''บังยี'' วรวีร์ มะกูดี แจงข้ามฟากมาจากอังกฤษให้สโมสรต่างๆ เลิกหวั่นไหวกับเรื่องของ ''คลับ ไลเซนส์ซิ่ง'' หรือใบอนุญาตส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันตามที่ เอเอฟซี แจ้งออกมาเพื่อใช้ในปี 2013 นี้ ชี้ว่าส่วนตัวนั่งเป็นคณะกรรมการบริหารเอเอฟซีอยู่แล้วย่อมรู้เรื่องทุกอย่างดี เผยคลับไลเซนส์ซิ่งต้องการทำเพื่อยกระดับมาตรฐานสโมสรในเอเชียให้เท่าเทียมกัน โดยไทยยังคงได้ 1 ที่นั่ง และเพลย์ออฟอีก 1 ที่นั่ง ย้ำถ้าต้องการที่นั่งเพิ่มทุกสโมสรก็ต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้สูงขึ้น

จากกระแสความหวั่นไหวของสโมสรระดับสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีกที่เริ่มจะมีการวิจารณ์หนาหูมากขึ้นในกรณีการออก "คลับ ไลเซนส์ซิ่ง" หรือใบอนุญาตส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันตามที่คณะกรรมการพัฒนาฟุตบอลลีกของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี มีคำสั่งลงมา ขณะที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยยังนิ่งเฉยกับเรื่องนี้จนเกรงว่าการดำเนินการจะไม่ทันการ จนอาจมีผลกระทบกับโควตาในการเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลระดับเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อไปได้

ล่าสุด ทางด้าน "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการบริหารสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ  หรือฟีฟ่า  ซึ่งกำลังมีภารกิจในการเป็นหัวหน้าคณะกรรมการผู้ควบคุมการแข่งขันฟุตบอลหญิงในกีฬาโอลิมปิก 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยว่า

จากการที่สโมสรต่างๆ ได้เร่งเร้าให้สมาคมฟุตบอลฯ ดำเนินการเรื่อง "คลับ ไลเซนส์ซิ่ง" หรือใบอนุญาตส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันให้เรียบร้อย เพื่อให้ทันในปี ค.ศ. 2013 ตามที่เอเอฟซีกำหนด หากลีกของชาติใดไม่ผ่านตามกฎเกณฑ์ต่างๆ หรือบรรทัดฐาน (Criteria)

ที่เอเอฟซีกำหนดไว้ อาจจะถูกตัดสิทธิ์เข้าแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2013 ได้ เรื่องนี้ตนเองได้ยืนยันมาหลายครั้งแล้วว่า ไม่ต้องตื่นตระหนกจนเกินไปนัก เพราะ เอเอฟซี ไม่ได้เข้มงวดอย่างที่หลายๆ ฝ่ายเข้าใจกัน
  
นายกสมาคมฟุตบอลไทยชี้แจงเหตุผลว่า ตนเองเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารของ เอเอฟซี ย่อมต้องรับทราบนโยบายต่างๆ ที่ เอเอฟซี กำหนดออกมาอยู่แล้ว เมื่อหลายวันก่อนตนได้หารือกับเจ้าหน้าที่ของ เอเอฟซี ที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง ก็คือ มร.วินเซอร์ จอห์น ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยฝ่ายการจัดการแข่งขัน ก็ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเรียบร้อยแล้วว่า

ในกรณีของ "คลับ ไลเซนส์ซิ่ง" เอเอฟซี วางนโยบายว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาสโมสรให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกันทั่วทั้งทวีป ทว่าไม่ใช่ประเด็นหลักในการจะปรับลดหรือเพิ่มสิทธิ์ในการส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่อย่างใด

ซึ่งต้องทำความเข้าใจว่ามันจะแยกออกจากกัน อย่างไรก็ตาม ในเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆ  ที่ เอเอฟซี กำหนดไว้ ก็ให้ทุกสโมสรดำเนินการต่อไปตามเดิม แล้ว เอเอฟซี ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ประเมินผลเป็นระยะๆ แต่ไม่ใช่ว่าหากเราไม่ผ่านเกณฑ์แล้วจะหมดสิทธิ์เข้าแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างที่กลัวกัน

"ที่ผ่านมาเราได้สิทธิ์เข้าแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 ที่นั่งและได้สิทธิ์ในการแข่งรอบเพลย์ออฟอีก 1 ที่นั่ง หากสโมสรต่าง ๆ อยากได้ที่นั่งเพิ่มก็ต้องพยายามทำมาตรฐานให้สูงขึ้นจนได้คะแนนประเมินผลผ่านตามหลักเกณฑ์ของ เอเอฟซี

ผมยืนยันว่าสมาคมฟุตบอลฯ จะออกใบอนุญาตส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันให้แก่ทุกสโมสรที่เข้าร่วมในสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีกแน่นอน พร้อมกันนั้นก็จะออกให้แก่สโมสรที่ร่วมในยามาฮ่า ลีกวัน รวมทั้งเอไอเอส ลีก ภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ด้วย แต่จะไม่ใช้มาตรฐานเดียวกัน อาจจะกำหนดมาตรฐานว่าเป็นคลับ ไลเซนส์ซิ่ง ระดับ A-B-C ลดหลั่นกันลงไป" บังยี กล่าว
  
สำหรับแผนการเตรียมทีมชาติไทยชุดชิงแชมป์อาเซียน หรือ "เอเอฟเอ ซูซูกิ คัพ 2012" วรวีร์ มะกูดี กล่าวว่า สมาคมฟุตบอลได้วางแผนอุ่นเครื่องอย่างเป็นทางการเอาไว้อย่างน้อย 2 นัด โดยนัดแรก เป็นการแข่งขันฟุตบอลการกุศล ซึ่งมูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ประสานงานมายังสมาคมฟุตบอลฯ ว่าให้จัดการแข่งขันนัดพิเศษเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 12 ส.ค. นี้ โดยตนได้มอบหมายให้ วินฟรีด เชเฟอร์ จัดผู้เล่นทีมชาติไทยจากสโมสรต่าง ๆ มารวมกันในนาม "ไทยแลนด์ ซีเลคชั่น" โดยไม่ใช้ชื่อทีมชาติไทย เพื่อแข่งขันกับทีมรวมนักเตะต่างชาติที่ค้าแข้งอยู่ในไทยพรีเมียร์ลีก ในวันที่ 15 ส.ค. ที่สนามศุภชลาศัย     

นอกจากนี้ "บังยี" ยังกล่าวเสริมอีกว่า ส่วนนัดที่สองทีมชาติไทยจะอุ่นเครื่องกับทีมชาติอิรัก วันที่ 5 ก.ย.หรือ 6 ก.ย.ที่สนามศุภชลาศัยเช่นกัน ซึ่งเลื่อนจากกำหนดการเดิมคือวันที่ 12 ก.ย.ให้เร็วขึ้น โดยจะประสานกับ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ให้ปรับเลื่อนโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก เพื่อเปิดทางให้ทีมชาติไทยอุ่นเครื่องต่อไป