สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานมิดฟิลด์กัปตันทีม ลิเวอร์พูล ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการแล้ว หลังเพิ่งแยกทางกับ ลอสแองเจลีส แกแล็กซี่ และโลดแล่นอยู่ในวงการลูกหนังมาอย่างยาวนาน 19 ปี ซึ่ง เดอะ มิร์เรอร์ สื่อผู้ดี รวบรวม 5 แมตช์แห่งความทรงจำของอดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ ที่ก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของ "หงส์แดง" เมื่อปี 1998 ไว้ดังต่อไปนี้

  1.) ลิเวอร์พูล 3-2 เอฟเวอร์ตัน - 3 เมษายน ปี 1999
          เกม "เมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้" นัดแรกของ เจอร์ราร์ด ที่ยังเป็นที่จดจำจากท่าฉลองประตูอันอื้อฉาว ด้วยการทำท่าเหมือนสูดแป้งตรงเส้นเขตโทษของ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อีกด้วย "สตีวี่จี" ถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 70 ขณะที่ "หงส์แดง" ขึ้นนำ 2-1 ก่อนที่ แพทริก แบร์เกอร์ จะยิงเพิ่มอีกประตูขณะเหลือการแข่งขันอีก 8 นาที

 
          อย่างไรก็ตาม ด้วยเสียงกระตุ้นจากแฟนบอล เอฟเวอร์ตัน ยิงตีตื้นขึ้นมาเป็น 2-3 และโหมกระหน่ำบุกเป็นชุด ก่อนจะเป็น เจอร์ราร์ด ที่ช่วยให้ ลิเวอร์พูล รอดพ้นจากการโดนตีเสมอ เมื่อบล็อกจังหวะยิงจ่อๆ รวมถึงสกัดบอลจากบนเส้นอย่างหวุดหวิด ช่วยให้ทีมเก็บ 3 แต้วสำคัญสำเร็จในท้ายที่สุด

 
          2.) เยอรมัน 1-5 อังกฤษ - 1 กันยายน ปี 2001
          บางทีนัดนี้อาจจะเป็นเกมที่สร้างชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของทีมชาติอังกฤษ หลังโดน เยอรมัน ยิงขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม ไมเคิ่ล โอเว่น ซึ่งระเบิดฟอร์มซัดแฮตทริกในนัดนี้ ยิงประตูตีเสมอ ก่อน เจอร์ราร์ด จะยิงประตูแรกในนามทีมชาติจากการลงเล่น 6 นัด จากจังหวะการคอนโทรลอย่างยอดเยี่ยม ก่อนซัดเสียบมุมล่างขวาเข้าไปอย่างสวยงาม

3.) ลิเวอร์พูล 3-3 เอซี มิลาน - แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ - 25 พฤษภาคม ปี 2005
          บางทีอาจเป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การลงชิงชัยฟุตบอลสโมสรยุโรปของ ลิเวอร์พูล หลังตกเป็นรองก่อน 0-3 แบบสู้ไม่ได้ในครึ่งแรก แต่ เจอร์ราร์ด ปลุกความหวังของทีมด้วยการโหม่งประตูตีไข่แตกในต้นครึ่งหลัง จากขุนพล "หงส์แดง" ดาหน้าบุกจนตามตีเสมอสำเร็จ ก่อนคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ สมัยที่ 5 มาครอบครอง ด้วยการเอาชนะ เอซี มิลาน ในการดวลจุดโทษ และเป็นเกมนี้นี่เองที่ "สตีวี่จี" จำรึกชื่อตัวเองเข้าไปอยู่ในหัวใจของพลพรรค "เดอะ ค็อป" ทุกดวง

4.) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-4 ลิเวอร์พูล - 14 มีนาคม ปี 2009
          คงไม่มีวันไหนที่ดีไปกว่าการบุกไปถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำให้กับคู่แข่งตัวฉกาจมาตลอดในช่วงหลัง เจอร์ราร์ด เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนแนวรุก โดยที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส กลายเป็นดาวเด่น หลังเล่นงาน เนมานย่า วิดิช กองหลัง "ปีศาจแดง" จนเสียราคาแข้งที่ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในแนวรับสุดแกร่ง ก่อนทีมเยือนจะคว้าชัยชนะสวยหรูพร้อมกับ 3 คะแนนเต็มสำเร็จ

5.) เสมอ คริสตัล พาเลซ 3-3 (พลาดแชมป์) - 5 พฤษภาคม ปี 2014
          เจอร์ราร์ด คว้าแชมป์กับ ลิเวอร์พูล มาแล้วทุกรายการ ยกเว้นแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดี และครั้งนี้อาจเป็นโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุด ชัยชนะจะช่วยให้ ลิเวอร์พูล ลงเล่นเกมสุดท้ายของฤดูกาลโดยมีแต้มเท่ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ "หงส์แดง" กลับทำได้เพียงแค่เสมอ ทั้งที่ขึ้นนำก่อนถึง 3-0 โดยสิ้นเสียงนกหวีดจบเกม เจอร์ราร์ด ถึงกับคอตก ขณะที่เพื่อนร่วมทีมต่างอยู่ในอาการช็อกตามกันเลยทีเดียว