อย่างไรก็ตามความสำเร็จชิ้นโบว์แดงครั้งนี้ของทีมชาติไทย นอกจากทุกคนจะได้ให้เครดิตกับนักเตะรวมถึงสตาฟฟ์โค้ชแล้ว อีกเรื่องที่จะพูดถึงไม่ได้ นั่นคือ แกนหลักของทีมชุดนี้ต่างจบมาจากสถาบันการศึกษา ที่โดดเด่นในเรื่องการปั้นดาวเตะรุ่นเยาว์สู่ทัพ "ช้างศึก"

        และที่เรากำลีงังจะพูดถึงอยู่ ก็คงจะเป็นสถานบันใดไปไม่ได้ นอกจาก "เจ้าสัวน้อย" รร.อัสสัมชัญธนบุรี ที่สร้างแข้งทีมชาติไทย ตั้งแต่เยาวชนถึงทีมชุดใหญ่ ซึ่งในทีมที่ไปเสมอ อิรัก 2-2 เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา มีถึง 6 คนด้วยกัน ที่ถูกสร้างจากแหล่งบ่มเพาะดาวรุ่งชื่อดังแห่งนี้  ไม่ว่าจะเป็น ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าเบอร์ 1 ที่กดไปทั้งหมด 3 ประตูในรอบนี้ จนนำเป็นดาวซัลโวของทีม อีกทั้งยังลงสนามครบ 90 นาที ครบทั้ง 6 เกม เช่นเดียวกับ ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีมแบ็กซ้ายจอมบุก ที่สร้างสถิติขึ้นมาใหม่ในรอบนี้

        หลังจาก "กัปตันอุ้ม" จัดการแอสซิสต์ไปทั้งหมด 5 ลูก ในเกม ชนะ ไต้หวัน 2-0 (ย) (1 ลูกจากเท้าซ้าย), ชนะ ไต้หวัน 4-2 (ห) (2 ลูกจากเท้าซ้าย) และ เสมอ อิรัก 2-2 (ย) (2 ลูกจากเท้าซ้าย) พร้อมกันนี้ยังมี กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารจอมหนึบที่ยึดมือหนึ่งของทีมชาติไทย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

        สารัช อยู่เย็น คือ กองกลางอีก 1 คน ที่จบมาจาก รร.อัสสัมชัญธนบุรี แม้ว่าตำแหน่งในตอนที่สร้างชื่อในวงการขาสั้น เจ้าตัวจะเป็นตัวรุกแบบเต็มสูบ ทว่าการปรับมาเล่นตัวรับพร้อมกับเชื่อมบอล และใช้การเปิดบอลที่แม่นยำ ทำให้เวลานี้ "เจ้าตังค์" ได้นรับการยกย่องอย่างมากทีเดียว

        นอกจากนี้ยังมีอีก 2 ตัวสำรองต่างยุค ทว่าจบมาจาก รร.อัสสัมชัญธนบุรี เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ประกิต ดีพร้อม เพื่อนซี้ของ ธีรศิลป์ แดงดา ซึ่งช่วงที่เล่นให้กับ "เจ้าสัวน้อย" พาทีมกวาดแชมป์มาเพียบ อีกคนก็คือ นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม แม้ว่าจะเล่นในช่วงสั้นๆ แต่ก็ถือว่าเขาสามารถดึงศักยภาพ ตลอดจนพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง
 

        ซึ่ง "เสี่ยโต" ณรงค์วิทย์ อุ่นแสงจันทร์ ผอ.โครงการช้างเผือก รร.อัสสัมชัญธนบุรี ได้พูดถึงผลผลิตที่มาจากสถาบันแห่งนี้ว่า "ผมเองรู้สึกภูมิใจมากที่สามารถสร้างเด็กจนก้าวไปติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เหมือนกับทั้ง 6 คนที่นำความสุขคืนสู่แฟนบอลทั้งทั้งประเทศ ด้วยการผ่านเข้ารอบในฐานะอันดับ 1 หลุ่ม เอฟ หลังจากบุกไปเสมอกับ อิรัก 2-2"
 

        "โดยผู้เล่นทั้ง 6 คนผ่านการขัดเกลาที่สถาบันของเรา จนพาทีมคว้าแชมป์ โค้ก คัพ และอีกหลายรายการในเมืองไทย ตลอดจนการไปคว้าอันดับ 5 ศึกไนกี้ โลกมาแล้ว ซึ่งตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา เราได้สร้างผู้เล่นหลายคนขึ้นมามากมาย หากนับเฉพาะนักเตะที่จบจาก รร.อัสสัมชัญธนบุรี พร้อมกับไปเล่นในสโมสรเฉพาะไทยลีกแล้ว น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 40 คนเลยทีเดียว"
 

        "ไม่ว่าจะเป็น ธีรศิลป์ แดงดา, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, สารัช อยู่เย็น, ประกิต ดีพร้อม, ธีราทร บุญมาทัน, นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม นอกจากนี้ยังมี สุริยา กุพะลัง, เกรียงศักดิ์ ชุมพรผ่อง, วันใหม่ เศรษฐนันท์, กีรติ เขียวสมบัติ ซึ่งผมคิดว่า 1 ฤดูกาล นักเตะค้าแข้งในสโมสรไทยลีก ที่จบจาก รร.อัสสัมชัญธนบุรี น่าจะสร้างรายได้ให้กับตัวเองและครอบครัวรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท"

        จากการที่ รร.อัสสัมชัญธนบุรี เปิดรับสมัครคัดเลือกผู้มีความสามารถพิเศษด้านกีฬาฟุตบอลเข้าเป็นนักกีฬา โครงการพิเศษของโรงเรียนรุ่นอายุ 12 ปี (เกิด พ.ศ.2547) ในวันเสาร์ที่ 2 เม.ย. และอาทิตย์ที่ 3 เม.ย. ที่สนาม รร.อัสสัมชัญธนบุรี ซึ่งผู้ที่สนใจนั้นสามารถติดต่อสอบถามมาสเตอร์ธร สอนะภูมิ 09-4545-2500, มาสเตอร์สาธิต วิโรจนะ 08-1867-1244 ทาง "เสี่ยโต" ณรงค์วิทย์ อุ่นแสงจันทร์ ผอ.โครงการช้างเผือก ได้ออกมาบอกว่า

        "ผมคิดว่าโครงการนี้จะเป็นอีก 1 แรงบันดาลใจ ที่จะสามารถเฟ้นหานักเตะเยาวชนฝีเท้าดีจากทั่วประเทศเข้ามาสู่ทีม เพื่อทำการสร้างพวกเขาแบบที่เราได้เคยปั้นผู้เล่นหลายคนสู่ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เพื่อเป็นผลผลิตที่จะทำให้ประเทศของเรามีแข้งฝีเท้าดีขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย"

        ถือเป็นอีก 1 เส้นทางของวงการฟุตบอลไทย ที่ รร.อัสสัมชัญธนบุรี ได้เปิดมิติใหม่ให้กับเยาวชน หลังจากที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการเฟ้นหาสุดยอดแข้งเข้ามา จนปั้นสู่เวทีทีมชาติไทย กลายเป็นกำลังสำคัญอยู่ในปัจจุบัน