"ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชทีมชาติไทย ชุดใหญ่เผยอากาศที่แดน "เศรษฐีน้ำมัน" คู่แข่งในเกมแรกของทัพ "ช้างศึก" อาจจะร้อนถึงขั้น 40-45 องศาเซลเซียส หลังจากเคยมีประสบการณ์ไปเล่นมาแล้ว แต่ไม่หนักใจ เพราะได้ไปเก็บตัวที่กาตาร์ล่วงหน้าก่อน 10 วัน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ซาอุดีอาระเบีย อาจจะใช้สนาม คิง ฟาฮัด สเตเดี้ยม เป็นสังเวียนในเกมแรกวันที่ 1 ก.ย. อีกด้วย อย่างไรก็ตามต้องรอให้ฟีฟ่าสรุปออกมาวันที่ 31 พ.ค.นี้ เสียก่อน

ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในการลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ซึ่งพวกเขาอยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับ ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และ อิรัก โดยจะใช้ศึก คิงส์ คัพ ครั้งที่ 44 วันที่ 3 กับ 5 มิ.ย. นี้ เป็นการทดสอบระบบทีม

อย่างไรก็ตาม เกมแรกของทีมชาติไทยในรอบ 12 ทีมสุดท้าย ที่จะต้องออกไปเยือน ซาอุดีอาระเบีย วันที่ 1 ก.ย. นี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม "ซิโก้" เกียรติศักดิ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ของทีมเกี่ยวกับสภาพอากาศที่ประเทศดังกล่าวว่าจะส่งผลกระทบต่อนักเตะหรือไม่

"ซิโก้" บอกว่า "ย้อนกลับไปในรอบ 10 ทีมสุดท้าย ที่คัดเลือกทีมเอเชียไปเล่นฟุตบอลโลก 2002 ผมได้มีโอกาสติดทีมชาติไทย ไปเล่นที่ประเทศซาอุดีอาระเบียด้วย ปรากฏว่าอากาศที่นั่นค่อนข้างจะมีความร้อนมาก ในตอนกลางวันอุณภูมิราว 45 องศาเซลเซียส ส่วนกลางคืนอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส"

"ซึ่งมันคงจะเป็นปัญหาที่สำคัญต่อตัวนักเตะอย่างแน่นอน แม้ว่าจะได้ลงเล่นเกมแรกในช่วงเย็น แต่อากาศที่นั่นค่อนข้างจะร้อนอย่างมาก แต่ผมเชื่อว่าการที่เราไปเก็บตัวยังประเทศกาตาร์ก่อนราว 10 วัน น่าจะทำให้ผู้เล่นทีมชาติไทย ปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศของแถบตะวันออกกลางได้ดีขึ้นกว่าเดิม"

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ซาอุดีอาระเบีย น่าจะใช้สนาม คิง ฟาฮัด สเตเดี้ยม รังเหย้าหลักของพวกเขาที่อยู่ในเมืองริยาดห์ ซึ่งมีความจุอยู่ที่ 68,752 ที่นั่ง เป็นสังเวียนในนัดแรกที่จะใช้ในวันที่ 1 ก.ย. นี้ กับทีมชาติไทย อย่างไรก็ตามฟีฟ่าจะมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 พ.ค. โดยที่ทุกชาติสามารถส่งได้ 3 สนาม ในส่วนของทัพ "ช้างศึก" จะใช้สนามราชมังคลากีฬาสถาน เป็นรังเหย้าทั้ง 5 เกมในรอบ 12 ทีมสุดท้าย และเล่นในเวลา 19.00 น. อีกด้วย