ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2559

เลสเตอร์ ซิตี้ 4 - แมนฯ ซิตี้ 2

        สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

         แชมป์เก่า ''จิ้งจอกสีน้ำเงิน'' ยังคงขาด แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ ที่ติดโทษแบนเป็นนัดสุดท้าย รวมถึง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล มือหนึ่งที่ยังไม่ฟิต แต่โดยรวมส่งชุดใหญ่ลงสนาม ตัวหลักอย่าง เจมี่ วาร์ดี้, ริยาด มาห์เรซ, อิสลาม สลิมานี่และ โรเบิร์ต ฮูธ เป็นตัวจริงทั้งหมด

         ทางด้าน ''เรือใบสีฟ้า'' แมนฯ ซิตี้ มีตัวแบนถึง 3 รายทั้ง เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'', แฟร์นันดินโญ่ และ นิโกลัส โอตาเมนดี้ เกมนี้ใช้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ยืนหน้าเป้า โดยมี เควิน เดอ บรอยน์ และ ดาบิด ซิลบา ที่พักมาเต็มๆ ออกสตาร์ต

         ยังไม่ทันตั้งตัว แค่ 2 นาทีเศษ แฟนจิ้งจอกเฮลั่น จากจังหวะที่บราโว่สาดบอลขึ้นหน้าไม่ดี กลายเป็นเจ้าถิ่นตัดบอลได้ และบุกกลับทันที สลิมานี่แทงบอลออกทางขวาเขตโทษ วาร์ดี้สปีดหนีซาญ่า ก่อนสับไกเรียดเสียบเสาไกลสุดเฉียบเลสเตอร์นำ 1-0

         มึนไม่หาย อีก 2 นาที จากลูกทุ่มทางซ้ายของเลสเตอร์ บอลลอยมาหน้าประตู ก่อนเป็นสลิมานี่ป้ายขึ้นหลังให้ แอนดี้ คิง ตะบัน 20 หลาหน้าเขตโทษ ส่งบอลเสียบใต้คานงามหยด จิ้งจอกขย้ำห่าง 2-0

         คึกหลือเกิน นาที 12 จากบอลโด่งทางซ้าย ที่เปิดข้ามมาเสาสอง ฮูธโหม่งตั้งเข้าใน สลิมานี่สอดมายิงข้ามคานแบบได้เสียว อีก 3 นาที ซิลบาไหลให้เดอ บรอยน์ เข้าเขตโทษทางซ้าย ก่อนซัดหลุดเสาสอง

         เรือใบออกทะเล นาที 20 ฟุคส์สาดบอลยาวขึ้นหน้าจากตัวเองมาทางขวา สลิมานี่แตะเข้ากลางจังหวะเดียวให้วาร์ดี้สอดขึ้นมาหลุดเดี่ยว แล้วแตะหนีบราโว่อย่างใจเย็น ก่อนแปเข้าประตูโล่งๆ เลสเตอร์ทิ้งลิบ 3-0

         เอาให้ตาย นาที 23 อัลไบรท์ตันพาบอลมาหน้าเขต ก่อนไหลออกขวาให้มาห์เรซ เลี้ยงจี้เข้าหาสโตนส์ ก่อนล็อกเข้าในแล้วตะบันด้วยซ้าย บราโว่ออกแรงทุบทิ้งไว้ได้

         เรือใบพยายามสู้ นาที 31 จากลูกเตะมุมทางขวา เดอ บรอยน์ เปิดมาเสาแรก แฟร์นานโดขวิดเช็ดให้โคลารอฟโหม่งอีกทอด บอลแค่เฉี่ยวเสา

         ขยับมาถึงนาที 40 เรือใบได้ฟรีคิกทางกราบขวา เดอ บรอยน์ เปิดมาหน้าประตู โคลารอฟโดนซิมพ์สันเหนี่ยวล้มลงไป แต่อิเฮียนาโช่ก็ดึงมอร์แกนคว่ำเช่นกัน ผู้ตัดสินเป่าให้เลสเตอร์ได้ฟาวล์จากจังหวะหลัง เรือใบชวดได้จุดโทษ

         มาอีกระลอก นาที 45 มาห์เรซไหลขึ้นหน้าไปที่ว่างทางขวาให้อัลไบรท์ตัน ตวัดโยนเข้ากลาง สลิมานี่ลอยตัวขวิดหลุดเสาสองออกหลัง จบครึ่งแรก เลสเตอร์ ทิ้งห่างแมนฯ ซิตี้ 3-0

          เริ่มครึ่งหลัง ทีมเรือใบบุกแบบไม่มีเกียร์ถอยหลังสร้างปัญหาให้แนวรับ เดอะ ฟ็อกซ์ ถี่ยิบ และน่าจะตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 58 เมื่ออิเฮียนาโช่เก็บบอลในเขตโทษได้แล้วแตะคืนให้ อิลคาย กุนโดกัน แปเน้นๆ จาก 20 หลา เฉี่ยวเสาซ้ายมือของตัวเองไปนิดเดียวเท่านั้น

         อึดใจต่อมา ทีมเยือนเปลี่ยนทั้งสเตอร์ลิงกับตูเร่ลงไปแทน เฆซุส นาบาส กับ อิเฮียนาโช่ แต่นาทีที่ 67 แฟร์นานโดไปเสียบซิมพ์สันร่วงจึงโดนจดชื่อก่อนที่ทีมเยือนจะเปลี่ยนกุนโดกันออกให้โนลีโต้ลงสนามเป็นตัวสำรองรายสุดท้าย

         แม้จะพยายามสอยตาข่ายอย่างหนัก แต่สุดท้ายแมนฯ ซิตี้ ก็เอาชนะเกมรับของเลสเตอร์ที่ปล่อย ชินจิ โอกาซากิ ลงไปแทนสลิมานี่ในนาทีที่ 78 ไม่ได้

         และแล้วในนาทีเดียวกันนี้ จอห์น สโตนส์ ก็ก่อความผิดพลาดหลังแย่งบอลจากมาห์เรซทางริมสนามได้ แต่จ่ายคืนบราโว่แย่เลยถูกวาร์ดี้ขโมยไปซัดมุมแคบชนเสาไกลไหลข้ามเส้นประตู แม้ซาญ่าจะตามไปเตะทิ้งก็สายไปแล้ว แชมป์เก่าจึงนำห่าง 4-0 และเป็นแฮตทริกแรกของ วาร์ดี้ นับแต่ย้ายมาค้าแข้งกับ เลสเตอร์ ซิตี้ นับจากปี 2012 สมัยค้าแข้งกับฟลีตวู้ด ทาวน์ ทีมนอกลีก

         อย่างไรก็ดี แมนฯ ซิตี้ มาได้ลูกฟรีคิกระยะ 25 หลา ทางกราบซ้ายในนาทีที่ 82 และเป็นโคลารอฟที่ปั่นเสียบเสาแรกตีไข่แตกได้สำเร็จ สกอร์ไล่มาเป็น 1-4

         จากนั้นในช่วงทดเจ็บ แฟนเรือใบมีลุ้นขึ้นมาบ้างเมื่อ โนลีโต้ ยิงให้ทีมไล่ตีตื้นมาเป็น 2-4 และแม้ช่วงท้ายเกมจะโหมบุกอย่างหนักแต่ไม่ทันการ จบเกม เลสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะแมนฯซิตี้ ไปได้อย่างสนุก 4-2 คว้าชัยนัดแรกในรอบ6เกมในลีก ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 14 ของตารางพรีเมียร์ลีก ขณะที่ "เรือใบสีฟ้า" รั้งอันดับ 4 ตามหลัง "จ่าฝูง" ถึง 4 คะแนนแล้ว

        รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

         เลสเตอร์ ซิตี้ : รอน-โรเบิร์ต ซีเลอร์ - แดนนี่ ซิมพ์สัน, โรเบิร์ต ฮูธ, เวส มอร์แกน, คริสเตียน ฟุคส์ - ริยาด มาห์เรซ, แดเนียล อามาร์ตีย์, แอนดี้ คิง, มาร์ค อัลไบรท์ตัน - เจมี่ วาร์ดี้, อิสลาม สลิมานี่

         สำรอง : เบน ฮาเมอร์, เบน ชิลเวลล์, อาเหม็ด มูซ่า, แม็ทธิว เจมส์, ชินจิ โอกาซากิ, เดมาไร เกรย์, น็องปาลิส เมนดี้

         แมนฯ ซิตี้ : เคลาดิโอ บราโว่ - ปาโบล ซาบาเลต้า, จอห์น สโตนส์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, บาการี่ ซาญ่า - แฟร์นานโด - เฆซุส นาบาส, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน, ดาบิด ซิลบา - เคเลชี่ อิเฮียนาโช่

         สำรอง : วิลลี่ กาบาเยโร่, ราฮีม สเตอร์ลิง, โนลีโต้, ลีรอย ซาเน่, กาแอล กลิชี่, ยาย่า ตูเร่, โตซิน อาดาราบิโอโย่

        ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์