"สิงห์บลูส์" เชลซี เล่นได้ดีกว่าพร้อมทั้งมีการจบสกอร์ที่เฉียบคม ก่อนเป็นฝ่ายเอาชนะ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แบบไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก 2-0 ผงาดคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 5 ในการแข่งขันฟุตบอล แคปิตอล วัน คัพ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา

ฟุตบอล แคปิตอล วัน คัพ รอบชิงชนะเลิศ

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2558

เชลซี (พรีเมียร์ลีก) 2-0 สเปอร์ส (พรีเมียร์ลีก)

สนาม : เวมบลีย์ (สนามกลาง)

          ศึกชิงดำของ ลีก คัพ เมืองผู้ดีที่สังเวียนเวมบลีย์  เชลซี ปรับทัพ 5 ตำแหน่งจากเกมลีก ปีเตอร์ เช็ก ได้รับโอกาสเฝ้าเสาอัด แกรี่ เคฮิลล์ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางพร้อมดัน คูร์ท ซูม่า ขึ้นเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ แดนหน้าทิ้ง ดีเอโก้ คอสต้า ตัวป่วน

          ด้าน สเปอร์ส ปรับหกจุดเช่นกัน ขาประจำอย่าง มิเชล ฟอร์ม นั่งตบยุงข้างสนามให้ขาจรอย่าง อูโก้ โยริส ลงเฝ้าเสา เช่นเดียวกับตัวหลักซึ่งถูกพักในเกม ยูโรปา ลีก ทั้ง คริสเตียน เอริคเซ่น และ แฮร์รี่ เคน คืนไลน์อัพแรก

          จะแจ้งสุดหนแรกของ "ไก่เดือยทอง" นาทีที่ 10 เมื่อได้ฟรีคิกเยื้องฝั่งซ้ายของประตูระยะหย่อม 25 หลา คริสเตียน เอริคเซ่น ย่างสามขุมเข้าปั่นด้วยขวาจูบคามเต็มใบ

          ต่อด้วย แฮร์รี่ เคน จากนั้นนาทีเดียวโชว์ทีเด็ดเก็บบอลได้แถวกลางสนามแล้วพาลุยหาประตูก่อนตัดสินใจเข่นเรียดจากหน้าเขตโทษฝั่งขวา แต่เบาเกินไปทำให้ เช็ก ล้มตัวรับแบบไร้ปัญหา

          โต้มาแบบไม่มีอ่อนข้อให้กันนาทีที่ 14 บอลสวนกลับของ "สิงห์บลูส์"ทางฝั่งซ้าย ดีเอโก้ คอสต้า ลากเลาะตามเส้นก่อนหักมาตรงหัวกะโหลกให้ เอแด็น อาซาร์ ซัดด้วยซ้ายวาบหลุดกรอบไม่ไกล

          เกมโดยรวมเป็นไปอย่างสูสีต่างก็บุกเข้าใส่กันอย่างสนุก กระทั่งนาทีที่ 28 เกมเดือดเล็กน้อยเมื่อ คอสต้า ใช้มือผลักหน้า นาบิล เบนทาเล็บ ในจังหวะบังบอลจนทำเอาคู่กรณีไม่พอใจ ไคล์ วอล์คเกอร์ เดือดแทนเพื่อนตามไปกระแทกอกใส่กองหน้าทีมชาติสเปน แต่ผู้ตัดสินยังเฉย ไม่มีการแจกใบเหลืองให้ผู้เล่นทั้งสองฝั่ง

          ประตูขึ้นนำของ "สิงห์บลูส์"มาอย่างถูกเวลาในนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก วิลเลี่ยน เปิดฟรีคิกจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ แดนนี่ โรส พยายามโหม่งที่เสาแรกลูกปลิ้นไปถึงกลางประตูแฉลบ ซูม่า กลับมาเข้าทาง จอห์น เทอร์รี่ ซัลโวตรงจุดโทษทะลุบล็อกของ เอริค ดายเออร์ ไหลเสียบก้นตาข่าย เชลซี เบิกสกอร์ 1-0

          เกือบได้ลูกที่สองในช่วงทดเจ็บ เชส ฟาเบรกาส เตะมุมทางฝั่งซ้ายเข้าหัว แกรี่ เคฮิลล์ โขกที่เสาแรกแต่ อูโก้ โยริส โดดเซฟหยุดบอลตรงเส้นได้ฉิวเฉียดและเป็นแอ็กชั่นสุดท้ายของ 45 นาทีแรกที่ มูรินโญ่ แอนด์ โค ได้เปรียบหนึ่งสกอร์

          คงเป็นทีมสีน้ำเงินที่ได้ลุ้นจะแจ้งกว่า นาทีที่ 49 การขึ้นบอลทางขวาของ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ครอสเข้าไปแถวจุดโทษ เชส ฟาเบรกาส ที่หันหลังให้ประตูโชว์ลีลาตีลังกากลับหลังหวดบอลเต็มใบสร้างงานให้ อูโก้ โยริส ต้องออกแรงเซฟ

          เข็นครกขึ้นเขาไกรลาสเสียแล้วสำหรับ "ท็อตแน่ม"เมื่อต้องสังเวยประตู 2 นาทีที่ 56 ฟาเบรกาส โชว์การแทงบอลให้ ดีเอโก้ คอสต้า ได้หลุดทางฝั่งซ้ายแล้วเลี้ยงหาเขตโทษ เจ้าตัวตั้งใจเปิดไปเสาไกลแต่บอลแฉลบปลายเท้า ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่เข้าบล็อกวิถีเปลี่ยนทางยัดเสาแรกแบบน่าเจ็บใจ "สิงห์บลูส์" นำห่าง 2-0

          เท่านั้นไม่พอเกือบโดนสอยดอกสามหลังผ่านหนึ่งชั่วโมงสี่นาที ลูกเตะมุมสั้น อาซาร์ ฝากบอลให้ วิลเลี่ยน ก่อนมิดฟิลด์แซมบ้าเบิ้ลคืนเข้าเขตโทษ อาซาร์ จึงได้ลองวางเท้าปั่นเล็งไปที่เสาขวามือแต่มันเฉียวเสาไปไม่กี่นิ้ว

          กว่าจะตั้งหลักได้ สเปอร์ส ต้องรอถึงช่วงสิบห้านาทีท้าย ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย เอริคเซ่น เปิดโค้งเข้าหาประตู แฮร์รี่ เคน หนีตัวประกบได้โหม่งแต่โดนไม่เต็มหลุดเสาไกลออกหลัง

          แม้ลูกทีมของ โปเช็ตติโน่ จะลุยหนักแต่ไม่สามารถเจาะกำแพงมนุษย์ของ "สิงห์โตน้ำเงินคราม"ได้ สิ้นเสียงนกหวีดยาวเป็น เชลซี เอาชนะ สเปอร์ส 2-0 ล้างแค้นจากเมื่อซีซั่น 2008/2009 เพิ่มซิวถ้วยนี้เป็นสมัยที่ 5

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
          เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า - คูร์ท ซูม่า, รามิเรส - เอแด็น อาซาร์, เชส ฟาเบรกาส, วิลเลี่ยน - ดีเอโก้ คอสต้า
          สำรอง : ติโบต์ กูร์กตัวส์, ฟิลิเป้ ลุยซ์, เนธาน เอเค่, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, โลอิค เรมี่, ฮวน กัวดราโด้, ออสการ์

          สเปอร์ส : อูโก้ โยริส - ไคล์ วอล์คเกอร์, เอริค ดายเออร์, แยน แฟร์ต็องเก้น, แดนนี่ โรส - นาบิล เบนทาเล็บ, ไรอัน เมสัน - แอนดรอส ทาวน์เซนด์, คริสเตียน เอริคเซ่น, นาเซอร์ ชาดลี่ - แฮร์รี่ เคน
          สำรอง : มิเชล ฟอร์ม, โรเบร์โต้ โซลดาโด้, เอริค ลาเมล่า, มุสซ่า เดมเบเล่, เฟเดริโก้ ฟาซิโอ, เบนฌาแม็ง สโตมบูลี่, เบน เดวิส

ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์