เมื่อ 15 ก.ค. 60 ที่โรแรมอัลมีรอช ได้มีการจัดแถลงข่าวความพร้อมก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 45 โดยมีตัวแทน 4 ทีมร่วมการแข่งขันได้แก่ทีมคู่ชิงชนะเลิศระหว่างทีมชาติไทย พบ เบรารุส และ คู่ชิงอันดับ 3 บูร์กิน่าฟาโซ พบ เกาหลีเหนือ

ทีมชาติไทยมี มิโลวาน ราเยวัช กุนซือใหญ่ ควง ”จ่าเย็น” มงคล ทศไกร เป็นตัวแทน ด้านเบรารุส มีโค้ช อิกอร์ ครูซเชนโก้ ที่มาพร้อมกับ พาเวล ซาวิตสกี้ กัปตันทีม ส่วนทีมบูร์กินาฟาโซ มี ทราโอเร่ อิดริสา ประธานเทคนิค และ อาบูบาการ์  ซาโวโดโก้ ผู้รักษาประตูกัปตันทีมเดินทางมาร่วมแถลง ขณะที่เกาหลีเหนือมี ราปองกิ   ผู้ช่วยกุนซือพร้อมกับ รี ยอง ชอล ร่วมแถลงความพร้อมในครั้งนี้

สำหรับคู่ชิงชนะเลิศระหว่างทีมชาติไทย พบ เบลารุส ทาง ครูซเชนโก้ ได้กล่าวว่า “เราพอใจกับเกมการแข่งขันจากเกมนัดแรกพอสมควรทุกคนทำได้ดี แต่การเจอกับทีมชาติไทย ไม่ง่ายแน่นอน นักเตะของไทยเล่นกันได้ดีมาก โดยเฉพาะผู้รักษาประตู (​กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์) ที่เกมกับเกาหลีเหนือถือว่าเด่นมาก การเตรียมตัวของเราสำหรับเกมที่จะเล่นกับทีมชาติไทยนั้น เรายังตอบไม่ได้ว่าจะรับมือเช่นไรแต่เราก็ทำการบ้านเอาไว้แล้วเชื่อว่าจะเป็นเกมที่สนุกแน่นอน และหวังว่าเราจะได้ผลการแข่งขันตามที่ต้องการ”

โค้ชเบลารุส ยังได้กล่าวอีกว่า “นักเตะไทยมีศักยภาพฝีเท้าที่ดี  มีเกมรุกที่ดี แต่ยังมีช่องว่างในแนวรับไม่น้อย จะเห็นได้จากเกมแรก เพียงแต่เกาหลีเหนือยิงกันไม่ได้เอง การเจอทีมชาติไทยก้จะเล่นไปตามเกมไม่เน้นว่าจะรุกหรือรับ ซึ่งตนเองและทีมงานได้ศึกษาจากวีดิโอเพื่อเตรียมรับมือเอาไว้แล้ว และหวังว่าจะสามารถเอาชนะทีมชาติไทยได้ในเวลา 90 นาที ทว่าหากต้องไปดวลที่จุดโทษก็ไม่ได้กังวลอะไร แม้ว่าเราจะไม่ได้ซ้อมกันมา แต่ลูกทีมก็พิสูจน์ให้เห้นแล้วในการดวลจุดโทษชนะบูร์กินาฟาโซมาได้ว่าพวกเขามีความมั่นใจที่จะยิงจุดโทษ”

ด้าน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทย ได้กล่าวว่า “เบลารุส เป็นทีมที่ดีผู้เล่นรูปร่างสูงใหญ่สไตล์การเล่นแบบยุโรปไม่ง่ายกับการรับมือ พวกเขาเป็นทีมที่มีเทคนิคการเล่นที่ดีด้วย แต่เราก็ได้เตรียมความพร้อมในการรับมือเอาไว้แล้ว และหวังว่าเกมจะจบในเวลาไม่ต้องไปดวลกันถึงจุดโทษ แต่หากว่าต้องเตะจุดโทษเราก็พร้อมเช่นกันเพราะเราก็ได้ซ้อมกันมาตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมา”

ส่วน”จ่าเย็น”​ เสริมว่า “ตอนนี้ทุกคนพร้อมลงสนามมีความกระหายอย่างมาก เกมนี้ไม่ง่าย เราพยายามดูแลสภาพร่างกายความฟิตให้พร้อมที่สุด เชื่อว่าจะเป็นเกมที่สนุก ก็หวังที่จะเก็บชัยชนะ เพื่อรักษาถ้วยแชมป์เอาไว้ในเมืองไทยอีกครั้ง ก็อยากเชิญชวนแฟนบอลชาวไทยมาร่วมเชียร์และเป็นกำลังใจให้กับทุกคนด้วย”

ด้านคู่ชิงอันดับ 3 ระหว่างบูร์กิน่าฟาโซ พบกับเกาหลีเหนือนั้น ทางประธานเทคนิคของทีมบูร์กิน่าฟาโซ กล่าวว่า  “จากเกมนัดแรกเราไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่กับการแพ้จุดโทษ มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก แต่การได้มาร่วมแข่งขันครั้งนี้ก็ดีใจ เราได้เห็นการเล่นของเราว่าบกพร่องตรงไหน ที่ควรนำไปปรับแก้ไข เพราะว่าเรามีทัวร์นาเม้นต์ ที่รออยู่ในการแข่งขันระดับทวีปต่อไป”

ส่วน ราปองกิ ผู้ช่วยกุนซือใหญ่ของทีมเกาหลีเหนือได้กล่าวว่า “ขอบคุณที่เราได้มาร่วมแข่งขันครั้งนี้ เราเต็มที่แล้ว การเจอกับบูร์กินาฟาโซ ไม่ใช่งานที่ง่ายแน่นอน เพราะจากนัดแรกเขาถือว่าทำได้ดี แต่ก็ยอมรับว่าเราน่าจะเสียเปรียบเรื่องของรูปร่าง ขณะที่ รี ยอง ชอล ยอมรับว่าการปรับตัวเรื่องของสภาพอากาศยังทำได้ไม่ดีนัก แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดในเกมนัดชิงอันดับ 3

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 45 นัดชิงชนะเลิศวันที่ 16 ก.ค. 60 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน คู่ชิงชนะเลิศ  เวลา 19.30 น.ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติเบรารุส และคู่ชิงอันดับ 3 เวลา16.30 น. ทีมชาติบูร์กินาฟาโซ พบ ทีมชาติเกาหลีเหนือ โดยทั้งสองคู่ถ่ายทอดสดทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32