ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » ฟิตก็รอไปก่อน! ทำไม เคน ถึงไม่ควรเป็นตัวจริงนัดชิงดำ ชปล.

ฟิตก็รอไปก่อน! ทำไม เคน ถึงไม่ควรเป็นตัวจริงนัดชิงดำ ชปล.

Posted 01/06/2019 by siamsport

ถ้าจะบอกว่านี่เป็นหนึ่งในการเลือก 11 ตัวจริงที่ยากที่สุดในชีวิตของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้จัดการทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็ว่าได้ หลังจากที่เขาจำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะส่ง แฮร์รี่ เคน กองหน้าตัวความหวังลงเล่นเป็นตัวจริงในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล ในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายนนี้ดีรึเปล่า
    เคน ได้รับบาดเจ็บตรงเอ็นหัวเข่าจากเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเขาก็ไม่ได้ช่วยทีมอีกเลยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งตอนนี้ดาวเตะชาวอังฤษก็สลัดอาการเดี้ยงได้แล้ว และพร้อมช่วยทีมในเกมกับ ลิเวอร์พูล

    อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมามันก็มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่า โปเช็ตติโน่ ควรจะใช้งาน เคน ในฐานะตัวจริงดีรึเปล่า ซึ่งที่จริงถ้าคิดจากปัจจัยต่างๆ แล้วนั้น กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ก็ไม่ควรจะส่งเขาลงเล่นเป็นตัวจริง เพื่อที่ทีมของเขาจะได้มีโอกาสคว้าแชมป์ไปครอง

    - สภาพความฟิตเหมาะแค่เป็นตัวสำรอง
    เคน อาจจะหายเจ็บแล้ว แต่การหายเจ็บมันไม่ได้แปลว่าเขามีสภาพความฟิตเหมาะสำหรับการลงเล่นแบบเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าเขาไม่ได้ลงเล่นมาราว 1 เดือนกว่าๆ เลยทีเดียว ในขณะที่แนวรุกคนอื่นๆ อย่างเช่น ซน ฮึง-มิน และ ลูคัส มูร่า ลงเล่นมาแบบต่อเนื่องจนมีสภาพความฟิตที่ดี

 

    ถ้าเกิด เคน ฝืนลงเล่นตั้งแต่ต้นเกม มันก็อาจจะทำให้เขาหมดแรงเร็ว และส่งผลเสียกับ สเปอร์ส ไปด้วย ในทางกลับกัน ถ้าเกิด โปเช็ตติโน่ เก็บเขาเอาไว้ใช้งานเป็นตัวสำรองในช่วงครึ่งหลัง ดาวเตะทีมชาติอังกฤษก็จะลงเล่นโดยที่ไม่ต้องเสียเปรียบด้านความฟิตมากนัก และอาจจะเอาชนะแนวรับของ ลิเวอร์พูล ที่เกิดอาการล้าได้

    - เคน ไม่เหมาะกับการไล่กดดันสูง
    หนึ่งในจุดเด่นของ สเปอร์ส ชุดนี้คือการที่พวกเขามักจะแย่งบอลมาครองได้ตั้งแต่ในแดนของคู่แข่ง พร้อมกับเล่นเกมสวนกลับได้อย่างรวดเร็วในเวลาที่พวกเขาเจอกับทีมเก่งกว่า อย่างเช่นรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นต้น ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะใช้แผนแบบนั้นได้คือการมีกองหน้าที่สามารถวิ่งไล่แย่งบอลในแดนของคู่แข่งได้ดี และในบรรดาแดนหน้าของ สเปอร์ส เคน คือคนที่มีสถิติด้านนั้นแย่ที่สุด

 

    เคน ลงเล่นไปรวมแล้ว 3,251 นาที และแย่งบอลมาครองได้ 86 ครั้ง คิดเป็นค่าเฉลี่ยที่ 2.4 หนต่อ 90 นาที แย่กว่า ซน กับ มูร่า ชนิดที่จะบอกว่าคนละชั้นก็ไม่ผิด โดย ซน เป็นที่ 1 ในชาร์ตี้ของกลุ่ม 4 แดนหน้าของ สเปอร์ส หลังจากเขาลงเล่นไป 3,199 นาที พร้อมกับแย่งบอลมาครองได้ 148 ครั้ง คิดเป็น 4.2 หนต่อ 90 นาที ส่วน มูร่า ตามมาเป็นที่ 2 โดยเขาเล่นไป 3,150 นาที และแย่งบอลมาจากคู่แข่งได้ 137 หน คิดเป็นค่าเฉลี่ย 3.9 หนต่อ 90 นาที

 


 

    ทั้งนี้ ถ้าคิดเฉพาะค่าเฉลี่ยแล้วล่ะก็ ผลงานด้านนี้ของ เคน ยังแย่กว่า เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ซะด้วยซ้ำ หลังจากที่ ยอเรนเต้ เล่นไป 1,240 นาที และแย่งบลอลมาครองได้ 35 ครั้ง คิดเป็นค่าเฉลี่ย 2.5 หนต่อนาที


 

    ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ เคน จะมีสถิติการแย่งบอลมาจากคู่แข่งที่ต่ำสุดๆ เพราะหน้าที่หลักของเขาคือการเป็นกองหน้าตัวเป้าที่รอการทำประตู ไม่ใช่การไปวิ่งไล่บอลแล้วเอามาทำเกมบุก

    อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ สเปอร์ส ต้องเจอกับ ลิเวอร์พูล ที่ครองบอลได้ดี และมีเกมรับที่เหนียวแน่น ทำให้สไตล์ของเขาอาจจะไม่สามารถเล่นงาน ลิเวอร์พูล ได้มากนัก ในขณะที่การวิ่งไล่เพื่อแย่งบอลมาครองให้ได้ตั้งแต่ในแดนของคู่แข่ง เพื่อที่จะได้บุกในจุดที่ดีก็น่าจะเป็นแผนที่ดีที่สุดในการต่อกรกับ "หงส์แดง"

    - เคน กับ ซน ไปด้วยกันไม่ค่อยได้
    ในแง่ของความสัมพันธ์นอกสนามนั้น เคน กับ ซน อาจจะสนิทกัน แต่ในแง่ของการเล่นด้วยกันในสนามแล้วนั้น ทั้งคู่ไปด้วยกันได้ไม่ดีเท่าไหร่ หนึ่งในสิ่งที่ยนยันถึงเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดีคือการที่ ซน มีค่าเฉลี่ยการทำประตูเพียง 0.3 ลูกต่อนัดเวลาที่ เคน อยู่ในสนามพรัอมกับเขา ในทางกลับกัน เมื่อไร้เงาของ เคน ดาวเตะชาวเกาหลีใต้ก็มีค่าเฉลี่ยการทำประตูที่ 0.57 ลูกต่อนัดด้วยกัน


 

    นอกจากนี้ ซน ยังมักจะปั้นเกมได้ดีกว่าในยามที่ไม่มี เคน เป็นคู่หูด้วย โดยตอนที่ เคน ไม่ได้ลงเล่นนั้น เขามีค่าเฉลี่ยการแอสซิสต์อยู่ที่ 0.22 ครั้งต่อเกม ส่วนพอมี เคน อยู่ในสนาม ตัวเลขด้านนี้ก็ลดลงเหลือ 0.16 ครั้งต่อนัด

 

 

    สาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนั้นก็เพราะพอ เคน ได้ลงเล่นแล้วนั้น ซน ก็ต้องถูกโยกไปเป็นตัวริมเส้นฝั่งซ้าย ทั้งที่ตำแหน่งที่เขาจะสร้างความอันตรายใส่คู่แข่งได้มากที่สุดคือภายในกรอบเขตโทษ

 


 

    ทั้งนี้ ซน ทำผลงานได้สุดยอดกับบทบาทกองหน้าตัวเป้าในช่วงปลายฤดูกาล 2018-19 ซึ่งเป็นช่วงที่ เคน เจ็บหนักจนทำได้เพียงนั่งดูเพื่อนๆ อยู่ที่ข้างสนาม โดยนอกจากจะยิงในกรอบเขตโทษได้ดีแล้วนั้น เขายังมีอัตราการเปลี่ยนลูกยิงไกลให้เป็นประตูดีที่สุดของทีมด้วย ที่จำนวน 10.9 เปอร์เซ็นต์

    เมื่อพิจารณาถึงผลงานที่สุดยอดของ ซน ในช่วงที่ผ่านมาแล้วนั้น การโยกเขาไปรับตำแหน่งอื่นแล้วให้ เคน ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าแทนตั้งแต่เริ่มเกมก็ดูจะเป็นทางเลือกที่เสี่ยงพอตัว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »