ฟุตบอลคอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ รอบรองชนะเลิศ

 วันพุธที่ 26 มิถุนายน 2556

 บราซิล 2-1 อุรุกวัย

สนาม : เอสตาดิโอ มิเนยเรา (เบโล่ ฮอริซอนเต้, บราซิล)
 
         หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ เทรนเนอร์มากฝีมือของ "เซเลเซา" ทีมชาติบราซิล อดีตแชมป์โลก 5 สมัย พาทีมโชว์ฟอร์มได้ดีเหลือเกิน เกมนี้ได้ ดาวิด ลุยซ์ ปราการหลังที่มีอาการบาดเจ็บกลับมาลงเล่นได้ แถมแดนกลางยังได้ เปาลินโญ่ กองกลางตัวรับคนเก่งหายเจ็บกลับมาลงสนามเป็นสิบเอ็ดคนแรก
 
         ทางด้าน "จอมโหด" ทีมชาติอุรุกวัย ต้องขาด อันเดรส สกอตติ ปราการหลังที่ติดโทษแบน 1 นัด อย่างไรก็ตามข่าวดีคือได้ตัว ดีเอโก้ ลูกาโน่ ปราการหลังกัปตันทีมพ้นโทษแบนกลับมาพอดี

<% response.ContentType="text/html; charset=tis-620"%>       เริ่มเกมการแข่งขัน บราซิล เป็นฝ่ายครองเกมบุกต่อเนื่อง แต่จังหวะสุดท้ายยังขาดเกินๆ ไม่สามารถเจาะแนวรับทีมเยือนได้

       นาทีที่ 13 ดาวิด ลุยซ์ ไปดึง ดีเอโก้ ลูกาโน่ ล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษพร้อมแจกใบเหลืองให้กับ ดาวิด ลุยซ์

        นาทีที่ 14 อุรุกวัย พลาดได้ประตูขึ้นนำอย่างเหลือเชื่อ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ซัดจุดโทษไปโดน ชูลิโอ เซซาร์ พุ่งปัดไว้ได้ปลายมือ

      นาทีที่ 17 เจ้าบ้านได้ลุ้นบ้าง ออสการ์ ลองซัดไกลจากหน้าเขตโทษแต่บอลหลุดกรอบออกไป


      นาทีที่ 21 เอดินสัน คาวานี่ โดนใบเหลืองบ้างหลังไปทำฟาวล์ใส่ เนย์มาร์


     นาทีที่ 24 ทีมเยือนได้ลุ้นประตูอีกครั้งจากลูกทุ่ม มักซิมิเลียโน่ เปเรย์ร่า  ทุ่มไกลไปหน้าปากประตู ชูลิโอ เซซาร์ ออกมาชกบอลไม่ดี บอลลอยโด่งมาเข้าหัว คริสเตียน โรดริเกซ ที่ตัดสินใจโขกสวนเข้าไป แต่บอลไปตกบนตาข่าย


     ผ่านครึ่งชั่วโมง รูปเกมของ อุรุกวัย ดูดีขึ้นและได้ลุ้นประตูอีกครั้ง คริสเตียน โรดริเกซ จ่ายบอลเข้ากลางไปให้ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน พลิกตัวยิงด้วยซ้ายระยะ 20 หลา บอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปชนิดได้ลุ้น


      นาทีที่ 39 หลุยส์ กุสตาโว่ โดนใบเหลืองหลังไปเจตนาเล่นหนักใส่ คริสเตียน โรดริเกซ


      นาทีที่ 41 บราซิล ขึ้นนำจากจังหวะที่ เนย์มาร์ หลุดเข้าไปยิงทางริมเส้นฝั่งซ้าย เฟร์นานโด มุสเลร่า ผู้รักษาประตูอุรุกวัยพุ่งออกมาบล็อกได้ทัน แต่โชคร้ายบอลกระดอนไปหน้าประตู เฟร็ด เลยยิงเฉือนๆเข้าประตูไป เจ้าภาพขึ้นนำ 1-0

      จบครึ่งเวลาแรก บราซิล เป็นฝ่ายนำ อุรุกวัย 1-0


      กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งเวลาหลังแค่ 3 นาที ทีมจอมโหดก็มาได้ประตูจากจังหวะที่ อุรุกวัย ทำเกมบุกขึ้นมา ดูท่าเหมือนไม่มีอะไรเมื่อ ติอาโก้ ซิลวา ตัดบอลได้แล้ว แต่กลับจ่ายบอลให้ มาร์เชโล่ ในเขตโทษตัวเองที่ยังไม่พร้อมเล่น เอดินสัน คาวานี่ เลยแย่งบอลไปได้ก่อนซัดด้วยซ้ายเสียบเสาเข้าไป อุรุกวัย ตามตีเสมอ 1-1


     นาทีที่ 57 ทีมแซมบ้ามาได้ลูกฟรีคิกระยะ 35 หลา ฮัล์ค วิ่งปั่นด้วยซ้ายบอลพุ่งโค้งสุดแรงเข้าหาประตู เฟร์นานโด มุสเลร่า ต้องชกทิ้งออกไป


      นาทีที่ 64 บราซิล ขยับเปลี่ยนตัวโดยส่ง แบร์นาร์ด ลงสนามมาแทน ฮัล์ค


     นาทีที่ 66 อุรุกวัย เกือบได้ประตูพลิกนำจากลูกฟรีคิกระยะ 30 หลา ดีเอโก้ ฟอร์ลัน เปิดเข้าไปในเขตโทษ หลุยส์ ซัวเรซ เทกตัวโหม่งบอลจะเสียบใต้คานอยู่แล้วแต่ ชูลิโอ เซซาร์ พุ่งปัดออกหลังไปได้


     นาทีที่ 69 เนย์มาร์ ทำชิ่งกับ ออสการ์ ก่อนหลุดเข้าไปยิงด้วยขวาแต่ไม่มุมพอ เฟร์นานโด มุสเลร่า เลยรับไว้ได้


      นาทีที่ 73 เกมรุกของเจ้าบ้านดูตื้อๆ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ เทรนเนอร์ของทีมเลยส่ง แอร์นาเนส ลงแทน ออสการ์


      นาทีที่ 74 อัลวาโร่ กอนซาเลซ ของอุรุกวัย รับใบเหลือง


      เกมเริ่มหนัก นาทีที่ 75 มาร์เชโล่ รับใบเหลืองหลังไปเจตนาทำฟาวล์เพื่อหยุด เอดินสัน คาวานี่


     นาทีที่ 79 หลุยส์ ซัวเรซ ลากบอลขึ้นมาก่อนจ่ายเข้ากลางให้ เอดินสัน คาวานี่ แตะหลบ แอร์นาเนส ก่อนยิงด้วยซ้าย บอลไปแฉลบ หลุยส์ กุสตาโว่ เกือบเสียบเสาแรก


      นาทีที่ 83 อุรุกวัย ต้องเปลี่ยนตัวส่ง วอลเตอร์ การ์กาโน่ ลงมาแทน อัลวาโร่ กอนซาเลซ ที่มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว


      นาทีที่ 86 จากลูกเตะมุม เนย์มาร์ เปิดโด่งเข้าไปที่เสาสอง เปาลินโญ่ เทกตัวได้เหนือกว่า มาร์ติน กาซาเรส  ก่อนโขกตุงตาข่ายไม่เหลือ บราซิล ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1


      นาทีที่ 90 บราซิล เปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ส่ง ดันเต้ ลงมาแทน เนย์มาร์


     จบเกม บราซิล เป็นฝ่ายเอาชนะ อุรุกวัย ไปได้ 2-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ โดยจะเข้าไปพบผู้ชนะระหว่าง สเปน กับ อิตาลี ที่จะลงทำการแข่งขันในคืนวันนี้

         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
     บราซิล(4-3-3): ชูลิโอ เซซาร์ ; ดาเนียล อัลเวส, ดาวิด ลุยซ์, ติอาโก้ ซิลวา, มาร์เชโล่ ; หลุยส์ กุสตาโว่, ออสการ์, เปาลินโญ่ ; เนย์มาร์,  ฮัล์ค, เฟร็ด
     อุรุกวัย(4-3-3): เฟร์นานโด มุสเลร่า ; คริสเตียน โรดริเกซ, ดีเอโก้ ลูกาโน่, ดีเอโก้ โกดิน, มาร์ติน กาซาเรส  ; เอคิดิโอ อเรวาโร่ ริออส , อัลวาโร่ กอนซาเลซ, มักซิมิเลียโน่ เปเรย์ร่า ; ดีเอโก้ ฟอร์ลัน, เอดินสัน คาวานี่, หลุยส์ ซัวเรซ

ผู้ตัดสิน : เอนริเก้ ออสเซส (ชิลี)