"ช้างศึก" ทีมชาติไทยยึดระบบเดิมส่ง "เจ้ามุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา เป็นศูนย์หน้าตัวเป้าเพียงคนเดียวล่าตาข่าย โอมาน โดยให้ "โกโก้" ดัสกร ทองเหลา คอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง ส่วนแบ็กขวาจะได้ "เจ้าเปรม" สุรีย์ สุขะ กลับมาประจำการตามเดิม ขณะที่ โอมาน ส่ง อาลี อัล ฮับซี นายทวารจาก วีแกน ทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เฝ้าเสาพร้อมตัวหลักๆ ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย วันที่ 6 ก.ย. นี้ ที่สนามราชมังคลาฯ เวลา 18.00 น.

   ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ที่มีโปรแกรมทำศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 หรือรอบ 20 ทีมสุดท้าย โดยทีมชาติไทยอยู่กลุ่ม ดี ร่วมกับ ออสเตรเลีย, ซาอุดีอาระบีย และโอมาน โดยนัดแรก ไทย บุกแพ้ ออสเตรเลีย 1-2 และนัดสอง เตรียมลงสนามพบกับ โอมาน วันที่ 6 ก.ย. นี้ ที่สนามราชมังคลาฯ เวลา 18.00 น. ช่อง สทท.11 กรมประชาสัมพันธ์รับหน้าที่ถ่ายทอดสด

   ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 5 ก.ย. 2554 ที่ผ่านมา ณ ห้องเฟื่องฟ้า รร.โกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอริน เวลาประมาณ 15.00 น. ได้มีการแถลงข่าวความพร้อมของทั้งสองทีม โดยมี "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลไทยฯ เป็นประธาน พร้อมด้วยกุนซือทั้งสองฝ่ายอย่าง "วินนี่" วินฟรีด เชเฟอร์ เฮดโค้ชทีมชาติไทย และ ปอล เลอ กูแอ็น เฮดโค้ชโอมาน

   โดยในการแถลง "วินนี่" วินฟรีด เชเฟอร์ เฮดโค้ชทีมชาติไทย เผยว่า จากการดูเทปการเล่นของโอมาน ในนัดพบกับ ซาอุฯ ถือว่าเป็นทีมที่ไม่ธรรมดา แต่ ไทย ก็จะพลาดไม่ได้ เพราะฉะนั้น จะต้องเน้นเป็นพิเศษเพื่อโอกาสการเข้ารอบต่อไป

   "เราเพิ่งกลับมาจากออสเตรเลีย ได้เพียง 2-3 วันเท่านั้น เพราะฉะนั้น ต้องใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีค่ามากที่สุด ซึ่งตอนนี้ถือว่าทีมมีความพร้อมเพราะไม่มีใครบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ซึ่งคาดหวังว่าในเกมกับ โอมาน จะมีแฟนบอลเข้ามาชมแกมในสนามเยอะๆ เพื่อร่วมเชียร์ทีมชาติไทย"

    นอกจากนั้น วินฟรีด เชเฟอร์ ยังได้เผยถึงตัวผู้เล่นที่ได้ "เจ้าโอ๊ด" ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ กับ "เจ้าเปรม" สุรีย์ สุขะ สองกองหลังตัวเก่งกลับคืนสู่ทีม โดยยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้มีตัวเลือกมากขึ้นในเกมรับ ทว่าการเปลี่ยนแปลงทีมไม่สามารถทำได้ หากไม่เข้าใจในระบบ ดังนั้น ต้องดูการฝึกซ้อมในช่วงเย็นอีกครั้งก่อนตัดสินใจว่าจะส่งใครลงสนามบ้าง

   ด้าน ปอล เลอ กูแอ็น เฮดโค้ชชาวฝรั่งเศส ของโอมาน กล่าวว่า ทีมชาติไทยเล่นได้ดีมากนัดพบกับ ออสเตรเลีย ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่ทีมที่สามารถประมาทได้ แต่ลึกๆ ยังเชื่อว่า สุดท้ายแล้วจะเก็บสามคะแนนกลับออกไป เพราะตนเองมั่นใจในศักยภาพของทีมเช่นกัน

   เฮดโค้ชโอมาน ยังเผยต่ออีกว่า จากการได้ดูวิดีโอการเล่นของทีมชาติไทย กับ ออสเตรเลีย ถือว่ามีนักเตะที่อันตรายอยู่สองคน และคงต้องหาวิธีรับมือเป็นพิเศษ คือนักเตะหมายเลข 7 ซึ่งเป็นกัปตันทีม ("โก้" ดัสกร ทองเหลา) และหมายเลข 10 ("มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา) โดยทั้งสองจะเป็นกลไกสำคัญของทีมในเกมรุก ดังนั้น หากหยุดทั้งสองคนได้เราน่าจะมีโอกาสคว้าชัยชนะสูงเหมือนกัน

   ทั้งนี้เกมระหว่าง ทีมชาติไทย กับ โอมาน จะเริ่มเตะเวลา 18.00 น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดย ทีมชาติไทย จะสวมชุดสีน้ำเงินทั้งชุดลงสนามเหมือนเกมที่พบกับ ออสเตเรลีย  ส่วน โอมาน มาในชุดสีแดงล้วนทั้งชุด ขณะที่ผู้ตัดสินในเกมนี้มาจากประเทศเกาหลีใต้ ทั้งหมด

   สำหรับสถิติที่พบกันของทั้งสองทีม (นับตั้งแต่ปี 1872 - 2011) เจอกันทั้งหมด 7 ครั้ง  ปรากฏว่า ทีมชาติไทย ทำได้ดีกว่า ทว่าในการเจอกันล่าสุดคือ 4 ปีที่แล้ว ในศึกคัดฟุตบอลโลก รอบ 20 ทีมสุดท้าย ปรากฏว่า ทีมชาติไทย แพ้ไป-กลับ และตกรอบในที่สุด โดยนัดแรก 26 มี.ค. 2008 ไทย แพ้ โอมาน 0-1 ที่ราชมังฯ ซึ่งเสียประตูตั้งแต่ 30 วินาทีแรก ส่วนนัดสอง 22 มิ.ย. 2008 ไทย แพ้ โอมาน 1-2 โดยคนทำประตูคือ ตะวัน ศรีปาน จากจุดโทษ ทว่ามาเสียสองลูกในช่วงท้ายเกม

  จากนั้นในช่วงเย็นเวลา 17.00 น. ทัพนักเตะ ทีมชาติไทย ได้เดินทางไปฝึกซ้อมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดย "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลไทยฯ ได้เข้ามาชมการฝึกซ้อมเป็นวันที่สองติดต่อกัน พร้อมนำเงินสดจำนวน 5 แสนบาท มามอบให้กับทีมชาติไทยด้วย หลังจากทำผลงานได้ดีในเกมกับออสเตรเลีย นอกจากนั้นยังยืนยันว่า จะอัดฉีด 2 ล้านบาท หากเก็บชัยชนะ และ 1 แสนบาท หากเสมอ ทว่าหากเล่นดีก็อาจมีให้เหมือนครั้งนี้เช่นกัน

    สำหรับการฝึกซ้อม วินฟรีด เชเฟอร์ ได้ให้นักเตะยืดเส้นยืดสายก่อนจะเล่นสมอลไซด์ ซึ่งทีมตัวจริง เชเฟอร์ได้เลือก 11 นักเตะจากชุดที่แพ้ออสเตรเลีย อยู่ในทีมเดียวกันทั้งหมด ก่อนจะมีการสลับสับเปลี่ยนเพื่อหาความลงตัว โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม

   ขณะที่โอมาน ลงทำการฝึกซ้อมต่อจากทีมชาติไทย ในช่วง 18.00 น. ซึ่ง ปอล เลอ กูแอ็น เฮดโค้ชโอมาน ได้เน้นการฝึกซ้อมด้วยการเข้าทำตามช่องเป็นหลัก และใช้ความคล่องตัวของนักเตะทำประตู ซึ่งเวลา 1 ชั่วโมงเช่นกันจึงเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม

  "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลไทยฯ ยังได้เปิดเผยต่ออีกว่า ในเกมกับโอมาน ถือเป็นเกมที่สูสี เพราะที่ผ่านมา ไทย กับ โอมาน ผลัดกันแพ้-ชนะมาโดยตลอด ทว่าเมื่อดูจากกำลังใจของนักเตะที่มีความมุ่งมั่น บวกกับความละเอียดของเฮดโค้ชอย่าง วินฟรีด เชเฟอร์ ที่ศึกษาการเล่นของทุกคนรวมถึงคู่แข่งด้วยนั้น น่าจะทำให้ทีมมีความพร้อมและมั่นใจว่าจะเก็บชัยชนะต่อหน้าแฟนบอลได้

  สำหรับทีมชาติไทย พบกับ โอมาน มีรายงานว่า "บิ๊กอ๊อด" ยุทธศักดิ์  ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเข้ามาชมเกมนี้ด้วย ขณะที่นัดที่สามซึ่งทีมชาติไทย จะเปิดบ้านพบกับ ซาอุดีอาระเบีย วันที่ 11 ต.ค. 2554 ทาง "บังยี" ได้เชิญ "มาดามปู" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีฯ เข้ามาชมเกมด้วยเช่นกัน

   ขณะที่ "เสี่ยแฮ๊งค์" อนุชา นาคาศัย ผู้จัดการทีมที่เดินทางมาชมการฝึกซ้อมของลูกทีมด้วยนั้นเปิดเผยว่า ในวันอังคารนี้ จะเป็นเกมที่สนุกและแฟนบอลจะได้มีความสุขกับการเล่นของทีมชาติไทย ซึ่งจากฟอร์มการเล่นของนักเตะเชื่อว่าน่าจะเก็บชัยชนะได้

  ด้าน "เจ้ามุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าตัวเก่งกล่าวว่า ทุกคนต้องลืมความพ่ายแพ้ในเกมกับ ออสเตรเลีย ให้หมด และโฟกัสไปที่เกมกับโอมาน และทุกคนต้องมีสมาธิกับเกมทุกนาทีเพื่อชัยชนะที่ต้องการ ทั้งนี้ในเกมระหว่าง ทีมชาติไทย กับ โอมาน ถือว่าได้รับความสนใจจากแฟนฟุตบอลชาวไทยมากพอสมควร โดยขณะนี้บัตรเริ่มจำหน่ายออกไปแล้วหลายพันใบ และคาดว่าในวันแข่งขันน่าจะมีแฟนบอลหาซื้อบัตรที่หน้าสนามเพิ่มเติม

   สำหรับแฟนบอลสามารถหาบัตรเข้าชมได้แล้วที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา หรือ www.thaiticketmajor.com หรือร้านสตาร์ซอคเก้อร์ (สาขาพันธุ์ทิพย์พลาซ่า, เซ็นทรัล ลาดพร้าว  และ ซีคอนสแควร์) และหน้าสนามวันแข่งขันเริ่มเปิดขายเวลา 14.00 น. ในระคา 100-500 บาท

   สำหรับ 11 ผู้เล่นตัวจริงของ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ในระบบ 4-5-1 จะมีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นเพียงเล็กน้อย  โดย สุรีย์  สุขะ จะลงประจำการทางแบ็กขวาแทน จักรพันธ์  แก้วพรม ส่วนคู่เซนเตอร์น่าจะใช้บริการคู่เดิมอย่าง นิเวส กับ ชลทิตย์ ที่ทำได้ดีในเกมกับ ออสเตรเลีย  ส่วนแบ็กซ้าย ธีราทร  บุญมาทัน จะได้ลงบู๊ โดย 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม ประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู สินทวีชัย หทัยรัตนกุล  กองหลังจากขวา สุรีย์  สุขะ, นิเวส  ศิริวงษ์, ชลทิตย์  จันทคาม, ธีราทร  บุญมาทัน

  กองกลาง สุรัตน์  สุขะ กับ อดุลย์  หละโสะ คอยตัดเกมร่วมกัน และมี "โกโก้" ดัสกร ทองเหลา, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, สมปอง สอเหลบ คอยทำเกมหลังกองหน้าอย่าง "เจ้ามุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา

   ขณะที่ โอมาน ที่นัดแรกเสมอ ซาอุฯ ในบ้านตัวเอง 0-0 จะส่ง อาลี อัล ฮับซี นายทวารจากสโมสรวีแกน ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลงเฝ้าเสาเหมือนเดิม เช่นเดียวกับขุมกำลังอื่นๆ ยังอยู่กันพร้อมหน้า และคาดว่าจะออกสตาร์ตตั้งแต่นาทีแรก ไม่ว่าจะเป็น บาอิด ดอร์บีน ฟาวซี่ ราจาจ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่ง, อาเหม็ด ฮาดิด อัล ทูไวนี่, อาเหม็ด อัล มาฮาจิรี่ และสามกองหน้า ซาด ซูฮัล อัล จูม่า, ฮาสซัน อัล ยูซูป มัดฮาฟา และ ซูไลมาน อัล อาเหม็ด ฮอสนี่
 
   ส่วนการแข่งขันในกลุ่ม ดี อีกหนึ่งคู่  ที่สนามปรินซ์ โมฮาเหม็ด บิน ฟาฮัด สเตเดี้ยม เป้นการพบกันระหว่าง "เศรษฐีน้ำมัน" ซาอุดีอาระเบีย ที่นัดแรกเสมอ โอมาน 0-0 พบกับ "ซอคเก้อรูส์" ออสเตรเลีย ที่นัดแรกชนะ ทีมชาติไทย 2-1

  โดยเจ้าถิ่นอันดับโลกของฟีฟ่ารั้งอันดับ 87 ของโลก อันดับ 7 ของเอเชีย ส่วนออสเตรเลีย รั้งอันดับ 22 ของโลก อันดับ 2 ของเอเชีย ซึ่งสถิติที่พบกันมา 2 ครั้งถือว่าเสมอกัน โดยครั้งแรกในศึก โอลิมปิค ปี 1996 ออสเตรเลีย ชนะ 2-1 ขณะที่นัดสองศึกคอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ปี 1997 ซาอุฯ ชนะ ออสเตรเลีย 1-0

 
        เกมนี้ ซาอุฯ จะยึดผู้เล่นจากชุดที่เสมอ โอมาน ลงสนามเป็นหลัก นำโดย อาลี เอ็น อัลซัมรานี่, อาลี เอ็ม คารีรี่, ยาสเซอร์ อัลควาตานี่ ฯลฯ  ส่วนออสเตรเลีย ส่ง โจชัว เคนเนดี้ เป็นศูนย์หน้าล่าตาข่ายตามเดิม โดยมี ทิม เคฮิลล์ ที่น่าจะผ่านการทดสอบความฟิตหลังมีอาการบาดเจ็บในเกมกับ ทีมชาติไทย เป็นศูนย์หน้าตัวต่ำ ขณะที่แดนกลางยังนำโดย เบร็ตต์ โฮลแมน, เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน  และ แม็ทธิว แม็คเคย์