ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 23

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม 2558

เชลซี 1-1 แมนฯ ซิตี้

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

          บิ๊กแมตช์ระหว่างสองทีมหัวตารางที่ 3 คะแนนมีค่ากว่าทอง เชลซี รับข่าวร้ายก่อนทำศึกเมื่อไร้ ดิเอโก้ คอสต้า ถูกกัก 3 นัดจากคดี"แสตมป์" และ เชส ฟาเบรกาส เจ็บทีมปรับหมากด้วยการส่ง โรอิค เรมี่ กับ รามิเรส ทดแทนตามดับ ขณะที่เกมรับ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช สลัดอาการเดี้บงลงประจำการณ์แบ็กขวา

          ด้าน แมนฯ ซิตี้ ไร้สองแข้งทีมชาติ ไอวอรี่โคสต์อย่าง ยาย่า ตูเร่ และ วิลฟรีด โบนี่ เกมรุก เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'' เป็นความหวังสูงสุด บนม้านั่งสำรองแฟร้งค์ แลมพาร์ด อดีตนักเตะ "สิงห์บลูส์" รอพลิกเกม

          เขี่ยบอลแค่ 18 วินาที "เรือใบสีฟ้า" ได้ลองสับไกก่อน เจมส์ มิลเลนอร์ กระดกออกฝั่งขวาให้ เฆซุส นาบาส หวดเน้นๆลูกพุ่งเข้ากรอบแต่ไปตรงตัว ติโบต์ กูร์กตัวส์

          เกือบเป็นหายนะของทีมจากลอนดอนเมื่อ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ถูกแย่งบอลหน้าเขตโทษลูกหลุดถึง นาบาส รอจังหวะแล้วแทงให้ แฟร์นันดินโญ่ สอดเข้ากดในกรอบฝั่งขวาลูกแฉลบบล็อก เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ออกหลังเสียแค่เตะมุม

          อีกหนึ่งความผิดพลาดของ อิวาโนวิช นาทีที่ 24 เมื่อเสียบอลหน้าบ้านตัวเองให้ เจมส์ มิลเนอร์ ฉกไปจ่ายเข้าเขตโทษ เซร์คิโอ อเกวโร่ สปีดไปตามเก็บโยกหนี เคิร์ต ซูม่า เข้ายิงมุมแคบด้งยซ้ายเดือดร้อน ติโบต์ กูร์กตัวส์ ทุบทิ้งไปไกล

          จ่าฝูงมีหมัดสวนเช่นกันเกมผ่านครึ่งชั่วโมงเมื่อ โลอิค เรมี่ ไปฉกบอลจาก แว็งซ็องต์ ก็องปานี กลางสนามเลี้ยงขึ้นมาจนเกือบสุดเส้นฝั่งซ้ายแล้วเปิดหักกลับมาหน้าเขตโทษ ออสการ์ วิ่งเข้าแปด้วยซ้ายแต่ลูกไม่มีน้ำหนักและไปตรงตัว โจ ฮาร์ท

          จากนั้นอีกสามนาทีจังหวะกังขาเมื่อ รามิเรส ก็กระดกบอลไปโดนแขน เดมิเคลิส ในเขตโทษแต่ผู้ตัดสินจึงไม่เป่า ทำให้"เรือใบสีฟ้า"วางบอลยาวสวนขึ้นหน้าทันที จอห์น เทอร์รี่ ที่ห้อยตัวสุดท้ายทำลูกหลุดเท้า อเกวโร่ จึงหลุดเดี่ยวเข้าเข่นในกรอบเขตโทษด้านขวาระยะ 16 หลาถากเสาสองไปนิดเดียว

          ก่อนจบครึ่งแรกสี่นาที "สิงห์บลูส์"ออกนำจนได้ จังหวะขึงเกมรุกหน้าบ้าน"ซิตี้" บรานิสลาฟ อิวาโนวิช วางลึกข้ามไปเกือบสุดเส้นฝั่งซ้าย เอแด็น อาซาร์ตามไปตวัดเรียดจังหวะเดียวกลับมาหน้าประตูผ่าน แว็งซ็องต์ ก็องปานี ที่ไม่กล้าเหยียดเท้าสกัดถึง โลอิค เรมี่ แท็บอินง่ายๆเข้าไปเบิกสกอร์ 1-0 ฝั่งเจ้าถิ่น

          แต่ดีใจแค่สี่นาทีเสมอกลับมาเท่ากันที่ 1-1 เฆซุส นาบาส สอดขึ้นรับบอลริมเส้นฝั่งขวาแล้วครอสเข้าเขตโทษ เจมส์ มิลเนอร์ โดดตัดหน้า ติโบต์ กูร์กตัวส์ทำให้ชกบอลไม่พ้นอันตราย "กุน"เก็บได้หน้าเขตโทษตั้งป้อมกดด้วยขวาลูกพุ่งเรียดแม้วิถีไม่ตรงกรอบแต่ ดาบิด ซิลบา ที่ยืนถูกที่ถูกเวลาจิ้มระยะไม่ถึง 6 หลาเปลี่ยนทางเข้าประตู เป็นแอ็กชั่นสุดท้ายก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-1 แบบสมศักดิ์ศรี

          เริ่มครึ่งหลังมา 10 นาทีโอกาสหนแรกของเกมเป็นของอาคันตุกะ เฆซุส นาบาส ได้หลุดจนเส้นหลังฝั่งขวาตักหยอดเข้ากรอบเขตโทษ แฟร์นันดินโญ่ วิ่งสอดเข้าโขกแถวจุดโทษลูกกระดอนพื้นเด้งจะซุกใต้คานเดือดร้อน ติโบต์ กูร์กตัวส์ ถอยไปปัดทิ้งออกหลังได้ทันเวลา

          ยังเป็น"เรือใบสีฟ้า"บุกแล้วได้จบสกอร์นาทีที่ 65 นาบาส คนเดิมได้หลุดเข้าเปิดกดดนเข้ากรอบอีกครั้งคราวนี้เปลี่ยนเป็น เจมส์ มิลเนอร์ ขึ้นโหม่งตรงกลางประตูแต่ลูกโด่งข้ามคาน

          ขยับมาอีกสามนาที "ซิตี้" ได้สับไกอีกครั้งเมื่อผู้เล่น เชลซี ชะงักเพราะคิดว่าฝ่ายตนถูกทำฟาวล์แต่ มาร์ค แคล็ทเท่นเบิร์ก ผายมือเป็นสัญญาณเล่นต่อแฟร์นันดินโญ่ จึงรับบอลจาก เจมส์ มิลเนอร์ มากดจากระยะ 25 หลาบอลพุ่งต่ำจะเสียบเสาแต่ กูร์กตัวส์ ล้มตัวเซฟแบบไร้ปัญหา

          ก่อนหมดเวลา 15 นาทีเสียงปรบมือในเดอะบริดจ์ดังระงมเมื่อ แฟร้งค์ แลมพาร์ด อดีตขวัญใจคนเดิมถูกเปลี่ยนตัวลงสนามทว่าคราวนี้ลงเล่นในเครื่องแบบสีฟ้า

          จากนั้นทั้งสองฝั่งประคองสถานการณ์ไม่ผลีผลามจบเกม เชลซี เสมอ แมนฯ ซิตี้ 1-1 เก็บเพิ่มทีมละหนึ่งแต้ม จ่าฝูง "สิงบลูส์" มี 53 คะแนน ส่วน "เรือใบ" มี 48 แต้ม ยังห่าง 5 คะแนนเหมือนเดิม