"ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แม่ทัพ "ช้างศึก" ซูกความฟิตของนักเตะทีมชาติไทย ไม่ออกอาการแผ่วแม้ว่าจะล้าแต่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างดีเยี่ยม เผยในเกมวันที่ 8 ธ.ค.นี้จะเปิดเกมรุกลุยแหลกใส่ เมียนมาร์ แน่นอน เนื่องจากไปตุนสกอร์มาได้ก่อนในนัดแรก ส่วนเรื่องของสถิติใหม่หากคว้าแชมป์และชนะรวดได้นั้น ยังไม่สนใจเพราะไม่ต้องการที่จะไซโคให้นักเตะมีความกดดันมากเกินไป และต้องการมองไปทีละสเต๊ปมากกว่า

  
        ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้การกุมบังเหียนของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง โดยมีคิวป้องกันแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ซึ่งในรอบรองชนะเบิศ นัดสอง จะเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน พบ เมียนมาร์ เวลา 19.00 น. หลังจากไปตุนสกอร์มาด้วยการชนะ 2-0 โดยช่อง 7 สี และ ฟ็อกซ์ สปอร์ต เตรียมถ่ายทอดสดให้ชมกันทั่วประเทศ วันที่ 8 ธ.ค.นี้

        ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ งดซ้อมในช่วงเช้า เนื่องจาก "ซิโก้" ต้องการให้นักเตะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในโรงแรม ดิ เอเมอรัลด์ รัชดา ก่อนที่ช่วงเย็นเวลา 15.00 น. จะไปสักการะศาลหน้าสนามเทพหัสดิน และซ้อมในเวลา 16.00 น.

        ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเฮดโค้ชทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ว่า สภาพร่างกายของนักเตะ "ช้างศึก" ในเวลานี้อ่อนล้าหรือไม่ เนื่องจากเพิ่งจะกลับมาจากเมียนมาร์ เจ้าตัวบอกว่า "ระดับความฟิตของนักเตะในตอนนี้อยู่ที่ 90-100 เปอร์เซ็นต์ แม้อาจจะมีล้าบ้างแต่ไม่ถึงกับมาก เพราะเรามีวิธีการฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้กับผู้เล่นทุกคนอยู่แล้ว คิดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการจัดทีม"

        เจอหม่องนัดสองเปิดเกมรุกแบบกระหน่ำ

        พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถาม "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แม่ทัพ "ช้างศึก" ว่า ในเกมที่สองของรอบรองชนะเลิศ ศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ซึ่งจะเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน พบกับ เมียนมาร์ วันที่ 8 ธ.ค.นี้ จะเปิดเกมบุกแบบกระหน่ำหรือไม่รวมทั้งโมเมนตั้มของเกมนี้จะต่างไปจาก 2 ปีที่แล้ว ซึ่งทีมชาติไทย สามารถบุกไปเสมอ ฟิลิปปินส์ มาก่อน 0-0 หลังจากนั้นกลับมาชนะในบ้าน 3-0

        "ซิโก้" ได้บอกว่า "เกมที่เราจะพบกับ เมียนมาร์ แน่นอนว่าจะต่างไปจาก 2 ปีที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากชุดนั้นเรามีเด็กที่ก้าวขึ้นมา รวมทั้งผู้เล่นชุดใหญ่ไม่กี่คน อีกทั้งความกดดันไม่เหมือนในครั้งนี้ เพราะเรามีนักเตะที่มีประสบการณ์มากขึ้นอยู่ในทีมหลายคน แต่ผู้เล่นรู้ว่าจะต้องทำหน้าที่อย่างไร กับเป้าหมายที่เราวางไว้ในตอนนี้ ซึ่งเราบอกได้เลยว่ารูปแบบการเล่นของทีมในการพบกับ เมียนมาร์ นัดนี้จะเปลี่ยนไปจากนัดแรกแน่นอน เนื่องจากเราจะเปิดเกมรุกมากกว่าเดิม"

        ไม่อยากให้เด็กกดดันเรื่องสถิติชนะรวด

        เกี่ยวกับการสร้างสถิติใหม่ของทีม เนื่องจากในการแข่งขันชิงแชมป์อาเซียน ตลอด 10 ครั้งที่ผ่านมา มีเพียงครั้งเดียวที่ทีมแชมป์ชนะรวดทุกนัดคือ นั่นคือในปี 2000 ซึ่งคือทีมชาติไทยนี้เอง โดยชนะรวด 5 นัด จากการเป็นเจ้าภาพ

        โดยหนนั้นยังจัดแบบมีเจ้าภาพชาติเดียว อย่างไรก็ตาม หากนับตั้งแต่พลิกโฉมรูปแบบในการจัดครั้งที่ 4 ปี2002 ซึ่งเปลี่ยนเป็นรอบแรกแบ่งเจ้าภาพ 2 ประเทศ และรองรองฯ กับ รอบชิงฯ เตะระบบเหย้า-เยือน นั้น ยังไม่มีทีมแชมป์ที่ชนะรวดทุกนัดเลยแม้แต่ทีมเดียว ดังนั้นในหนนี้ ทีมไทยซึ่งรอบแรก ชนะรวด 3 นัด และรอบตัดเชือกนัดแรก ชนะ เมียนมาร์ 2-0 ทำให้ ช้างศึก ยังมีสิทธิ์สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่ชนะแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการจัดรูปแบบใหม่ ว่าต้องการทำสถิติขึ้นมาให่หรือไม่

        "เทรนเนอร์ "ช้างศึก" บอกว่า "จริงๆแล้วเราไม่อยากพูดถึงสถิติ เพราะเราต้องการเดินไปทีละก้าวมากกว่า เพราะในเกมแรกที่เราเจอกับ เมียนมาร์ เราเองก็มีโอกาสที่จะแพ้พวกเขา หลังจากที่โดนหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ หากว่าเกมที่ผ่านมาเราเกิดพลาดท่าแพ้ หรือเสมอคงจะเป็นเรื่องที่เสียหาย จนทำให้คู่แข่งได้ใจก็เป็นได้"

        "ฉะนั้นเราคงจะยังไม่มองไปถึงรอบชิงชนะเลิศ เพราะเราไม่ต้องการไปเพิ่มแรงกดดันให้กับนักเตะ เนื่องจากตอนนี้ทุกคนรู้ว่าหน้าที่และเป้าหมายในการลงเล่นแต่ละนัดคืออะไรอยู่แล้ว ส่วนสถิตินั้นคงจะเป็นเรื่องรองกับการมองไปทีละสเต๊ปมากกว่า"