ครั้งหนึ่ง ลุค แชดวิค เคยเป็นดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองอย่างมากในอะคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ปีกที่ฝีเท้าโดดเด่นเหมือน เดวิด เบ็คแฮม กับ ไรอัน กิ๊กส์ แต่ตอนนั้น "เร้ด อาร์มี่" บางส่วนก็มองว่าเขามีศักยภาพดีพอที่จะเป็นอะไหล่ที่น่าเชื่อถือของทั้งคู่ได้ และมีโอกาสที่จะพัฒนาฝีเท้าให้ใกล้เคียงกับทั้งสองคนได้
  
น่าเศร้าที่สุดท้ายแล้ว แชดวิค ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เขาได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ขแง แมนฯ ยูไนเต็ด ในทุกรายการไปเพียง 39 นัด โดยเขาเคยถูกปล่อยไปเล่นแบบยืมตัวกับหลายทีมด้วย ก่อนที่จะบอกลา "ปีศาจแดง" ในปี 2004

โซแฮม ทาวน์ เรนเจอร์ส คือสโมสรสุดท้ายในฐานะนักเตะของ แชดวิค พวกเขาก็เป็นเพียงทีมนอกลีกระดับเล็กๆ ที่ชื่อชั้นต่างกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบฟ้ากับเหว ส่วนสาเหตุหลักที่เขาเล่นให้ทีมนั้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่มันอยู่ในเทศมณฑลเคมบริดจ์เชียร์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง โดยที่ แชดวิค เลือกแขวนสตั๊ดในปี 2016

ทั้งนี้ ล่าสุด แชดวิค ได้เปิดใจถึงชีวิตการค้าแข้งของตัวเอง และเขาก็เปิดเผยว่าสมัยก่อนตัวเองเคยมีช่วงเวลาที่สภาพจิตใจย่ำแย่มาก ส่วนสาเหตุเป็นเพราะการมีอารมณ์ร่วมให้กับวงการฟุตบอลมากเกินไปนั่นเอง

"มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายสุดๆ ผมเหมือนเสียตัวตนไปเลย ตอนนั้นผมให้คำนิยามถึงตัวเองว่าเป็นนักฟุตบอล ไม่ใช่ในฐานะคนทั่วไป ดังนั้นมันเลยเหมือนกับว่า -ส่วนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันมันจบลงไปแล้ว มันจะมีอะไรเหลืออีก ?- ความคิดแบบนั้นมันฝังอยู่ในหัวผมนานเกินกว่าที่ควรจะเป็น ผมหมกมุ่นกับความคิดแบบนั้นถึง 3 ปีครึ่งได้มั้ง"

"ผมไม่เคยเผชิญหน้าสู้กับมันจริงๆ ตอนนั้นผมอยู่ในช่วงตกต่ำชนิดดิ่งลงเหวลึกก็ว่าได้ ผมไม่ได้ทำให้ตัวเองมีชีวิตที่ไม่เหมาะสม ผมอาจจะดื่มเหล้ามากไปด้วย ตอนนั้นสภาพจิตใจของผมมันยำแย่มากๆ แต่ผมก็ไม่ได้เผชญหน้าสู้กับมันโดยตรง ผมยอมรับในเรื่องนั้น"

ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) แล้วล่ะก็ ชีวิตของ แชดวิค ก็อาจจะยากลำบากกว่านี้ด้วยซ้ำ และประสบการณ์ที่ผ่านมามันก็ทำให้เขาตระหนักว่าตัวเขาเองมีอารมณ์ร่วมให้กับสิ่งที่เรียกว่า ฟุตบอล มากไป "ฟุตบอลมันสามารถดูดชีวิตของคุณไปได้สบายๆ แน่นอนว่าการได้เป็นนักเตะอาชีพมันคือฝันที่เป็นจริง แต่ในอาชีพการเล่นของคุณน่ะคุณจะมีช่วงเวลาที่น่าพอใจแค่นิดเดียวเท่านั้น เพราะคุณจะไม่มีวันพอใจได้เลย"

"ถ้าคุณติดทีม คุณก็ต้องพยายามรักษาตำแหน่งของตัวเองให้ได้ ในทางกลับกัน ถ้าคุณหลุดออกจากทีมคุณก็ต้องตะเกียกตะกายอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะกลับมาติดทีมให้ได้ ถ้าคุณมีอาการบาดเจ็บคุณก็ต้องพยายามทำให้ตัวเองฟิตปั๋ง มันกลายเป็นว่าฟุตบอลอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ขัดขวางชีวิตของคุณ และกระบวนการทางความคิดของคุณได้ถ้าคุณไม่ทำให้มันเกิดความสมดุลได้ดีพอ และสำหรับผู้รักษาประตูแล้วนั้นมันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากกว่าตำแหน่งอื่นๆ มากเป็นพิเศษอีก"

ปัจจุบัน แชดวิค มีลูก 2 คน นั่นคือ หลุยส์ วัย 18 ปี กับ เลียม วัย 15 ปี โดยทั้งคู่อยู่กับ เคมบริดจ์ ยูไนเต็ด ซึ่งกรณีของ หลุยส์ ถือเป็นผู้รักษาประตูดาวรุ่งสโมสรจาก ลีก ทู ด้วย แต่ แชดวิค ก็เตือนลูกว่าไม่ควรมีพาสชั่นให้ฟุตบอลมากเกินไป ไม่งั้นก็อาจจะซ้ำรอยตนได้

"สัปดาห์ก่อนผมเพิ่งได้คุยกับ เลียม หลังจากที่เขามีชอตเล่นพลาด แค่มองก็พอจะเดาออกเลยว่ามันส่งผลกับชีวิตของเขาอย่างมาก แต่เราก็พูดกันแบบตรงไปตรงมา ประมาณว่า -ลูกต้องเจอเรื่องแบบนี้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของอาชีพการเล่นนั่นแหละ ถ้าเกิดลูกโชคดีพอจนจะเป็นนักเตะอาชีพได้จริงๆ ล่ะก็นะ- คุณต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันให่ได้ และใช้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เป็นบทเรียน ไม่ใช่ปล่อยให้มันมีผลกระทบกับชีวิตนอกสนามของคุณ