แชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ยังคงเป็นความสำเร็จที่ตราตรึงในหัวใจแฟนลูกหนังไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สปิริตนักสู้ของทัพ "ช้างศึก" ที่เป็นที่กล่าวขวัญถึง แม้แต่คู่ชิงชนะเลิศอย่าง มาเลเซีย เอง ยังยอมซูฮก

 20 ธันวาคม 2557 ทีมชาติไทย ออกไปเยือน บูกิต จาลีล สังเวียนแข้งขนาดมหึมาของ "เสือเหลือง" ในนัดชิงชนะเลิศเลก 2 ด้วยความมุ่งมั่นจะคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ มาครองให้ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี หลังจากมีสกอร์ตุน 2-0 จากนัดแรกในบ้านเรา

 "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ส่ง 11 นักเตะตัวจริงลงเล่น ในระบบ 4-3-3 ประกอบไปด้วย กวินทร์ ธรรมสัจานันท์, พีพัฒน์ โน้ตชัยยา, ธนบูรณ์ เกศารัตน์, สุทธินันท์ พุกหอม, นฤบดินทร์ วีระวัฒน์โนดม, ชาริล ชัปปุยส์, สารัช อยู่เย็น, ชนาธิป สรงกระสินธ์, เกริกฤทธิ์  ทวีกาญจน์, ประกิต ดีพร้อม และ อดิศักดิ์  ไกรษร

 เปิดฉากได้แค่ 5 นาที กองเชียร์เสือเหลือง เฮกันลั่นสนาม เมื่อผู้ตัดสิน ฟากานี่ ชาวอิหร่านแจกจุดโทษให้ ก่อน บินราฮิม ซาฟิค ยิงผ่าน กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เป็นประตูให้ มาเลเซีย ขึ้นนำ ไทย 1-0 สกอร์รวม 1-2

 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก แฟนเจ้าบ้านได้คำรบเมื่อ มาฮายุดดิน อินดร้า โขกตุงตาข่ายให้ มาเลเซีย หนี ไทย 2-0 ส่งผลให้สกอร์รวมเท่ากัน 2-2 ก่อนจบครึ่งแรก
 

สถานการณ์ของไทย ดูไม่ดีเอาเสียเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาการขวัญเสีย ก่อนกลับมาลงเล่นในครึ่งหลังถึงนาทีที่ 57 แล้วต้องสังเวยประตูเพิ่มอีก เมื่อ บินราฮิม ซาฟิค ปั่นฟรีคิกเสียบสามเหลี่ยม ขณะที่กองเชียร์เจ้าถิ่นแทบคลั่ง เพราะทีมรักนำห่างถึง 3-0 และประตูรวมแซงนำ 3-2

 แต่จากนั้น ขุนแข้งจากแดนสยาม ก็ค่อยๆ เรียกสติกลับมา กระทั่งนาทีที่ 80 ไทยได้ฟรีคิก เกริกฤทธิ์ ข้ามหลอกให้ สารัช ปั่นโค้งข้ามกำแพง แม้จะโดนเซฟในจังหวะแรก แต่ ชัปปุยส์ ก็ตามซ้ำไม่เหลือซาก ให้ "ช้างศึก" ไล่มา 1-3 ประตูรวมเสมอ 3-3 แต่เราได้เปรียบอะเวย์โกล

ท้ายเกม นาทีที่ 86 กองเชียร์ไทย เฮกระหึ่ม เมื่อ อดิศักดิ์ ไหลให้ ชนาธิป กดเปรี้ยงด้วยเท้าซ้ายนอกกรอบ บอลพุ่งเข้าไปให้ไทยไล่มา 2-3 ซึ่งแม้จบเกม จะแพ้ในนัดนี้ ทว่าสกอร์รวม ไทย ชนะ 4-3 ผงาดคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ
 

เบื้องหลังแชมป์นี้ มีการเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า ทีมชาติไทยได้รับพระราชทานกำลังใจจากพ่อหลวงของแผ่นดินผ่านทางราชเลขาธิการ ที่โทรศัพท์เข้ามาตอนพักครึ่งให้สู้อย่างเต็มที่ ก่อนที่นักเตะจะลงสนามไปพลิกสถานการณ์ได้สำเร็จ

"เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เรามาเล่นที่บ้านของมาเลเซีย มันไม่ง่าย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมรอบด้านรวมไปถึงเสียงเชียร์ของแฟนบอลเรือนแสน" โค้ช "ซิโก้" เผย ก่อนเสริมว่า ช่วงพักครึ่ง นักเตะมีกำลังใจเล่น หลังได้รับพระราชทานกำลังใจจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระกระแสรับสั่งผ่านทางราชเลขาธิการให้โทรศัพท์มาหานาย เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผจก.ทีมชาติไทย ให้ผู้เล่นทำเต็มที่ ก่อนที่นักเตะทีมชาติไทยจะฮึดกลับมาได้

 ด้าน "บิ๊กเษม" ผู้จัดการทีมชาติไทยในขณะนั้น กล่าวไว้ว่า ตนได้รับข้อความจากราชเลขาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โทรศัพท์เข้ามาหาตั้งแต่ครึ่งแรกแต่ไม่ได้รับ ทำให้ราชเลขาได้ส่งเบอร์ของท่านให้ติดต่อกลับไป ซึ่งระหว่างที่ติดต่อกลับ มือของตนสั่นไปหมด กระทั่ง นพ. ชนินทร์ ล่ำซำ แพทย์ประจำทีมต้องเข้ามาช่วยหาเบอร์ เนื่องจากมีเบอร์ติดต่อเข้ามาเยอะมาก ก่อนที่สุดท้ายตนจะได้ติดต่อกลับไป พร้อมกับได้รับดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจากราชเลขาว่า ขอให้กำลังใจกับผู้เล่นทุกคน ขออวยพรให้มีชัยชนะ อย่าย่อท้อแม้ว่าจะตามอยู่ ในหลวงได้ทรงทอดพระเนตรเกมนี้อยู่ และเมื่อวางสายไม่นานเรากลับมายิงได้ 2 ประตูทันที ทำให้ตนคิดถึงพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยทีมฟุตบอลทีมชาติไทยในเกมนี้