฐฯ, มาเรีย ชาราโปวา จากรัสเซีย และ วิคตอเรีย อซาเรน มือ 1 ของโลก จากเบลารุส ก็จัดเต็ม และแบบนี้ มันก็แทบไม่ต่างอะไรกับ ศึกเทนนิส แกรนด์ แสลมที่ 5ของปี แต่พิเศษตรงที่ 4 ปีจะมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

 6. บัลลังก์เจ้าเหรียญทอง

สหรัฐฯ,จีน,รัสเซีย ชิงเจ้าเหรียญทอง

โอลิมปิกเกมส์ 3 ครั้งหลังสุด มีเพียง 3 ชาติ ที่เกาะกลุ่มขับเคี่ยวแย่งชิงเจ้าเหรียญทองกัน ได้แก่ 3 ชาติมหาอำนาจของโลก อย่าง สหรัฐฯ​,​จีน และ รัสเซีย โดยส่วนใหญ่ จะเป็นทัพนักกีฬามะกัน ที่โกยเหรียญทองมากสุด ยกเว้นเพียงปี 2008 ที่จีน เป็นเจ้าภาพ ซึ่งแชมป์​จะได้ประมาณ 30-50 เหรียญทอง อย่างไรก็ตาม การแข่งขันครั้งนี้ ก็คงประมาทไม่ได้ กับทีม สหราชอาณาจักร ที่อาจได้เหรียญทองเพิ่มจากเดิมไม่มากก็น้อย จนน่าจะมีลุ้นขึ้นมาสอดแทรกด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกีฬาที่พวกเขาถนัดอย่าง จักรยาน , ​เรือพาย, ว่ายน้ำ และ กรีฑา

7. ผลงาน 'ไมเคิล เฟลป์ส'

ไมเคิล เฟลป์ส ฉลามหนุ่มมะกัน

ยอดนักว่ายน้ำชาวอเมริกัน สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองให้กับตัวเองถึง 8 เหรียญ ในการแข่งว่ายน้ำ โอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน ทำลายสถิติเดิมของ มาร์ สปิตซ์ ตำนานนักว่ายน้ำอเมริกัน ที่ทำไว้ 7 เหรียญทอง ตั้งแต่ปี 1972 จนทำให้เขาได้รับการยกย่องจากคนในวงการว่ายน้ำ รวมถึงกีฬาต่างๆ ว่า เขาอาจเป็นนักว่ายน้ำ และนักกีฬาโอลิมปิกที่ดีที่สุดตลอดกาลเลยก็ว่าได้ แต่หลังจากต้องเจอมรสุมชีวิตนอกสนามในปี 2009 จากความคึกคะนองถูกแฉแอบเสพกัญชาในงานปาร์ตี้ จนทำให้ต้องโดนแบนไปหลายเดือน ก่อนจะกลับมาลงสระอีกครั้ง แต่เขาก็ยังต้องใช้เวลาเคาะสนิมอีกพอสมควรกว่าจะกลับมาถึงจุดสุดยอดของตัวเอง

และในโอลิมปิกครั้งนี้ เขาผ่านการควอลิฟายได้ 8 รายการ แต่ขอถอนตัว 1 รายการจากฟรีสไตล์ 200 เมตรชาย ทำให้เขาจะลงแข่ง 7 รายการ และเราต้องมาลุ้นกันว่า "ฉลามเฟลป์ส" ในวัย 27 ปี จะฟาดไปได้สักกี่เหรียญทอง โดยเฉพาะเมื่อต้องฟาดฟันกับ นักว่ายน้ำเพื่อนร่วมชาติอย่าง ไรอัน ล็อกตี เจ้าของรางวัลนักว่ายน้ำแห่งปีของสหรัฐฯและโลก 2 สมัยล่าสุด ที่ได้โอกาสลงว่าย 4 รายการ

 8. จ้าวแห่งยิมนาสติก

ชาติใดจะเป็นสุดยอดยิมนาสติกครั้งนี้

หากพูดถึงกีฬายิมนาสติก ชาติที่หลายคนนึกถึงคงไม่พ้น รัสเซีย และ จีน ที่สามารถคว้าเหรียญทองจากกีฬาประเภทนี้ได้เป็นกอบเป็นกำ ทั้งประเภทหญิงและชาย ในศึกโอลิมปิก 3 ครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม จากการเป็นเจ้าภาพครั้งที่แล้ว ทำให้จีนครองเจ้าเหรียญทองของยิมนาสติกไปครองแบบไม่ต้องสงสัย แต่สำหรับครั้งนี้ ในประเทศเป็นกลาง ทำให้รัสเซีย และจีน อาจได้บดบี้กันสนุกมากขึ้น นอกจากนี้ ก็ยังมี สหรัฐฯ และ โรมาเนีย พร้อมที่จะเบียดเข้ามาสอดแทรกด้วยเช่นกัน ซึ่งเสน่ห์ของกีฬากระโดด โลดโผน ตีลังกานี้ นอกเหนือจากการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของมนุษย์ตัวเปล่า ในการท้าทายกับแรงโน้มถ่วงของโลกแล้ว ยังมีบรรดานักกีฬาหนุ่ม,สาว หน้าตาจิ้มลิ้ม รวมถึง หุ่นเฟิร์ม,กล้ามโต, ผอมเพรียวเอวบางร่างน้อย ให้แฟนๆ ได้ติดตามเป็นอาหารตาอีกด้วย

 9. ตามแช่ง ตบสาว ญี่ปุ่น

วอลเลย์หญิงญี่ปุ่น สร้างรอยช้ำให้คนไทย

แค้นนี้จะให้ผ่านไปกี่ปีก็ไม่หาย จนกว่าทีมตบลูกยางสาวไทย จะได้โอกาสคว้าตั๋วไปลุยโอลิมปิกรอบสุดท้ายอีกครั้ง ที่ บราซิล ในปี 4 ปี ข้างหน้า หลังจากต้องชวดที่นั่งในปีนี้ เพราะสาวญี่ปุ่น ทำแสบแพ้ให้กับ เซอร์เบีย แบบน่ากังขา ในการแข่งขันรอบคัดเลือก เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้งานนี้ สาวกทีมวอลเลย์สาวไทย ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะอยู่ดูหน้าจอให้ชีช้ำ แต่อย่างน้อย ก็ขอช่วยกันส่งพลัง "แช่ง" ให้สาวยุ่น ทำผลงานได้ล้มเหลวในทัวร์นาเมนต์นี้ ก็ยังดี เพื่อเป็นการแก้แค้นอีกดอก หลังจากล้างแค้นได้ครั้งหนึ่งในศึกเวิลด์ กรังด์​ปรีซ์ แต่มันก็ยังไม่สาสมกับการเล่นที่ "ไร้สปิริต" ของชาติ ที่ประกาศตัวว่า หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองเหลือเกิน เพราะฉะนั้น จะเป็น สหรัฐฯ, บราซิล, จีน หรือ เกาหลีใต้ คว้า 1-3 อันดับแรก ชาติไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ ญี่ปุุ่น

 10. พิธีเปิด-ปิด โอลิมปิก

หลายคนรอชมความอลังการของพิธีเปิดและปิดโอลิมปิก

สำหรับ ทัวร์นาเมนต์กีฬาระดับนานาชาติอย่างนี้ ทุกคนก็คงไม่อยากพลาดที่จะรอชมงานพิธีเปิด-ปิด อันอลังการของแต่ละชาติเจ้าภาพที่ ภูมิใจนำเสนอ ซึ่งเป็นส่ิงหนึ่งที่สามารถอวดให้ชาวโลกได้เห็นถึงศักยภาพของประเทศของพวกเขาได้เป็นอย่างดี นอกจากการแสดงแบบที่ต้องใช้คนมหาศาลในการร้องรำทำเพลง แอ็ฟเฟ็คสีสันในสนามแล้ว ที่ขาดไม่ได้ คงจะเป็นเหล่าซุปเปอร์สตาร์ทั้งดารา,นักร้อง,ศิลปิน ทุกแขนง ที่พร้อมใจขนกันมาเพียบเพื่อร่วมงานเป็นเกียรติให้กับตนเองและวงศ์ตระกูล จึงน่าสนใจว่า ชาติอย่าง อังกฤษ ที่ไม่เป็นสองรองใครในเรื่องบันเทิงเริงรมณ์แบบนี้ จะมีทีเด็ดอะไรที่ทำให้เรา "ชาวโลก" ได้ตะลึงกันบ้าง และจะแตกต่าง แปลกใหม่ กว่าที่เคยๆ หรือเปล่า ต้องรอชม ในพิธีเปิด 27 ก.ค. และพิธีปิด 12 ส.ค.นี้