"ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ เข้าป้ายคว้ารองแชมป์ ไทยลีก ฤดูกาล 2010 ได้สำเร็จ หลังเปิดบ้านไล่ถล่ม "สุภาพบุรุษโล่เงิน" อินทรีเพื่อนตำรวจ ที่เหลือ 10 คน ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง ไปแบบสุดมันส์ 4-2 ขณะที่ "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี หวิดสิ้นชื่อ เหลือผู้เล่นแค่ 9 คน ก่อนได้ อดุลย์ หละโสะ ซัดประตูตีเสมอ "พลังเอ็ม" โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี 1-1 จบที่อันดับ 3 ของตารางไทยลีกฤดูกาลนี้

       การแข่งขันฟุตบอล "สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2010" นัดสุดท้ายของฤดูกาล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2553

 

บุรีรัมย์ พีอีเอ 4-2 อินทรีเพื่อนตำรวจ

 

   ที่สนามไอ-โมบาย สเตเดี้ยม จ.บุรีรัมย์ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ทีมรองจ่าฝูง ที่ลงสนาม 29 นัดมี 60 แต้ม เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ "สุภาพบุรุษโล่เงิน" อินทรีเพื่อนตำรวจ ทีมอันดับ 10 ลงสนาม 29 นัดมี 33 แต้ม โดยผลงานการพบกันในเลกแรก ทั้งคู่เสมอกันมา 1-1
         เกมนี้ ขุนพล "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ของ "บิ๊กเน" เนวิน ชิดชอบ ปธ.สโมสรฯ และ "โค้ชแต๊ก"อรรถพล ปุษปาคม กุนซือ หากเก็บ 3 แต้มในเกมนี้ได้ จะทำให้เข้าป้ายเป็นรองแชมป์ในซีซั่นนี้ทันที โดยมี รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, สุเชาว์ นุชนุ่ม และ ดูดู้ ลงสนามนำทัพเหมือนเดิม
         ขณะที่ "โค้ชยง" ชัยยง ขำเปี่ยม กุนซือ "สุภาพบุรุษโล่เงิน" อินทรีเพื่อนตำรวจ ที่แม้จะลอยตัวแล้ว แต่ก็ยังคงจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดในการบุกมาเยือนถิ่นอีสานใต้ทั้ง ชาคริต บัวทอง, ธนพัต ณ ท่าเรือ, ลี ซึง ฮยุน, เฟลิเป้ และ ชาง ซึง วอน
         เริ่มเกมครึ่งเวลาแรก "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ เซตเกมรุกเข้าใส่ อินทรีเพื่อนตำรวจ ทันที น.3 อภิเชษฐ์ พุฒตาล กระชากบอลเข้ากลางก่อนไหลต่อให้ สุเชาว์ นุชนุ่ม ที่เติมขึ้นมาทางด้านซ้าย พร้อมกับจับยิงยัดเข้าเสาแรกทันที แต่ สมพงษ์ ยอดอาจ นายด่านทีมเยือน ก็ยังยืนปิดมุมได้เป็นอย่างดี
         น.5 จากจังหวะสวนกลับของ อินทรีเพื่อนตำรวจ และก็เกือบที่จะสามารถช็อกแฟนคลับเจ้าถิ่นได้สำเร็จ จากจังหวะที่ ลี ซึง ฮยุน ฉกบอลจาก แอนเดอร์สัน โดส ซานโต๊ส ในจังหวะแย่งบอล ก่อนที่แข้งโสมจะลากเดี่ยวเข้าไปซัลโวโล่งๆ แต่สุดท้ายก็ยังยิงไปติดเซฟของ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ที่ออกมาบล็อกได้ทัน
         น.13 บุรีรัมย์ พีอีเอ เกือบจะได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ได้เปิดทางด้ายซ้าย กฤษฎี ประกอบของ ไปออกลูกกั๊กกับ สมพงษ์ ยอดอาจ จนบอลเกือบที่จะมาเข้าทาง รัตนะ เพ็ชรอาภรณ์ มิดฟิลด์ บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่สอดขึ้นมาจนเกือบจะได้ซัด แต่แนวรับ อินทรีเพื่อนตำรวจ ยังช่วยกันเคลียร์ออกไปได้
         น.18 เป็นโอกาสทองของ "ปราสาทสายฟ้า" ที่น่าจะได้ประตูขึ้นนำเป็นอย่างยิ่ง โดยเริ่มจาก ดูดู้ ที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัว พาบอลตะลุยขึ้นมาทางขวา ก่อนผ่านเข้าในบอลไหลมาถึง รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ที่แต่งเข้าซ้ายก่อนซัดเต็มข้อ แต่จังหวะนี้ ก็ยังไม่สามารถบังคับให้เข้ากรอบได้อย่างที่หวัง
         น.29 บุรีรัมย์ พีอีเอ ต้องปรับทัพเป็นรายแรกด้วยการส่ง กีรติ เขียวสมบัติ ศูนย์หน้าลงไปแทน รัตนะ เพ็ชรอาภรณ์ มิดฟิลด์ตัวกลางเพื่อเน้นเกมรุกแบบเต็มตัว
         จนกระทั่งถึง น.32 กองเชียร์ "ปราสาทสายฟ้า" ก็มาได้เฮกันลั่นทั่วสนาม ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม จากจังหวะเปิดฟรีคิกกลางสนามของ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค บอลลอยถึงเสาสองมาเข้าหัว แอนเดอร์สัน โดส ซานโต๊ส ที่โดดขึ้นเชิดบางส่งบอลพุ่งเสียบโคนเสาเข้าไปอย่างสวยงาม ส่งผลให้ บุรีรัมย์ พีอีเอ ออกนำ 1-0
         แม้จะตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อนแต่ อินทรีเพื่อนตำรวจ ก็ยังไม่ยอมง่ายๆ และก็เกือบที่จะตามตีเสมอได้สำเร็จใน น.40 จากลูกฟรีคิกกลางสนาม ชาคริต บัวทอง บรรจงตักด้วยขวามาที่จุดหนัดพบ และเป็น เฟลิเป้ ที่ขึ้นโหม่งเช็ดเปลี่ยนทาง แต่ยังดีที่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ยังพุ่งตัวไปเซฟเอาไว้ได้ทัน
         ช่วงทดเจ็บ สุเชาว์ นุชนุ่ม รับอาสายิงฟรีคิกหน้าปากประตู แต่ก็ยังยิงไปชนเสากระดอนออกไปอย่างน่าเสียดาย  เวลาที่เหลือในครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมก็ยังไม่สามารถทำอะไรกันเพิ่มได้ จบ 45 นาที บุรีรัมย์ พีอีเอ ออกนำ อินทรีเพื่อนตำรวจ 1-0
 ครึ่งหลัง "โค้ชยง" ชัยยง ขำเปี่ยม กุนซืออินทรีเพื่อนตำรวจ ส่ง ชนานันท์ ป้อมบุปผา ลงไปแทน ชาคริต บัวทอง เพื่อหวังที่จะเปิดเกมรุกเข้าใส่เจ้าถิ่นบ้าง
         น.48 ชนานันท์ ป้อมบุปผา ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงไป ก็สามารถแผงฤทธิ์ได้สำเร็จ จากความผิดพลาดของแนวรับเจ้าถิ่นอย่าง แอนเดอร์สัน โดส ซานโตส ที่หวังจะส่งบอลคืนหลังให้ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน แต่ดันจ่ายสั้นเกินไปจนถูก ชนานันท์ฉกได้ก่อนแต่งหลบ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เข้าไปยิงง่ายๆ ช่วยให้อินทรีเพื่อนตำรวจ ตามตีเสมอ 1-1
         หลังจากโดนตีเสมอได้ไม่ทันไร แข้งปราสาทสายฟ้า ก็มาขยับสกอร์ขึ้นนำได้อย่างทันควัน น.51 จากจังหวะที่ สุเชาว์ นุชนุ่ม ยิงฟรีคิกด้วยขวาระยะ 20 หลา อย่างสุดสวยให้ บุรีรัมย์ พีอีเอ ขยับขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1
         สถานการณ์ของอินทรีเพื่อนตำรวจ ดูจะแย่ลง น.53 ลี โฮ จิน แข้งโสมของทีมเยือนเสียบอลกลางสนาม ก่อนจะพุ่งเสียบเข้าใส่ เคลาดิโอ ปาสกาล เพื่อหมายจะฉกบอลคืนให้ได้ แต่จังหวะนี้ สุระ ศรีอาจ ผู้ตัดสินมองว่าเป็นการเข้าหนักเกินควร พร้อมกับแจกใบเหลืองที่ 2 ให้ ลี โฮ จิน เป็นใบแดงทันที และทำให้อินทรีเพื่อนตำรวจเหลือ 10 คน
         เกมรุกของบุรีรัมย์ พีอีเอ ยังคงหวังผลได้เสมอ น.69 ดักลาส คาร์โดโซ่ ก็มาแผงฤทธิ์ด้วยการอาศัยความสามารถเฉพาะตัว พาบอลหนีแนวรับทีมเยือนในกรอบเขตโทษ ก่อนตัดสินใจยิงมุมแคบ ส่งบอลซุกก้นตาข่ายเข้าไปช่วยให้ บุรีรัมย์ พีอีเอ หนีไปเป็น 3-1
         น.71 อินทรีเพื่อนตำรวจ ที่แม้จะเหลือ 10 ตัวแต่ก็สามารถช่วยกันทำประตูไล่เจ้าถิ่นขึ้นมาเป็น 2-3 จากลูกเตะมุมทางด้านซ้าย ฟิลิปเป้ เปิดเข้ากลางมาที่จุดนัดพบ และเป็น ลี ซุง ฮุน ที่กระโดดโหม่งลูกนี้ผ่านมือ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เข้าไปช่วยเพิ่มความหวังในการที่จะตามตีเสมอเจ้าถิ่นอีกครั้ง
         น.79 สุรชาติ สารีพิมพ์ เจตนาไปกระแทกเข้าที่ด้านหลังของ ดูดู้ ในกรอบเขตโทษ สุระ ศรีอาจ รีบวิ่งมาเป่าเป็นลูกจุดโทษทันที ท่ามกลางการประท้วงของผู้เล่นทีมเยือน ที่มองว่าจังหวะนี้ไม่สมควรที่จะเป็นจุดโทษแต่อย่างใด สุดท้ายเป็น สุเชาว์ นุชนุ่ม ที่รับอาสายิงส่งบอลซุกกลางตาข่ายและทำให้บุรีรัมย์ พีอีเอ ทิ้งไปไกลเป็น 4-2
         จบเกม บุรีรัมย์ พีอีเอ เปิดบ้านทุบเอาชนะ อินทรีเพื่อนตำรวจ ด้วยสกอร์ 4-2 คว้า 3 แต้ม พร้อมกับตำแหน่งรองแชมป์ในซีซั่นนี้ไปครองอย่างเป็นทางการ โดยยอดจำหน่ายตั๋วเข้าชมในเกมนี้จำนวน 1,130,680 บาท ทางสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ จะนำไปสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมประจำ จ.บุรีรัมย์ ต่อไป
         พร้อมกันนั้นหลังจบเกมทางด้าน "วู้ดดี้" วุฒิธร มิลินทจินดา ผู้ดำเนินรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" ที่เข้าร่วมชมและเชียร์การแข่งขันของเกมคู่นี้ ก็ได้ตัดสินใจแก้ผ้า โดยเหลือกางเกงในเพียงแค่ตัวเดียว เพื่อเป็นการแก้บนอีกด้วย

   วาทะโค้ช
         อรรถพล ปุษปาคมกุนซือบุรีรัมย์ พีอีเอ - ผลการแข่งขันในวันนี้ ส่งผลให้เราจบในอันดับที่ 2 ซึ่งทีแรกเราตั้งเป้าเอาไว้ด้วยการติด 1 ใน 3 ซึ่งจากภาพรวมในซีซั่นนี้ เราค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งขึ้น และหากในฤดูกาลหน้าเรามีการเสริมทัพตามนโยบายของท่านประธาน เนวิน ชิดชอบ ผมเองก็เชื่อว่า เราจะต้องมีลุ้นแชมป์อย่างแน่นอน
         ชัยยง ขำเปี่ยม กุนซือ อินทรีเพื่อนตำรวจ - เราบุกมาเยือนทีมใหญ่ แต่เราก็สามารถยิงได้ถึง 2 ประตู ซึ่งแต่ละลูกที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นลูกฝีมือล้วนๆ แม้เกมจะเปลี่ยนหลังจากที่เราโดนใบแดง แต่ผมเองการันตีเลยครับว่าลูกทีมของผมชุดนี้มันสุดยอดแล้ว

 

   คะแนนความสามรถนักเตะทั้งสองทีม
         บุรีรัมย์ พีอีเอ : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน 7, ธีราธร บุญมาทัน 7.5, อภิเชษฐ์ พุฒตาล 7, โคเน่ เซย์ดู 7, แอนเดอร์สัน โดส ซานโตส 7, เคลาดิโอ ปาสกาล 7, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค 7.5, สุเชาว์ นุชนุ่ม 8, รัตนะ เพ็ชรอาภรณ์ 6.5 (กีรติ เขียวสมบัติ 6.5) (ยุทธจักร ก้อนจันทร์ 6.5), ดูดู้ 7.5 ( เฮนรี่ โจเอล -), ดักลาส คาร์โดโซ่ 7.5
         อินทรีเพื่อนตำรวจ : สมพงษ์ ยอดอาจ 6.5, กฤษฎี ประกอบของ 6.5, ชาคริต บัวทอง 6.5 (ชนานันท์ ป้อมบุปผา 6.5), ธนพัต ณ ท่าเรือ 6.5 (นันทวัฒน์ แทนโสภา 6), สุรชาติ สารีพิมพ์ 6.5, อมาร่า เจอรี่ 6.5, ลี โฮ จิน 6.5, ลี ซุง ฮุน 6.5, ฟิลิปเป้ 6.5, ชาง ซุน วอน 6.5 (พยุงศักดิ์ พันนารัตน์-), อัสมิง แม 6.5

   แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : สุเชาว์ นุชนุ่ม มิดฟิลด์ตัวเก่งของ บุรีรัมย์ พีอีเอ

 

 

 

โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี 1-1 ชลบุรี เอฟซี

 

   ที่สนาม อบจ.สระบุรี "พลังเอ็ม" โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี ทีมอันดับ 7 ของตาราง เปิดสนามพบกับ "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ทีมอันดับ 3 ของตารางคะแนน ทั้งสองทีมต่างก็ต้องการแต้มในนัดส่งท้าย เพื่อจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ดีกว่า
         เกมนี้เจ้าถิ่นจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงแบบฟลูทีม นำโยดย ผู้รักษาประตู ฉัตรชัย บุตรพรม แนวรับ ประทุม ชูทอง, บุญมี รอดจันทร์, ศิวเมต ธนูศร, มาซิโอ โรเบิร์ต ดา ซิลวา, กองกลางมี คัพฟ้า  บุญมาตุ่น, เจษฎา พั่นะคุณมี, โอลอฟ วัตสัน, เกรียงศักดิ์ ชุมพรผ่อง ส่วนหน้าคูเป็น อีวาน เมนซาส์ ยืนกับ คลีตัน ซิลวา
         ด้านทีมเยือน "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ไม่สามารถใช้งาน สุรีย์ สุขะ ได้ เนื่องจากติดโทษแบน พร้อมกับพักกองหน้าตัวเก่ง อย่าง พิภพ อ่อนโม้ ที่กรำศึกหนักมาหลายนัดติดต่อกัน โดยนัดนี้ มี สินทวีชัย หทัยรัตนะกุล เฝ้าเสา พร้อมด้วยผู้เล่นที่ลงสนาม ประกอบไปด้วย ณัฐพงษ์ สมณะ, ไพศาล โพธิ์นา, ชลทิศ จันทคาม, เจษฎากรณ์ เหมแดง กองกลาง เอกพันธ์ อินทเสน, โรนัล ดีแจม, เดฟ ซิมสัน, อดุลย์ หละโสะ กองหน้า เป็น เนย์ ฟาเบียโน่ และ จูเลส บาก้า
         เริ่มเกมครึ่งแรก ได้เพียง 2 นาที ชลบุรี ก็มีโอกาสได้ลุ้นก่อน จากลูกเปิดมุมฝั่งขวาของ เอกพันธ์ อินทเสน เปิดโด่ง เข้ามากลางเขตโทษให้กับทาง โรนัล ดีแจม ได้โหม่งแต่บอลหลุดข้ามคาน ออกไป กอนที่ น.5 เจ้าถิ่นพลังเอ็มจะได้เสียวบ้าง จากการขึ้นบอลริมเส้นซ้ายของ คัพฟ้า บุญมาตุ่น ก่อนเปิดไปหน้าประตูเป็นทาง เจษฎา พั่วนะคุณมี ได้ตะหวัดยิงจังหวะเดียวแต่โดนบอลไม่ดี ทำให้ สินทวีชัย นายทวารของฉลามชลรับไว้อย่างง่ายดาย
         น.14 ฉลามชลได้ลุ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็น ณัฐพงษ์ สมณะ ได้บอลริมเส้นซ้ายก่อนตัดสินใจเปิดยาวเข้าไปหน้ากรอบประตู เป็นทางด้าน เนย์ ฟาเบียโน่ ได้โหม่ง แต่ ฉัตรชัย บุตรพรม จอมหนึบของเจ้าถิ่นปัดไว้ได้ก่อนที่จะวิ่งมาตะครุบไว้ได้ในจังหวะที่สอง ก่อนจะมีผู้เล่นของชลบุรีเข้าถึงบอล
         น.19  อีวาน เมนซาส์ กองหน้าผิวสีของโอสถฯ ก็ทำให้แฟนบอลได้เสียว หลังเลี้ยงแหวกกองหลังทีมเยือน เข้าในกรอบเขตโทษ ก่อนตัดสินใจหวดเต็มข้อ แต่บอลข้ามคานออกไปไกลอย่างหมดลุ้น
         น.21 ยังเป็นโอกาสได้ลุ้นอีกครั้ง ของ "พลังเอ็ม" จากลูกเปิดโด่งจากแดนกลางของ เจษฎา พั่วนะคุณมี บอลข้ามหัวกองหลังฉลามชล แล้วก็เป็น "เจ้าโด้เมืองไทย" ครีตัน ซิลวา ควบถึงบอล ก่อนตัดสินใจชิพบอลข้ามหัวผู้รักษาประตูที่พยายามวิ่งออกมาตัด บอลโด่งย้อยตกหลังประตูอย่างได้ลุ้น
         น.28 ทีมเยือนเกือบจะได้ประตูออกนำ จากลูกเตะมุมจากด้านซ้ายของ เชอร์รี่ เปิดโด่งข้ามไปทางเสาสอง จังหวะสุดท้ายเป็นทาง เดฟ แอนโทนี่ ซิมสัน ได้โหม่งเช็ดบอลพุ่งไปโดนโคนเสา ออกหลังอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่ น.30 ไพสาล โพธิ์นา ของชลบุรี จะเจตนาทำฟาวล์กลางสนามได้รับใบเหลืองแรกไป ก่อนที่ ซิมสัน จะโดนเปลี่ยนตัวออกโดยให้ ภานุวัฒน์ จินตะ ลงมาแทน
         ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกของเกม ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น น.34 "เจ้าเหมี่ยว" ณัฐพงษ์ สมณะ ของชลบุรี ได้ลองส่องไกลนอกกรอบเขตโทษ แต่บอลยังคงตรงตัวผู้รักษาประตูอยู่
         จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงท้ายเกมในครึ่งเวลาแรก ทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่สามารถเจาะเข้าทำประตูกันได้ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ฉลามชล ก็ต้องเหลือผู้เล่นน้อยกว่า จากจังหวะที่ เจษฎา พั่วนะคุณ มีกัปตันทีมของโอสถฯ ลากบอลอยู่หน้ากรอบเขตโทษทีมเยือน แต่กลับโดน ไพศาล โพธิ์นา พยายามที่จะขวาง แต่ช่วงจังหวะกางศอกไม่ดี เหมือนไปชักศอกใส่ เจษฎา ล้มลงไปกอง ทำให้ผู้ตัดสินวิ่งมาแจกใบแดงให้ ไพศาล ทันที จบครึ่งแรก ทั้งคู่ยังเสมอกันอยู่ 0-0
         ครึ่งหลัง น.51 สถานการณ์ของทีมเยือน ชลบุรี ก็ย่ำแย่ยิ่งขึ้น เมื่อ ชลทิตย์ จันทคาม ต้องมาโดนไล่ออกจากสนามอีกคน จากจังหวะไปตัดบอลเตะสกัด คลีตัน ซิลวา ล้มลงหน้ากรอบ 18 หลา ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกฟาวล์ พร้อมกับแจกใบแดงทันที ก่อนที่ น.52 เจษฎา พั่วนะคุณมี รับหน้าที่ปั่นฟรีคิก บอลไซด์โค้งข้ามกำแพงมุดเสียบใต้คานอย่างสวยงามให้ พลังเอ็ม ออกนำ 1-0
         ถึงตอนนี้หลังจากที่ ฉลามชล ต้องเหลือผู้เล่นเพียง 9 คน ทำให้เจ้าถิ่นบุกอย่างหนัก น.59 เจษฎา ได้ส่องไกลอีกครั้ง แต่บอลยังเบา ผู้รักษาประตูยังรับไว้ได้ ถัดมาเพียงนาทีเดียว โอลอฟ วัตสัน ก็ได้ซัดไกลเช่นกัน บอลไปติดขาของกองหลังชลบุรีออกหลังไป
         น.64 ฉลามชลโต้ขึ้นมาและได้ลุ้นบ้าง จากจังหวะได้บอลของ อดุลย์ หละโสะ หน้ากรอบเขตโทษก่อนตัดสินใจยิงไกล บอลข้ามคานออกหลังไปนิดเดียว ก่อนที่ทางชลบุรีจะตัดสินใจให้ "เจ้าแบงค์" ภูริทัต จาริกานนท์ ลงไปแทน เนย์ ฟาเบียโน่
         น.75 ฉลามชล ที่เหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่ากลับมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากลูกตั้งเตะริมเส้นด้านซ้ายระยะกว่า 30 หลา ณัฐพงษ์ สมณะ เขี่ยสั้นให้ อดุลย์ หละโสะ วิ่งมายิงบอลไปแฉลบขาของ ศิวะเมต ธนูศร กองหลังของเจ้าถิ่นเปลี่ยนทางเข้าประตูไป
         น.77 โอสถฯ น่าจะได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะหลุดเดี่ยวของคัพฟ้า แต่กลับยิงไปติดผู้รักษาประตู บอลยังกระเด็นมาเข้าทางคลีตันที่ยืนรออยู่ วิ่งมายิงซ้ำเข้าไป แต่ผู้ตัดสินยกให้เป็นลูกล้ำหน้า
         หลังจากนั้นก็เป็นทางโอสถฯ ที่โหมบุกอย่างหนัก แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่ผ่านแนวรับของ ชลบุรี น.82 คลีตัน ซิลวา ได้โอกาสจากลูกฟรีคิก ระยะ 20 หลากลางประตู แต่ก็ยังปั่นหลุดเสาออกหลังไปอีก
         น.87 พลังเอ็มยังคงโหมบุกอย่างหนัก และมีโอกาสได้ลุ้นจากลูกโหม่งของคัพฟ้า จากจังหวะเปิดยาวจากริมเส้นขวาของ กฤษฎา เก็มเด็ม แต่บอลยังหลุดเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
         ท้ายเกมการแข่งขัน เกมเริ่มบีบอย่างหนักเจ้าถิ่น โอสถสภาพยายามเร่งเกมบุกอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายยังไม่สามารถเจาะเข้าทำประตูได้ จบเกมการแข่งขัน โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี เสมอกับ ชลบุรี เอฟซี 1-1

 วาทะโค้ช
         ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก เฮดโค้ช โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี เอฟซี - มีโอกาสที่จะเก็บชัยชนะได้ หลังจากที่ทำประตูออกนำไปแล้ว น่าจะรักษาผลสกอร์เอาไว้ได้ แต่กลับควบคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่ได้เอง ทำให้โดนตีเสมอ ก็รู้สึกเซ็งกับผลที่ออกมา แต่ว่าสำหรับผลงานในฤดูกาลนี้ที่จบลงไปก็ถือว่าน่าพอใจ
         จเด็จ มีลาภ กุนซือ ชลบุรี เอฟซี - เกมวันนี้ต้องบอกว่านักเตะมีหัวใจเป็นยอดนักสู้มาก หลังจากที่เหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่าถึง 2 คน แต่กลับไล่ตามตีเสมอได้สำเร็จ แม้ว่าจะมอง 2 ใบแดงที่ได้ จะเป็นจังหวะที่ไม่น่าจะได้ แต่เกมในวันนี้ก็ไม่ได้มีปัญหา ทั้งสองทีมต่างก็เล่นกันอย่างแฟร์ๆ และทั้งสองทีมถือว่าสู้กันได้ดี

 
  คะแนนความสามารถนักเตะทั้งสองทีม
         โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี เอฟซี : ฉัตรชัย บุตรพรหม 7, ประทุม ชูทอง, บุญมี รอดจันทร์ 6 (สุรเดช ธงชัย 5), ศิวะเมต ธนูศร, มาซิโอ โรเบิร์ต ดา ซิลวา, คัพฟ้า บุญมาตุ่น 7.5 ,เจษฎา พั่วนะคุณมี 7.5, โอลอฟ วัตสัน  5.5 (กฤษฎา เก็มเดม 5.5),  เกรียงศักดิ์ ชุมพรผ่อง, อิวาน  เมนซาห์ 6 (อนิรุตน์  สืบยิ้ม 5.5), คลีตัน ซิลวา 7.5
         ชลบุรี เอฟซี : สินทวีชัย  หทัยรัตนกุล 7, ณัฐพงษ์  สมณะ 7.5, ไพศาล โพธิ์นา 5.5, ชลทิตย์ จันทคาม 5.5, เจษฎา เหมแดง 7, เอกพันธ์ อินทเสน 7.5, โรนัล  ดีแจม 6 (เคนเน็ธ 5.5), เดฟ ซิมสัน 5 (ภานุวัฒน์ จินตะ 6.5), อดุลย์ หละโสะ 8, เนย์ ฟาเบียโน่  5.5 (ภูริทัต จาริกานนท์ 6), ฌูลส์ บากา 7

    แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : อดุล หละโสะ กองกลางของ ชลบุรี เอฟซี