เจริญ มัจฉาวานิช เชิ้ตดำเคราะห์ร้าย เข้ารับการผ่านตัดเอากระสุนที่ฝังอยู่ในช่องท้องออกเรียบร้อยแล้ว อาการล่าสุดพ้นขีดอันตราย ขณะที่ พ.ต.ท.ประสิทธิ์ สิงหพล จนท.สอบสวน สบ.2 สภอ.เมืองพัทลุง ผู้รับแจ้งเหตุมุ่งเป้าไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว และความไม่พอใจของแฟนบอลบางกลุ่ม ด้าน ศักดา นวลหอม ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ชี้เป็นการไม่พอใจของแฟนบอลมากกว่า ตัดพ้อหากมีเกตุการณ์เช่นนี้อีก อาจจะเลิกทำหน้าที่ เพื่อกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวดีกว่า
 
       สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 แห่งศึกเอไอเอสลีก 2011 โซนภาคใต้ โดนลอบยิง หลังจบเกมในคู่ของ พัทลุง เอฟซี เสมอ กระบี่ เอฟซี 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา จนต้องเข้ารับการผ่าตัด เพื่อผ่าหัวกระสุนออกบริเวณหน้าท้องและแขนพร้อมกับ พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น
 
       โดยเบื้องต้นแพทย์ ยังคงให้ เจริญ มัจฉาวานิช ผู้ตัดสินโชคร้าย นอนพักรักษาอาการบาดเจ็บ โดยไม่มีกำหนด เพื่อรอดูอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมการคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
   

จนท.ชี้ปมส่วนตัว กับไม่พอใจการตัดสิน

        ขณะที่ พ.ต.ท.ประสิทธิ์ สิงหพล จนท.สอบสวน สบ.2 สภอ.เมืองพัทลุง หลังได้รับแจ้งเหตุ ก็ได้รุดไปที่เกิดเหตุเพื่อทำการตรวจสอบสภาพรถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กธ 7525 สงขลา ที่เป็นรถของคณะทีมผู้ตัดสิน เพื่อหากลูกกระสุนที่หลงเหลือไว้ใช้เป็นหลักฐาน ในการหาเบาะแสของคนร้ายต่อไป
 
       โดยเบื้องต้นได้ชี้ปมการรอบทำร้ายไปที่ความขัดแย้งส่วนตัว และปมของความไม่พอใจของบุคคลบางกลุ่ม ในการแข่งขันในแมชต์ดังกล่าว น่าจะเกิดจากแฟนบอลบางกลุ่มที่ไม่พอใจการลงทำหน้าที่ตัดสินของ ทีมผู้ตัดสินชุดนี้จนทำให้เกิดเหตุดังกล่าว หลังจากนี้จะหาเบาะแส เพื่อจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะถือเป็นคดีที่ อุกฉกรรจ์

ศักดา มองเหตุแฟนบอลบางกลุ่มไม่พอใจ

        ด้าน ศักดา นวลหอม ผู้ตัดสินที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ขับรถ กล่าวว่า "ก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นนั้น ตนและทีมงานได้ออกจากสนาม อบจ.พัทลุง แวะรับประทานอาหาร ก่อนที่จะจอดเพื่อแวะซื้อของฝาก หลังจากออกจากร้านได้เพียง 300 เมตร ก็มีคนร้ายขับรถตามประกบยิง
 
       โดยส่วนตัวก็ตัดเรื่องของความขัดแย้งส่วนตัวไปได้เลย เพราะดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนร้ายหวังที่จะหมายเอาชีวิต ทั้งคัน จึงไม่น่าเป็นการขัดแย้งส่วนตัวแน่นอน โดยมองไปที่การไม่พอใจ การทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน จากคนบางกลุ่ม ในเกมการแข่งขันฟุตบอลนัดดังกล่าว"

พ้อ หากเป็นเช่นนี้คงจะเลิกดีกว่า

        พร้อมทั้งยังได้กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า "หากเป็นเช่นนี้ ตนถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก ในวงการฟุตบอล ที่กำลังยกระดับขึ้นเป็นลีกอาชีพ เพราะผู้ตัดสินนั้น เป็นเพียงกลไกลหนึ่ง ที่ทำให้การแข่งขันสามารถพัฒนาไปได้เท่านั้น"
 
       "หากยังคงเป็นเช่นนี้ ตนเองก็คงจะยุติชีวิตการตัดสิน เพื่อไปอยู่กับครอบครัวดีกว่า เพราะทุกวันนี้ ตนอยากจะทำเพราะใจรักในฟุตบอล และอยากมีส่วนในการพัฒนาวงการนี้ให้ก้าวหน้า"

ไพศาล ยังมึน พร้อมย้ำไม่ขอเสี่ยง

         ด้าน ไพศาล เบ็ญเด็มอะหลี ผู้ตัดสินเกมนี้ ก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า "ในเกมนัดดังกล่าว ตนเองก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีที่สุดแล้ว แม้ว่าเกมของทั้งสองทีม จะมีการเข้าปะทะกันหนักหลายครั้ง การตัดสินในเกมนั้น ก็มีใบเหลืองฝั่งละ 4 ใบ
 
       ส่วนในบางจังหวะก็ยอมรับว่า อาจมีข้อผิดพลาดเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ซึ่งถือว่ายุติธรรมแล้ว แต่หากเป็นความไม่พอใจของแฟนบอลเกมนั้น ยังคงยืนยันว่า หลังจบเกมนักเตะ โค้ชของทั้งสองทีม ก็มีการขอโทษกันตามปกติ ซึ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองก็ยังรู้สึกมึนงง เพราะตนทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินในฟุตบอลโซนภาคใต้มากว่าสองปี ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเลย ทำให้สึกว่าการทำหน้าที่ต่อไปคงอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ"

นิกร วอนสมาคมทบทวนหา จนท.คุ้มกัน

        ฝั่ง นิกร พุ่มพูน ผู้ประเมินผู้ตัดสินที่มีภูมิลำเนาอยู่ใน จังหวัด พัทลุง เองหลังทราบข่าวก็ได้เดินทางมาที่ สภอ.เมืองพัทลุง โดยกล่าวว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นเหตุที่ไม่น่าเกิดขึ้นเลยในวงการกีฬาระดับอาชีพ
 
       โดยส่วนตัว ก็มีความเป็นห่วงความปลอดภัยของบรรดาผู้ตัดสิน ที่ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยง ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ยังมีให้เห็นซ้ำซาก หลังจากนี้ ตนเองก็จะทำหนังสือไปทางสมาคมเพื่อให้ออกระเบียบให้มีการจัดเจ้าหน้าที่คอย คุ้มกันอย่างใกล้ชิด หากยังไม่ได้ความชัดเจนในเรื่องนี้ ก็เชื่อว่าต่อไปผู้ตัดสินก็ไม่กล้า ที่จะเดินทางมาตัดสินฟุตบอลในแต่นัด หากเป็นเช่นนั
   

"เสธ.ตุ้ม" คุมเข้มแอลกอฮอล์ระวังภัยเปาไทยลีก,ด.1

        ด้าน "เสธ.ตุ้ม" พลตรี ชินเสน ทองโกมล ประธานคณะกรรมการและติดตามประเมินผลผู้ตัดสิน ที่ดูแลรับผิดชอบในส่วนผู้ตัดสิน ในศึกไทยพรีเมียร์ลีกและดิวิชั่น 1 ก็ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า
 
       "ผมเองได้รับคำสั่งจากท่าน วรวีร์ นายกสมาคมฟุตบอลฯ เพื่อให้เข้ามาดูแลและจัดการวางระบบให้กับผู้ตัดสิน ในส่วนของศึกไทยพรีเมียร์ลีกและลีกดิวิชั่น 1 โดยเฉพาะ แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นในส่วนของผู้ตัดสินเอไอเอสลีก ซึ่งอยู่ในระดับภูมิภาค และอยู่นอกเหนือการควบคุมของผม แต่ผมเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว
 
       โดยสิ่งแรกที่เราจะต้องเร่งดำเนินการ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับผู้ตัดสินไทยลีก และ ด.1 นั้นก็คือ เรื่องของการคุมเข้มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ถือเป็นฉนวนเหตุสำคัญ ที่อาจจะเป็นต้นตอของเหตุการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งในและนอกสนามเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับศึกเอไอเอสลีกโซนใต้ โดยผมรวมถึงคณะกรรมการและติดตามประเมินผลผู้ตัดสินท่านอื่นๆ จะมีการประชุมเพื่อหาบทสรุปของเรื่องนี้ร่วมกับ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด อีกครั้งภายในสัปดาห์ต่อไป"