หากจะเอ่ยถึงทีมชาติไทยแล้ว เรียกได้ว่ามีรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆนานา ที่น่าสนใจและน่าค้นหาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสิ่งที่แฟนบอลไม่รู้หรือมองข้ามไปอย่าง การมีโค้ชผู้รักษาประตู 2 คนอยู่ในทีม เพื่อขัดเกลาฝีมือนายทวารทั้ง 3 คน ในช่วงที่ผ่านมา

ซึ่งเราจะพาทุกคนมาหาคำตอบกับ "โค้ชเค" พรรษา มีสัตย์ธรรม อดีตมือหนึ่งของ บีอีซี เทโรศาสน ชุดรองแชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมทั้ง "โค้ชจั่น" วิรัช วังจันทร์ ซึ่งทั้งคู่ผ่านประสบการณ์อย่างโชกโชนในการเฝ้าเสาให้กับทีมชาติไทย

โดย "โค้ชเค" พรรษา มีสัตย์ธรรม อดีตมือหนึ่ง บีอีซี เทโรศาสน ได้บอกว่า "ในทางปฏิบัติแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีโค้ชผู้รักษาประตู 2 คน เพราะต้องมีการเตะที่เยอะขึ้น ฉะนั้นเพื่อให้ได้มีประสิทธิภาพต้องมีคนคอยช่วยด้วย หากมีคนเดียวจะไม่ทัน ซึ่งผมทั้งสองคนจะแบ่งหน้าที่กัน"

"อย่าง โค้ชจั่น (วิรัช วังจันทร์) จะคอยช่วยเสิร์ฟบอล ตลอดจนวางรูปแบบ และแก้ไขบกพร่องของผู้รักษาประตู ส่วนตัวผมจะทำหน้าที่หลักในเรื่องของรูปแบบและคอนเซปต์ในการฝึกซ้อม ว่าวันนี้ทีมต้องการซ้อมแบบไหน ก่อนทีจะมานั่งคุยกันเพื่อสร้างแบบการฝึกซ้อมขึ้นมาในแต่ละมื้อ"

โฉมหน้าโค้ชประตูทั้งสองของทัพช้างศึกไทย

ส่วนการคัดเลือกผู้รักษาประตูเข้ามาในทัพ "ช้างศึก" นั้น "โค้ชเค" เผยว่า "ในเรื่องตัวผู้เล่นสตาฟฟ์โค้ชทุกคน โดยเฉพาะเฮดโค้ชซิโก้ (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) จะปรึกษา เพราะพวกเราจะคอยติดตามดูผลงานของนักเตะอยู่ตลอด แต่ตนกับโค้ชจั่น (วิรัช วังจันทร์) จะดูผู้รักษาประตูตลอด จากนั้นเราทั้งคู่จะมาหารือกันว่าจะเลือกใคร"

ในเรื่องพัฒนาการของนายทวารนั้น "โค้ชเค" บอกว่า "เวลานี้ผู้รักษาประตูในเมืองไทย มีฝีไม้ลายมือที่ดีมากกว่าเดิม เพราะว่าเขาได้รับการฝึกที่ถูกวิธี ไม่เหมือนยุคผมที่เวลานั้นไม่มีโค้ชผู้รักษาประตู แต่อาศัยการจำและความรัก ความทุ่มเทที่อยากจะเล่นฟุตบอลให้กับทีมชาติไทยมากกว่า"

ด้าน "โค้ชจั่น" วิรัช วังจันทร์ อดีตนายทวารจอมหนึบของ "ช้างศึก" บอกว่า "ช่วงที่ผมเล่นให้กับทีมชาติไทย ยังไม่มีโค้ชผู้รักษาประตู แต่การปัจจุบันการที่มีโค้ชผู้รักษาประตู 2 คนนั้น หากจะว่าไปในนามสโมสรไม่ต้องมีก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะต้องมีผู้ช่วยเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการซ้อมที่สูงขึ้น"

"อีกทั้งการที่มีโค้ชผู้รักษาประตู 2 คนนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยสร้างความรู้สึกในการซ้อมให้กับผู้รักษาประตู ทั้ง การเตะรับ-ส่ง, กระโดดรับซ้าย ขวา เพื่อเป็นการเติมเต็มที่จะครบมากกว่า โดยสโมสรใหญ่ๆหรือทีมชาติอย่าง ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ จะมีโค้ชประตู 2-3 คน เพื่อจะสร้างประสิทธิภาพในช่วงซ้อม"

พร้อมกันนี้ "โค้ชจั่น" ยังได้พูดถึงนายทวาร "ช้างศึก" ไม่ว่าจะเป็น กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, สินทวีชัย หทัยรัตนกุล และชนินทร์ แซ่เอียะ ว่า "ทั้ง 3 คนเป็นนายทวารที่ยึดมือ 1 ให้กับสโมสร และมีฟอร์มที่ดีมาตลอดอยู่แล้ว พอเข้ามาในทีมชาติไทย คนที่จะกลายเป็นมือ 1, 2, 3 ของทีม ความแตกต่างจะเกิดขึ้น"

"บางคนมาดีในเรื่องของสรีระร่างกาย บางคนมาดีในเรื่องของการตัดสินใจ หรือบางคนมาดีในเรื่องความพร้อมและประสบการณ์ ทำให้เราต้องมาตัดสินใจกันอีกครั้ง ปัจจุบันที่เราใช้ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เพราะเขามีความครบเครื่อง แต่ต้องยอมรับว่า สินทวีชัย หทัยรัตนกุล เป็นตัวอย่างที่ดีต่อเยาวชนรุ่นหลัง เพราะเขาอายุ 30 กว่าปีก็จริง แต่สภาพร่างกายกลับสมบูรณ์แบบสุดๆ ไม่เหมือนผู้รักษาประตูยุคก่อนๆที่อาจจะแขวนถุงมือในช่วง 29-30 ปี"

และนี่เองคือการไขปริศนารายละเอียดของทีมชาติไทย ว่าทำไมจะต้องมีโค้ชผู้รักษาประตู เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการซ้อมทุกมื้อนั่นเอง