พลิกล็อค!สมบัติ เอื้อมมงคล ขึ้นมารับตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาเทนนิสคนใหม่แทนที่ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่ยึดเก้าอี้มาอย่างยาวนาน 7 สมัยหลังสโมสรสมาชิกเทคะแนนให้ถึง 35 เสียง ส่วนสุวัจน์ได้แค่ 19 เสียงเท่านั้น

สมาคมกีฬาเทนนิส ลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2559 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีวาระสำคัญคือการเลือกตั้งนายกสมาคมแทน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกสมาคม 7 สมัยที่หมดวาระลง

สำหรับการประชุมครั้งนี้มีสโมสรสมาชิกมาร่วมประชุมมากถึง 60 สโมสร จากจำนวนสมาชิกทั้งสิ้น 62 สโมสร ถือว่าเกินจำนวนตามระเบียบข้อบังคับในการประชุมใหญ่ของสมาคม โดยที่ประชุมได้เสนอชื่อ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อุปนายกสมาคม เป็นประธานในการประชุมแทน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกสมาคมที่พ้นวาระไปแล้ว

ก่อนจะเข้าสู่วาระเลือกตั้ง ที่ประชุมได้รายงานงบดุลประจำปี 2558 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ปรากฎว่า สมาคมมีรายรับต่ำกว่ารายจ่าย 20,360,252.78 บาท

ส่วนการเลือกตั้งนายกสมาคม มีสโมสรสมาชิกเสนอชื่อ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และ นายสมบัติ เอื้อมมงคล ขึ้นมารับตำแหน่งนายกสมาคม 2 คน นอกจากนี้มีการเสนอชื่อสโมสรสมาชิกขึ้นมาชิงตำแหน่งกรรมการบริหารสมาคม 9 ตำแหน่ง ทั้งสิ้น 13 สโมสร โดยการเลือกตั้งในครั้งนี้จะมีวิธีการเลือกตั้งโดยให้สโมสรสมาชิกลงคะแนนโดยแบ่งใบลงคะแนนเป็น 2 ใบ สีชมพู เลือกนายกสมาคม และ สีเหลือง เลือกกรรมการบริหาร

จากผลการลงคะแนนปรากฎว่า มีพลิกล็อคเมื่อคะแนนเสียงนายสมบัติ ได้มากที่สุด 35 เสียง ขณะที่นายสุวัจน์ นายกสมาคม 7 สมัย ได้แค่ 19 เสียงเท่านั้น ส่งผลให้ นายสมบัติ เอื้อมมงคล อดีตนักกีฬาทีมชาติได้รับการเลือกให้เป็นนายกสมาคมกีฬาเทนนิสฯคนใหม่ทันที ซึ่งจะอยู่ในวาระเป็นเวลา 4 ปี

ส่อเค้าวุ่น!ประธานการเลือกตั้งชี้ควรเป็นโมฆะ

เลือกตั้งนายกส่อเค้าวุ่น เมื่อ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ประธานการเลือกตั้ง กล่าวว่า จากการสังเกตุและโดยส่วนตัวแล้วคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ควรเป็นโมฆะ โดยเฉพาะการลงคะแนนเลือกกรรมการบริหารจากสโมสรสมาขิกทั้ง 9 สโมสร  ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยให้มีการลงคะแนนลับ แต่ครั้งนี้กลับลงคะแนนลับ และยังเป็นลักษณะเหมือนล็อบบี้กันมาก่อน  ทำให้รู้สึกเป็นห่วงวงการเทนนิสไทย ที่ใช้วิธีนี้มาเพื่อหวังผลประโยชน์และจะทำให้วงการได้รับความเสียหาย ซึ่งจากนี้ไปหากผู้ที่ถูกเลือกใหม่จะใช้สิทธิ์ไปฟ้องร้องก็เป็นสิ่งที่ทำได้

ขณะที่นางสาวกมลวรรณ สุมธิบุตร ผู้แทนการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากกรณี ที่พล.อ.ธวัชชัย  ได้กล่าวนี้อว่าเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว เพราะด้วยอำนาจการเป็นประธานในที่ประชุมไม่สามารถสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ แต่ผู้ที่มีอำนาจก็คือ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย แต่ถ้าทางคณะกรรมการชุดเก่าเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ถูกต้องก็สามารถไปยื่นเรื่องฟ้องร้องในข้อกฎหมาย มาตรา 84 โดยผู้ยื่นต้องเป็นกรรมการสมาคม ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ สโมสรสมาชิก ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 และต้องยื่นฟ้องภายใน 30 วัน โดยในช่วงยื่นฟ้องคณะกรรมการบริหารชุดเก่ายังสามารถบริหารต่อได้จนกว่าจะมีข้อสรุปและมีการพิจารณาจากการกีฬาแห่งประเทศไทยแล้ว

"ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้จากการสังเกตุการณ์ถือว่าการประชุม การเลือกตั้ง ได้ผ่านการลงมติจากที่ประชุมสมบูรณ์แล้ว และ การเลือกตั้งก็ลงคะแนนอย่างเปิดเผย ถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ชอบตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่หลังจากนี้หากจะมีการฟ้องร้องก็ทำได้ และการพิจารณาตัดสินความเป็นโมฆะหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ว่าการกีฬาฯ และ ระเบียบข้อบังคับว่าการฟ้องนั้นจะเข้าอยู่ในหมวดไหน และ มีข้อหลักฐานประกอบการพิจารณามากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีอะไรขัดแย้ง คณะกรรมการชุดใหม่ก็สามารถเข้ามาทำงานได้หลังจากได้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องทำภายใน 30 วันเช่นกัน"

ด้าน นายสุวัจน์ เผยหลังทราบผลการเลือกตั้งว่า "ยอมรับในผลการเลือกตั้งทุกอย่างก็ แล้วแต่สมาชิก และตนยินดีกับคณะกรรมการใหม่ ที่ผ่านมาก็ได้เข้ามาบริหารงานได้ด้วยดี รู้ถึงปัญหา และพยายามแก้ไข พัฒนา ปรับปรุงมาตลอด หลังจากนี้ก็พร้อมให้การสนับสนุนกิจกรรมสมาคมได้ต่อ และเชื่อว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะสานงานต่อได้ดี"

"ไม่มีอะไรต้องห่วงครับ ที่ผ่านมาผมอยู่ในจุดนี้มาเกือบ 20 ปี ได้เข้ามาทำอะไรเยอะมาก เทนนิสมีการพัฒนาขึ้นเยอะ ซึ่งผมก็เชื่อว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะเข้ามาสานต่อ และน่าจะรู้ว่าปัญหาของเทนนิสอยู่ตรงไหน ส่วนผมก็ไม่ห่วงและคงไม่มีอะไรต้องฝากถึง และพร้อมที่จะยังให้การสนับสนุนเทนนิสไทยต่อไปในจุดที่สามารถทำได้" นายสุวัจน์ กล่าว