ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ป็อกบาสะเพร่า, ปาร์เตย์ ฟอร์มบรรเจิด ! ผ่า 5 ประเด็น แมนยู พ่าย อาร์เซน่อล

ป็อกบาสะเพร่า, ปาร์เตย์ ฟอร์มบรรเจิด ! ผ่า 5 ประเด็น แมนยู พ่าย อาร์เซน่อล

Posted 02/11/2020 by siamsport

พลังแฝง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เกิดอาการติดขัดเมื่อโดนทีเด็ด อาร์เซน่อล บุกมายัดเยียดความปราชัยด้วยสกอร์ 0-1 ถึงถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเป็นชัยชนะครั้งแรกของ "เดอะ กันเนอร์ส" ถึงบ้าน "ปีศาจแดง" ในรอบ 14 ปีเกมลีกเมืองผู้ดีเลยทีเดียว
   
เกมนี้ มิเกล อาร์เตต้า วางหมากอย่างรัดกุมจัดการเกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่หมัดทำให้จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0 ส่วนครึ่งหลัง "ผีแดง" ยังคงเดินหน้าเพื่อหวังยิงประตูให้ได้ แต่แล้วหายนะก็เกิดขึ้นเมื่อ ปอล ป็อกบา ทำเสียจุดโทษ และเป็น ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง จัดการซัดไม่เหลือซาก

สามแต้มในแมตช์นี้ทำให้ แมนฯ ยูฯ แพ้ อาร์เซน่อล คาบ้านในเกมพรีเมียร์ลีก ครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2006 และเป็นการจบสถิติไม่เคยเสียท่าให้กับทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" 13 แมตช์ติดต่อกัน (ชนะ 8, เสมอ 5) ขณะที่ อาร์เซน่อล สามารถบุกชนะทีม "บิ๊กซิกซ์" ในเกมลีกได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 เมื่อเดือนมกราคม 2015 จบสถิติไรัชัย 29 เกมติดต่อกัน (เสมอ 10 แพ้ 19 เกม)

1. ปาร์เตย์ บดบังรัศมีแดนกลางแมนยู
ตอนนี้ดูเหมือนว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องหากองกลางที่สามารถทำผลงานได้ดีในการรับผิดชอบเกมรับ และมีส่วนต่อเกมรุก ซึ่งนักเตะแบบนี้ อาร์เซน่อล มีให้เห็นแล้วนั่นก็คือ โธมัส ปาร์เตย์ ซึ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นมากๆ และจัดการแผลมิดฟิลด์ของ "ปีศาจแดง" ได้อยู่หมัด

"เดอะ กันเนอร์ส" ไม่มี กรานิต ชาคา และ ดานี่ เซบายอส ในแดนกลาง โดย อาร์เตต้า เลือกใช้งาน โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ยืนคู่กับ ปาร์เตย์ โดยผลงานจากกองกลางทีมชาติกานา แสดงให้เห็นแล้วว่าทำไม กุนซือชาวสแปนิช กับ เอดู (ผอ.ฝ่ายเทคนิค) ถึงสะกิดบอร์ดบริหารให้ทุ่มเงินถึง 45 ล้านปอนด์ (ราว 1,710 ล้านบาท) เพื่อคว้านักเตะรายนี้มาร่วมทีม

ในส่วนของเกมรับ ปาร์เตย์ เล่นด้วยความขยันขันแข็ง, ไล่บี้ไล่กดดันจนสามารถหยุดการผ่านบอลขึ้นเกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด, เอาชนะการเสียบสกัดได้ตลอด จัดการบดบังรัศมีของ ปอล ป็อกบา จนอยู่หมัด รวมไปถึง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ไม่สามารถแผลงฤทธิ์ได้เลย

นอกจากนี้ ปาร์เตย์ ยังแสดงให้เห็นเทคนิคที่เต็มไปด้วยคุณภาพ สามารถขยับไปเล่นในตำแหน่งไหนก็ได้ในแผงมิดฟิลด์ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปยืนทางกราบก็ไม่มีปัญหา หรือจะขยับดันเกมบุกเพื่อสร้างโอกาสให้กับทีมก็ยอดเยี่ยม ฉะนั้นสาวก "เดอะ กันเนอร์ส" คงยิ้มกริ่ม เพราะตอนนี้นักเตะกลายเป็นหัวใจในแดงกลางของ อาร์เซน่อล ไปแล้ว

ผลงานของ ปาร์เตย์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ รอย คีน ตำนานกัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงอยากเห็นเขาสวมเสื้อทัพ "ปีศาจแดง" แถมยังยกย่องว่าในอนาคตจะเก่งฉกาจเหมือน ปาทริค วิเอร่า ตำนานมิดฟิลด์อาร์เซน่อล


2. ความไม่รอบคอบนำไปสู่ความเสียหายมหันต์
เกมนี้ ปอล ป็อกบา ทำผลงานได้ในระดับที่เรียกว่าน่าพอใจในช่วงครึ่งแรก แม้ว่าเขาจะไม่ได้สร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมมากนัก แต่การช่วยคุมจังหวะเกม และพยายามที่จะดันเกมบุกเพื่อกดดันแนวรับอาร์เซน่อล ก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งหลัง ดูเหมือนว่า ป็อกบา จะเล่นบอลแบบโฉ่งฉ่างไปหน่อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวะที่ต้องเล่นเกมรับในเขตโทษ ซึ่งหากเป็นนักเตะที่มีสมาธิและมีความนิ่ง จะพยายามที่จะคิดวิเคราะห์ทุกครั้งที่จะเสียบสกัดคู่แข่ง เพราะหากเกิดความผิดพลาดนั่นหมายถึงหายนะทันที

 

สำหรับ ป็อกบา ต้องบอกเลยว่าในจังหวะแบบนี้เจ้าตัวหุนหันพลันแล่นมากเกินไป เมื่อปล่อยให้ เอ็คตอร์ เบเยริน มีโอกาสได้จับบอลในเขตโทษ และแทนที่เขาจะใช้สมาธิในการวิ่งเข้าไปเบียด หรือทำให้คู่แข่งเสียจังหวะ แต่ดันตัดสินใจยื่นขาสกัดแบบไร้ศิลปะ ซึ่งก็เข้าทาง ดาวเตะชาวสแปนิช ที่พร้อมโดนเตะเพื่อลงไปนอนกลิ้งอยู่แล้ว

ในส่วนของความผิดพลาดที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ ป็อกบา ก็ยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่าตัวเองขาดความนิ่ง และตัดสินใจอย่างไม่รอบคอบ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศส เข้าบอลพรวดพราด และก็คงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ฉะนั้นสิ่งที่ ดาวเตะแชมป์โลก ต้องกลับไปทบทวนก็คือการเล่นให้นิ่ง และมีสติมากกว่านี้

3. อาร์เตต้า วางแท็คติกรัดกุม, แมนยู ไร้ความกดดัน
ต้องยอมรับว่าในการพบกับทีมใหญ่ อาร์เตต้า วางหมากได้รัดกุมมากๆ โดยทีมของเขาไม่จำเป็นต้องเน้นการเล่นเกมบุก และการครองเกมมากนัก แต่พยายามที่จะเล่นด้วยความแน่นอน และใช้จังหวะสวนกลับในการจัดการคู่แข่งที่มีเกมรุกเหนือนกว่า ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดีในแมตช์นี้

เกมนี้บรรดาขุนพล "ไอ้ปืนใหญ่" เล่นได้ตามระบบที่ อาร์เตต้า วางเอาไว้ทุกกระเบียดนิ้ว โดยเวลาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดเกมบุกเข้ามาในแดนของพวกเขา บรรดานักเตะจัดการไล่บี้กดดัน และแย่งเอาบอลมาได้ตลอด ทำให้เกมรุกของ "ผีแดง" แทบไม่สามารถเข้ามาสร้างความหวาดเสียวได้มากนัก

    ที่สำคัญในจังหวะที่ อาร์เซน่อล ได้ประตูขึ้นนำทุกๆ อย่างก็เข้าทางทีมเยือนทันที เพราะพวกเขาเปิดโอกาสให้เจ้าบ้านได้บุกมากขึ้น เพื่อที่จะได้มีพื้นที่ในการสวนกลับ โดยแผนนี้เคยนำมาใช้กับ ลิเวอร์พูล ในเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ และก็ได้ผลซะด้วย

ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งใจเล่นแผนไดมอนด์ หรือ 4-2-3-1 ด้วยการใช้ เฟร็ด กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ทำหน้าที่เป็นมิดฟิลด์ตัวรับ เพื่อหวังจัดการกับแดนกลางของ อาร์ซน่อล โดยมี ป็อกบา กับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส คอยเดินเกมบุก แต่ไม่เป็นผล เพราะ ปาร์เตย์ กับ  เอลเนนี่ จัดการบดบังรัศมีแผงมิดฟิลด์ "ผีแดง" จนอยู่หมัด

การที่ โซลชา ตัดสินใจส่ง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค แทน แฟร์นันด์ส ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถครองเกมแดนกลางได้มากยิ่งขึ้นแต่สุดท้ายก็ไม่สามารถกดดันแนวรับของ อาร์เซน่อล ได้มากนัก ขณะที่กองหน้าดูเหมือนว่า เมสัน กรีนวู้ด กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไม่สามารถสร้างความหวาดเสียวได้เลย ฉะนั้นหากทีมมี อองโตนี่ มาร์กซิยาน เกมบุกคงจะมีความหลากหลายและน่ากลัวมากกว่านี้
 
4. แก้เกมช้า, ตัวสำรองไร้ประสิทธิภาพ
โซลชา อาจจะได้รับคำชื่นชมเป็นกระบุงโกยในการจัดทีมตัวจริง และตัวสำรองแมตช์ที่ออกไปเยือน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และรับมือ แอร์เบ ไลป์ซิก ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอช แต่สำหรับแมตช์ล่าสุดแท็คติกของเขาล้มเหลวไม่เป็นท่า

น่าแปลกใจที่ เฟร็ด กับ แม็คโทมิเนย์ ที่เล่นไม่ออกเลยตลอดครึ่งแรกแต่พวกเขาได้อยู่ในทีมต่อไปในช่วงครึ่งหลัง จนสุดท้าย โซลชา ทนไม่ไหวต้องตัดสินใจถอด มิดฟิลด์ชาวบราซิเลียน ออกและส่ง เนมานย่า มาติช ลงมาแทน แต่การแก้เกมถือว่าช้าเกินไปเพราะนักเตะที่ลงมาใหม่ไม่มีเวลามากพอในการเปลี่ยนเกม

ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าในแมตช์นี้ กรีนวู้ด ต้องเจอกับสถานการณ์ยากลำบากในการผ่านด่านสุดหินของ กาเบรียล มากัลเญส กับ ร็อบ โฮลดิ้ง เช่นเดียวกับ แฟร์นันด์ส ที่ไม่สามารถร่ายมนต์เพลงลูกหนังเหมือนกับหลายๆ เกมที่ผ่านมา แถมจังหวะสร้างโอกาสก็แทบไม่มีให้เห็น

ในส่วนของเกมรับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็ทำได้ตามมาตรฐานของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่บทบาทในการเล่นเกมรุกไม่ค่อยมีมากนัก เช่นเดียวกับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากนักทั้งเกมรับ และรุก สวนทางกับ อาร์เซน่อล ที่เล่นได้ดีเยี่ยมและมีระเบียบวินัยในการเล่นตลอดทั้งเกม

สำหรับการส่ง เอดินสัน คาวานี่ เพื่อหวังจะมาช่วยสร้างความหลากหลายในแดนหน้าร่วมกับ แรชฟอร์ด ก็ต้องบอกว่าน่าเสียดายสุดๆ เพราะ จอมเก๋าชาวอุรุกวัย มีเวลาไม่นานนักในการขู่เกมรับทีมเยือน แถมแผนในการเล่นเจาะตามช่องก็ทำได้ไม่ดี สุดท้ายต้องใช้วิธีวางบอลยาว ซึ่งแน่นอนว่าเข้าทาง อาร์เซน่อล ที่เก็บกินเรียบวุธ

 5. ฟอร์มในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด น่าผิดหวัง
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผลงานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าผิดหวังมากๆ ในเกมพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020/2021 ก็คือฟอร์มการเล่นใน "โรงละครแห่งความฝัน" ซึ่งครึ่งหนึ่งสนามแห่งนี้เป็นที่น่าเกรงขามของบรรดาทีมเยือนทั้งในและต่างประเทศ

หากจะอ้างว่าเป็นเพราะการที่ต้องเล่นแบบปิดสนามไร้กองทัพ "เร้ด อาร์มี่" คอยส่งเสียงกระตุ้นทีม ทำให้ฟอร์มการเล่นของทัพ "ปีศาจแดง" ไม่ร้อนแรงก็พูดได้ไม่เต็มปาก เนื่องจากทีมอื่นๆ ก็ต้องเจอกับสถานการณ์เดียวกัน แต่พวกเขายังโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงโดยเฉพาะ ลิเวอร์พูล ที่ตอนนี้รั้งจ่าฝูงลีก

ผลงานในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดของพวกเขาในซีซั่นนี้ต้องบอกเลยว่าย่ำแย่สุดๆ เริ่มด้วยการแพ้ให้กับ "ดิ อีเกิ้ลส์" คริสตัล พาเลซ 1-3 ตามด้วยโดน "ไก่เดือยทอง" ไล่ยำใหญ่ สกอร์ 1-6 ก่อนจะทำได้เพียงแค่เสมอ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี แบบไร้สกอร์ และล่าสุดก็โดน อาร์เซน่อล บุกมาคว้า 3 คะแนน

สวนทางกับผลงานในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาสามารถไล่ต้อน แอร์เบ ไลป์ซิก สกอร์ 5-0 ได้สบายๆ ซึ่งดูเหมือนว่านี่คือฟอร์มที่คุ้นตาสำหรับแฟนบอล "ปีศาจแดง" แต่กับการเล่นในพรีเมียร์ลีกกลายเป็นหนังคนละม้วน เพราะฟอร์มใน "เธียเตอร์ ออฟ ดรีม" 4 แมตช์ ทีมแพ้ไปถึง3 เกมเสมอ 1 และสะกดคำว่าชนะไม่เป็นเลย

ฉะนั้นในตอนนี้สิ่งที่ โซลชา และลูกทีมจำเป็นต้องทำก็คือการเรียกฟอร์มเก่งในบ้านกลับมาให้เร็วที่สุด เพราะหากพวกเขาอยากประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเรื่องการคว้าแชมป์ หรือการทำอันดับติดท็อปโฟร์ ผลงานเกมเหย้าต้องทำให้ดียิ่งกว่านี้

ใครจะไปคิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะสะกดคำว่าชนะกับการเล่น 4 เกมแรกในลีกที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่ได้เลย ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1972/1973 โดยซีซั่นนั้นพวกเขาจบอันดับ 18 ในตารางลีก !!! ถือว่าเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »