"พินิจ สะสินิน" ผู้สมัครเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ออกโรงแฉ "เสธ.โต"พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ ปธ.กกต. ที่ดื้อดึงดันในการทำผิดข้อบังคับแบบซ้ำซาก แจงชัดกกต.พลาดในการใช้อำนาจมาตรา 35 เพราะข้อนี้มีข้อย่อยอีกเพียบ ครั้นจะทำอะไรตามข้อ 35 จะต้องให้สโมสรสมาชิกลงมติรับรองด้วย แนะทีมงานคณกรรมการกลางให้ย้อนไปดูหนังสือฟีฟ่าที่แต่งตั้งเมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา ที่ระบุชัดกกต. ต้องทบทวนและจัดการเรื่องตัวแทนจาก 6 ภูมิภาค เช่นเดียวกับการเลือกตัวแทนทั้ง 5 จากแต่ละภูมิภาค ไม่ใช่เลือกจัดการเลือกตั้ง 30 เสียงใหม่ เพราะกกต. มีหน้าที่แค่จัดการเลือกตั้งใหญ่ 11 ก.พ. เท่านั้น
 
สืบเนื่องจากข่าวที่ "เสธ.โต" พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ ประธานคณะกรรมการกลางการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ วันที่ 11 ก.พ. 2559 หรือกกต. เผยว่าได้รับอนุญาติจาก "ฟีฟ่า" ให้ทำการรับรองคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งข้อบังคับข้อ 33.4 ที่ต้องไปสมัครกับสำนักเลขาฯ ที่สมาคมฟุตบอลฯ พร้อมกับได้มีการโชว์เอกสารที่ "ฟีฟ่า"แจ้งมายังกกต. ว่าสามารถมีอำนาจและหน้าที่ตามมาตรา 35 ของข้อบังคับลักษณะการปกครองของสมาคมฟุตบอลฯ อีกด้วย

เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว สยามกีฬาได้รับการเปิดเผยจาก "พินิจ สะสินิน" หนึ่งในผู้ลงสมัครเลือกตั้งตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ และเคยได้รับการแต่งตั้งจากฟีฟ่าให้เป็นกกต. ร่วมกับ "เสธ.โต" ก่อนที่จะลาออกในภายหลังได้ออกโรงแย้งการปฏิบัติหน้าที่ของกกต. โดยเฉพาะ "เสธ.โต" พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ ที่กำลังทำผิดข้อบังคับฯ อย่างต่อเนื่อง

"เรื่องที่ประธานกกต. อ้างว่ามีอำนาจตามข้อบังคับข้อที่ 35 นั้น ตามที่เข้าใจดูจะเป็นเรื่องที่ผิด เพราะข้อ 35 จะมีข้อย่อยอีก บางข้อก็ทำไม่ได้ เพราะเรายังไม่มีนายกสมาคมฟุตบอลฯ ในตอนนี้"

"ข้อ 35 ที่ประธานกกต.ยึดปฏบัติอยู่ในขณะนี้ อย่างแรกคือแต่ละข้อจะต้องได้รับการรับรองในที่ประชุมใหญ่ด้วย แต่ที่ผ่านมาสมาชิกไม่มีโอกาสได้ลงมติรับรอง เพราะประธานกกต. กุมอำนาจเบ็ดเสร็จชนิดที่ผิดข้อบังคับอย่างเห็นได้ชัด"

"ที่สำคัญนับตั้งแต่แรกที่ฟีฟ่าส่งจดหมายมายังกกต. ลงวันที่ 16 ต.ค. 2015 เขาระบุไว้อย่างชัดเจนว่า กกต. มีอำนาจและหน้าที่ตามข้อบังคับข้อที่ 35 แต่กกต. ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับงานบริหารของสำนักเลขาธิการสมาคมฯ นอกจากการจัดการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น"

"และเรื่องที่กกต. จัดให้มีการเลือกตั้ง 30 เสียง ด.2 ใหม่เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2559 จะบอกตรงนี้เลยก็ได้ว่า ปธ.กกต. ได้ทำผิดข้อบังคับเพราะไม่มีอำนาจใดๆ ไปจัดการเลือกตั้ง 30 เสียงของด.2 มีสิทธิ์แค่การทบทวน และจัดการเรื่องตัวแทนจาก 6 ภูมิภาค เช่นเดียวกับการเลือกตัวแทนทั้ง 5 จากแต่ละภาค กกต. จะต้องทบทวนบทบัญญัติการเลือกตั้งของสมาคมฟุตบอลฯ ด้วย"

"เชื่อเลยว่าฟีฟ่าคงไม่รับรองผลการเลือกตั้ง 30 เสียงที่เกิดขึ้นใหม่ เพราะประธานกกต. ได้ใช้วิธีปฏิบัติ และจัดการเลือกตั้งแบบผิดข้อบังคับข้างต้น เขาไม่เคยไปสอบถามรวมถึงการสืบเสาะว่า 30 เสียงเดิมที่สมาคมฟุตบอลฯจัดเลือกตั้งไปนั้น ได้มาด้วยวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่อย่างไร แต่ปธ.กกต. เลือกที่จะจัดการเลือกตั้งเองเลย"

"อีกประการที่ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ ข้อบังคับข้อ 39.2 เกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ โดยตรง เขาระบุว่า สมาชิกของสมาคมฟุตบอลฯ เท่านั้นที่จะเป็นผู้เสนอตำแหน่งผู้สมัครนายกฯ พร้อมกับต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อส่งไปยังสำนักเลขา และข้อต่อมาคือข้อ 39.3 ระบุว่า สำนักเลขาฯ คือผู้ที่จะต้องแจ้งให้สโมสรสมาชิกได้รับทราบว่าใครบ้างที่ได้สิทธิ์ลงสมัครด้วย การประกาศรายชื่อและคุณสมบัติต่างๆ จะต้องเป็นสำนักเลขาฯ ที่เป็นผู้แจ้งให้สมาชิกได้ทราบตามข้อบังคับด้วย"

ทั้งนี้ได้มีการแปลบทความจากหนังสือที่ฟีฟ่าแจ้งมายังกกต. เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2015 โดยมีใจความดังนี้

คณะกรรมการฉุกเฉินของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ "ฟีฟ่า" ร่วมกับสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย "เอเอฟซี" ได้ลงมติถอดถอนสภากรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2558 และแต่งตั้งคณะกรรมการกลางเข้ามาทำหน้าที่แทน โดยมีหน้าที่ทบทวน แก้ไขระเบียบการเลือกตั้งของสมาคมฟุตบอลฯ รวมถึงการเลือกตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ ภายในวันที่ 15 ก.พ. เป็นอย่างช้า

สาเหตุที่ฟีฟ่าต้องตัดสินใจตั้งคณะกรรมการกลางเข้ามานั้น เนื่องจากสภากรรมการชุดปัจจุบัน ได้หมดวาระลงหลังการเลือกตั้งที่เดิมกำหนดไว้เมื่อ 17 ต.ค. 2558 ถูกเลื่อนออกไป โดยมีรายนามคณะกรรมการที่นำโดย พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ เป็นประธาน และยังมี นายธนา ไชยประสิทธิ์ เป็นรองประธาน, นางสัตยา อรุณธารี, นายมานิต วรรธนะสาร, นางสาวชื่นชนก ศิริวัฒน์ เป็นกรรมการ โดยมี พินิจ สะสินิน เป็นเลขานุการ

สำหรับหน้าที่ของคณะกรรมการกลางชุดดังกล่าว คือการดำเนินการภายใต้บทบัญญัติของสมาคมฟุตบอลฯ ดังนี้

- ดำเนินการแทนคณะกรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลฯ และมีอำนาจและหน้าที่ตามข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลฯ มาตรา 35 ( ว่าด้วยอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร) อย่างไรก็ดี คณะกรรมการกลาง ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับงานบริหารของสำนักเลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ (เช่น การจัดการแข่งขัน ไทยพรีเมียร์ลีก) นอกจากจะเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง

- ทบทวนและจัดการเรื่องตัวแทนจาก 6 ภูมิภาค เช่นเดียวกับการเลือกตัวแทนทั้ง 5 จากแต่ละภูมิภาค

 - ทบทวนบทบัญญัติการเลือกตั้งของสมาคมฟุตบอลฯ เพื่อให้คณะกรรมการกลางมีอำนาจดูแลและจัดการเลือกตั้ง และสุดท้าย คือจัดการเลือกตั้งสภากรรมการของสมาคมฟุตบอลฯ ชุดใหม่