เอฟซี โตเกียว ฟอร์มสุดฮอตเกินบรรยาย เมื่อเปิดรังสอนเชิงถล่ม ชลบุรี เอฟซี เละเทะ 9-0 คว้าตั๋วศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยส์ลีก 2016

เอฟซี โตเกียว ตัวแทนจากญี่ปุ่น โชว์ฟอร์มร้อนแรงเปิดบ้านถล่ม ชลบุรี เอฟซี จากไทยไปแบบขาดลอย 8-0 ส่งฉลามชลร่วงรอบเพลย์ออฟ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2016

ฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2016 รอบเพลย์ออฟ เอฟซี โตเกียว ทีมอันดับ 4 ของเจลีก เปิด โตเกียว สเตเดี้ยม ต้อนรับ ชลบุรี เอฟซี ทีมอันดับ 4 จากไทยพรีเมียร์ลีก ที่เฉือนชนะ ย่างกุ้ง ยูไนเต็ด 3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษของการเพลย์ออฟรอบ3

เจ้าถิ่นจัดการส่ง 3 คีย์แมนตัวหลักอย่าง ทาคุมะ อาเบะ, ยุอิชิ โคมาโนะ และ กัปตันทีม มาซาโตะ โมริชิเกะ ภายใต้การคุมทีมของ ฮิโรชิ โจฟูกุ ขณะทีมที่เยือน ชลบุรี เอฟซี ของกุนซือ เทิดศักดิ์ ใจมั่น วาง นูรูล ศรียานเก็ม, สุทธินันท์ พุกหอม, คิม ซอล โฮ และ โรดริโก เวอร์จิลิโอ ลงสนามเป็นตัวจริง

GOAL!! นาทีที่ 6 เอฟซี โตเกียว ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากลูกเตะมุม กรกช วิริยะอุดมศิริ กระโดโหม่งไม่ถึง บอลลอยตกโดนขาของ โรดริโก้ เวอร์จิลิโอ เข้าประตูตัวเอง เอฟซี โตเกียว 1-0 ชลบุรี เอฟซี

GOAL!! ชลบุรี ระส่ำหนัก นาทีที่ 9 ทาคุมะ อาเบะ ล็อกหลบกองหลังชลบุรี ก่อนแต่งจังหวะเดียวแล้วยิงมุมแคบ ผ่านมือ ธณชัย หนูราช เข้าประตูไป เอฟซี โตเกียว ทิ้งห่าง ชลบุรี เอฟซี ไป 2-0 ตั้งแต่ยังไม่ถึง 10 นาทีแรก

จากนั้นเอฟซี โตเกียว ยังคงเปิดเกมใส่ ชลบุรี เอฟซี เป็นชุด แต่แนวรับฉลามชลยังช่วยกันไว้ได้ และชลบุรี มีโอกาสจากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษเช่นกัน ในนาทีที่ 25 แต่ เลอันโดร อัสสัมเซา ปั่นไปติดกำแพง

นาทีที่ 29 โคตะ มิซุนุมะ หาช่องเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วจิ้มยิงทันที แต่ถูก ธนชัย หนูราช เซฟไว้ได้ และ อีก 2 นาทีต่อมา ยุอิชิ มารุยาม่า ขึ้นโขกจากลูกเตะมุม บอลเกือบเข้าประตู ยังดีที่ ณรงค์ จันทร์เสวก โหม่งเคลียร์ทิ้งไปได้จากบริเวณหน้าปากประตู

GOAL!! นาทีที่ 34 ยูเฮอิ โทคุนากะ ขึ้นเกมมาทางริมเส้น ก่อนจะครอสบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ เคอิโงะ ฮิงาชิ วิ่งซัดไม่เหลือซาก เอฟซี โตเกียว ออกนำ ชลบุรี เอฟซี 3-0

หมด 45 นาทีในครึ่งแรก ชลบุรี เอฟซี เจองานหนักตามหลัง เอฟซี โตเกียว อยู่ถึง 0-3

เริ่มครึ่งหลัง ฉลามชล แก้เกมด้วยการส่ง ปกเกล้า อนันต์ มิดฟิลด์ตัวใหม่ลงสนามแทน นูรูล ศรียานเก็ม ปีกตัวจี๊ดของทีม

นาทีที่ 52 จากจังหวะเปิดมุม ธณชัย หนูราช ผู้รักษาประตูชลบุรี ชกบอลมาเข้าทาง ทาคุมะ อาเบะ กองหน้าของโตเกียวยืนรออยู่นอกกรอบเขตโทษ จัดการวอลเลย์เหินข้ามคานไปนิดเดียว

GOAL!! นาทีที่ 54 เคโงะ ฮิงาชิ รับบอลจากครึ่งสนาม ก่อนจับบอลลงพื้น แต่งหนึ่งจังหวะก่อนโยกหลอกกองหลังชลบุรี แล้วจ่ายถวายพานมาให้ เรียวอิชิ มาเอดะ กองหน้าจอมเก๋า ยิงเข้าไป เอฟซี โตเกียว 4-0 ชลบุรี เอฟซี

GOAL!! นาทีต่อมา เอฟซี โตเกียว เปิดเกมรุกใส่ทีมเยือน และจบสกอร์ได้อย่างเด็ด จากการยิงปั่นโค้งหนีมือผู้รักษาประตูของ ทาคุจิ โยเนโมโตะ เอฟซี โตเกียว นำ ชลบุรี เอฟซี ไปอย่างขาดลอย 5-0

นาทีที่ 58 ประกิต ดีพร้อม มิดฟิลด์ของชลบุรี ถูกเปลี่ยนตัวเป็นรายที่ 2 โดยลงสนามไปแทน ณรงค์ จันทร์เสวก

GOAL!! นาทีที่ 63 ยูเฮอิ โทกุนางะ แบ็กขวาโตเกียว เปิดบอลจากด้านข้างเข้ามา และเป็นทาง โคตะ มิซุนุมะ วิ่งโฉบมาซัดเข้าไปตุงตะข่าย เอฟซี โตเกียว ไร้ความปราณี ทิ้งห่าง ชลบุรี เอฟซี ไปอีก 6-0

นาทีที่ 65 เอฟซี โตเกียว ได้จังหวะขึ้นเกมอีกครั้ง ก่อนที่ โคตะ มิซุนุมะ ได้โอกาสล่อเป้าเดี่ยวๆกับ ธณชัย แต่ยิงไปติดเซฟของนายทวารฉลามชล และนาทีต่อมา ชลบุรี เปลี่ยนตัวผู้เล่นคนสุดท้าย ส่ง นพนนท์ คชพลายุกต์ แทน สุทธินันท์ พุกหอม

GOAL!! สกอร์ไหลไป 7-0 ในนาทีที่ 71 จากจังหวะที่ โคตะ มิซุนุมะ โยกหลอกกองหลังชลบุรี แล้วโยนไปหน้าปากประตู ฮิโรกิ คาวาโนะ ตัวสำรองที่เพิ่งเปลี่ยนลงไป แหย่เท้าไปจิ้มบอลเข้าประตูไปได้ เอฟซี โตเกียว 7-0 ชลบุรี เอฟซี

GOAL!! ยังไม่หนำใจ นาทีที่ 84 เอฟซี โตเกียวมาบวกเพิ่มอีกหนึ่งลูก จากการสกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองของ ชลทิตย์ จันทคาม กัปตันทีมฉลามชล ทำให้ เอฟซี โตเกียว หนี ชลบุรี เอฟซี ไป 8-0

GOAL! เจ้าถิ่นมาได้ประตูปิดท้ายในนาทีที่ 90 จากการสังหารจุดโทษของ คาวาโนะ จบเกมเอฟซี โตเกียวไล่ถล่มชลบุรีไปแบบขาดลอยถึง 9-0

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

เอฟซี โตเกียว : โยตะ อากิโมโตะ(GK) - ยูเฮอิ โทกุนางะ มาซาโตะ โมริชิเกะ, ยูอิชิ มารุยาม่า, ยุอิชิ โคมาโนะ - โคตะ มิซุนุมะ, เคโงะ ฮิงาชิ (ฮิโรกิ คาวาโนะ น.59), ทาคุจิ โยเนโมโตะ, ฮา แด ซอง – เรียวอิชิ มาเอดะ, ทาคุมะ อาเบะ (เคนโตะ ฮาชิโมโต น.62)

ชลบุรี เอฟซี : ธณชัย หนูราช(GK) – ชลทิตย์ จันทคาม, สุทธินันท์ พุกหอม (นพนนท์ คชาพลายุกต์ น.66), แอนเดอร์สัน ดอส ซานโต๊ส, กรกช วิริยะอุดมศิริ – ณรงค์ จันทร์เสวก (ประกิต ดีพร้อม น.66), คิม ซอล โฮ – เลอันโดร อัสสัมเซา, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, นูรูล ศรียานเก็ม (ปกเกล้า อนันต์ น.46) – โรดริโก้ เวอร์จิลิโอ