โวล์ฟกัง โฮลซ์เฮาเซอร์ ซีอีโอ เลเวอร์คูเซ่น เผยการเจรจาซื้อนักเตะที่ล้มเหลว 2 ครั้งของเขาในการนั่งเก้าอี้ผู้บริหาร ครั้งแรกคือ เมซุต โอซิล สมัยเป็นดาวรุ่งของ ชาลเก้ 04 ซึ่งติดค่าตัวแพงไป แถมมีเรื่องกับโค้ชเรื่องการต่อสัญญาด้วย ส่วนอีกคนคือ อิลคาย กุนโดแกน ที่จำต้องถอนสมอ เพราะเอาเงินไปซื้อ อันเดร เชือร์เล่ หมดเกลี้ยง
 
โวล์ฟกัง โฮลซ์เฮาเซอร์ ประธานบริหาร "ห้างขายยา" ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ที่กำลังจะหมดวาระ เผยความลับบางอย่างตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่ทำงานกับทีม โดยหนึ่งในนั้นคือการเผยว่า ปฏิเสธโอกาสเซ็นสัญญากับ เมซุต โอซิล สมัยวัยรุ่น เนื่องจากมองว่า ค่าตัวแพงไป แถมตอนนั้น โอซิล มีปัญหาขัดแย้งกับโคัช "ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก้ 04 แล้วด้วย
 
 โฮลซ์เฮาเซอร์ เล่าถึงอดีตสมัยที่ โอซิล อายุ 18 ปี เป็นดาวรุ่งของ ชาลเก้ ยุคที่มี เมียร์โก้ สโลมก้า คุมทัพ โดย เลเวอร์คูเซ่น พยายามซื้อเขามาร่วมทีม แต่นอกเหนือจากค่าตัว 5.5 ล้านยูโร (ราว 220 ล้านบาท) ที่เขามองว่ามันแพงไปสำหรับนักเตะดาวรุ่งแล้ว โอซิล ดันมีเรื่องทะเลาะกับโค้ชเรื่องสัญญาค้าแข้ง ทำให้ โฮลซ์เฮาเซอร์ ตัดสินใจปิดการเจรจา และเป็น แวร์เดอร์ เบรเมน ที่ซื้อ โอซิล ไปเล่น ตามด้วย เรอัล มาดริด และปัจจุบันกับ อาร์เซน่อล
 
 "ตอนนั้นเขามีข่าวไม่ดีเท่าไหร่ เพราะว่า เมียร์โก้ สโลมก้า โค้ชเก่าของ โอซิล ระบายความโมโหเรื่องการต่อสัญญาออกมาอย่างเปิดเผย ตอนนั้นผมบอกว่า - นี่ ค่าตัว 5.5 ล้านยูโร สำหรับเด็กอายุ 18 ปี ที่มีปัญหากับโค้ช เนี่ยนะ ? เรามารอดูดีกว่าเขาจะเป็นยังไง" โฮลซ์เฮาเซอร์ กล่าว   
 
 นอกจาก โอซิล แล้ว ยังมีอีกกรณีหนึ่งคือ อิลคาย กุนโดแกน มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมัน ที่ย้ายจาก เนิร์นแบร์ก ไปเล่นกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โดย โฮลซ์เฮาเซอร์ อธิบายเหตุผลที่ไม่อนุมัติว่า "สุดท้ายแล้วเราไม่ได้ซื้อเขามา เพราะว่า อันเดร เชือร์เล่ ค่าตัวแพงกว่าที่คาดคิด (ซื้อมาจาก ไมน์ซ) ผมเลยไม่อยากจ่ายอีก 5.5 ล้านยูโรเพื่อซื้อ กุนโดแกน"